1
ชนวนเหตุ
สนามบินสุวรรณภูมิ
"แม่คะ เอาพาสปอร์ตหนูไปเช็คอินให้ก่อนนะ"
"ทำไมแม่ต้องไปก่อน โบนัสจะไปไหนลูก"
"ไปธุระนิดหน่อยค่ะแม่ และถ้าหนูมาไม่ทันแม่เข้าเกตก่อนเลยนะ เอาพาสปอร์ตหนูไปด้วยได้เลย ไม่ต้องห่วงหนู"
แม่มองหน้าฉันอย่างไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ฉันทำเรื่องคอขาดบาดตายมา ตอนนี้เรากำลังถูกตามล่า ทางเดียวที่จะรอดคือหนีออกจากประเทศนี้และหลบซ่อนตัว
"ไม่ได้นะโบนัส เราต้องไปด้วยกัน เราอุตส่าห์หนีจากมันได้แล้วนะลูก"
ฉันหันมองข้างหลังก่อนจะรีบขยับไปด้านหน้าจับเบาะลุงขับแท็กซี่ เพราะตอนนี้รถตู้สีดำหลายคันกำลังขับใกล้เข้ามาทุกที
"ลุงคะ ขับเร็วกว่านี้ได้ไหม"
"ไม่ได้หรอกหนู ตรงนี้ควบคุมความเร็ว"
"ขอร้องล่ะค่ะ หนูจะตกเครื่องแล้ว"
ลุงมองฉันผ่านกระจกหลังก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังเฮือก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมทำตามที่ขอ รีบเหยียบคันเร่งตรงไปที่สนามบินด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
จากนั้นฉันก็รีบเตรียมพร้อม รวบสายกระเป๋าคล้องแขน และหยิบเงินที่แลกให้แม่ทั้งหมด เพราะระหว่างที่ลงจากรถวิ่งเข้าไปในตัวอาคารจะเกิดเหตุอะไรขึ้นก็ไม่รู้
"อะไรโบนัส ให้เงินแม่หมดเลยเหรอ"
"แม่เอาไว้ก่อนค่ะ หนูกลัวหาย ไปเช็คอินทำอะไรให้เสร็จก่อนนะคะ แล้วหนูจะรีบตามไป"
แม่มองฉันตาละห้อย...
"โถ่ลูก เพราะแม่แท้ๆ โบนัสต้องลำบาก"
ฉันส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ท่าน
"นัสโอเคแม่ อย่าห่วงเลยนะ ลงจากรถก็รีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์เลยนะแม่"
นาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายใกล้ขึ้นทุกที ฉันบีบมือแม่แน่นและชะเง้อมองตลอดทาง โชคดีที่คุณลุงเป็นศิษย์เดอะฟาสต์ ปาดเก่งมาก ตอนนี้เราได้ทิ้งระยะห่างจากพวกนั้นมาพอสมควรแล้ว
และเมื่อถึงหน้าประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก รถจอด 'เอี๊ยด' ฉันก็รีบจ่ายเงินและคว้ากระเป๋าลงจากรถทันที
"แม่ไปเลยค่ะ ไปเลย!"
แม่ลังเล และมองฉันด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
"นัส แล้วลูกจะ..."
"ไปสิแม่!"
ที่ฉันต้องตวาดและดันหลังแม่ให้เข้าไปในอาคาร ก็เพราะรถตู้พวกนั้นมาจอดเทียบแล้ว ฉันจึงรีบวิ่งไปอีกทางตั้งใจจะเข้าประตูสุดท้ายและหลบอยู่ข้างใน แต่พอออกแรงวิ่งสุดชีวิตพวกบ้านั่นก็วิ่งตามมาอีก
ขายาวๆของผู้ชาย กับขาสั้นๆของฉันมันเทียบกันไม่ได้เลย!
"หยุด!" หยุดก็โง่สิ
มีเสียงตะโกนตามหลัง แต่เมื่อฉันเหลียวไปมองแค่แวบเดียวและหันมาอีกครั้งก็ชนเข้ากับอกใครบางคนจังๆ
'ปึก!'
"โอ๊ย! ขะขอโทษค่ะ ขอทาง.." ฉันจับหน้าผากที่ปวดหนึบเงยขึ้นขอโทษ และตั้งท่าจะวิ่งต่อ แต่เมื่อสบตากับเขาคนนั้นหัวใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มและตัวแข็งทื่อ
คุณแทนทิว...!
"ขอทางงั้นเหรอ หึ...แต่ทางที่เธอจะไปได้ตอนนี้คือนรก" พูดจบก็เผยยิ้มร้ายกาจมาให้ ก่อนที่จะพยักหน้าสั่งลูกน้องที่วิ่งมาถึงล็อกแขนฉันไว้ทันที
ฉันดิ้นพล่านมองเขาตาละห้อย ถึงโอกาสจะแทบไม่มี แต่ก็อยากอ้อนวอนอีกครั้ง
"ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ นะๆ ฉันไหว้ล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจหลอกคุณ"
"เหรอ..."
"ใช่ค่ะ"
"ให้พูดอีกครั้ง"
ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ได้สัมพันธ์กับแววตาเขาเลย นัยน์ตาคู่นั้นกำลังกดฉันจนมุม และกำลังจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ
จนเขาโน้มมาใกล้ๆ...และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำกว่าเดิม ข้างในฉันก็ปั่นป่วนจนทำตัวไม่ถูก
"ฉันบอกให้พูด... อีกครั้ง"
"ชะ... ใช่ ฉันตั้งใจ ฉันขอโทษ ฮือๆ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องยืมมือคุณ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ปล่อยฉันไปมีชีวิตใหม่กับแม่ที่เมืองนอกเถอะ ฉันสัญญาว่าอนาคตจะมาตอบแทนบุญคุณ"
เขายิ้มกว้าง... พลางใช้หลังมือลูบไล้ที่แก้มขาวของฉัน
"อนาคตฉันรอไม่ไหว ฉันอยากได้ตอนนี้"
"ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วยยย~"
จบแล้ว มันจบแล้วจริงๆ
ผู้คนแถวนั้นไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของฉันเลย ความมีอิทธิพลของเขาแม้แต่รปภ.ก็ยังเลือกไปยืนไกลๆแกล้งทำเป็นเป่านกหวีดโบกรถ ฉันมองเข้าไปในตัวอาคารสนามบินอย่างหมดหวัง ขาสองข้างแทบไม่ได้ก้าว เพราะมันถูกลากไปกับพื้นจนไปถึงรถตู้คันสีดำ
และคนพวกนั้นก็ยัดฉันขึ้นรถอย่างไม่เบาแรง
"โอ๊ย เจ็บนะคะ"
"เงียบ" คนที่ขึ้นมาตามหลังหันมาออกคำสั่ง พร้อมกับมือหนาที่บีบเข้าที่คอของฉันและดัน 'ปึก!' จนติดกระจก
"ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิพูดอะไรทั้งนั้น เพราะฉันกำลังทวงสิ่งที่เราตกลงกัน"
มือที่บีบคออาจจะไม่ได้ลงน้ำหนักมาก แต่ฉันรับรู้ได้ผ่านแววตาคู่นั้นว่าเขาสามารถทำมันได้จริงๆ รอยยิ้มใจละลายที่ใครต่างก็ลุ่มหลง สุดท้ายมันคือม่านบังตาปกปิดความเป็นปีศาจของเขา
และฉัน...คงหนีมันไม่ได้อีกแล้ว ครั้งนี้ยอมจำนนเพราะสิ่งที่ตกลงกันฉันเป็นคนรับปากเองและฉันก็ตั้งใจหลอกเขาจริงๆ
'ครืดดดด ครืดดดด'
ตาคมกดมองตามเสียงสั่นที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงฉัน ก่อนที่จะรีบใช้มืออีกข้างดึงมันออกมา และหันหน้าจอให้ฉันดู
แม่โทรมา คงถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วสินะ
"ฉันขอคุยกับแม่ก่อนได้ไหมคะ อย่างน้อยๆให้แม่ฉันไปจากที่นี่โดยไม่ลำบากใจก็ได้"
"หึ เป็นลูกที่ดีจริงๆ"
เขาเอ่ยชมฉันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปล่อยฉันให้เป็นอิสระ แต่เมื่อฉันจะหยิบมือถือจากมือเขา มืออีกข้างของคุณแทนทิวก็ชักปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าผากอย่างรวดเร็ว
ฉันชะงักอีกครั้ง และเหลือบขึ้นไปมองกระบอกปืนดำขลับอย่างหวาดหวั่น
"ฉันขอรับสายนะคะ นะ..."
"ได้รับสายแน่นอน แต่...ระวังปากไว้ด้วย" ฉันพยักหน้ารับคำ และจากนั้นเขาก็กดรับสายเปิดสปีกเกอร์โฟนให้
(โบนัสอยู่ไหนลูก เขาเรียกขึ้นเครื่องแล้วนะ แม่จะเข้าเกตแล้ว)
แม่พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ
"มะ แม่คะ... แม่ไปเถอะค่ะ ล่วงหน้าไปก่อนเลย นัสมีธุระที่ต้องจัดการนิดหน่อยค่ะ"
(อ้าว ธุระอะไรลูก ไหนตกลงกับแม่แล้วไง)
"ธุระเรื่องเรียนค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนัสนะ นัสจะรีบบินตามไปแน่นอน"
(แต่เงินโบนัสอยู่กับแม่หมดเลยนะ รวมถึงพาสปอร์ตด้วย)
ฉันหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ใช่... ฉันเตรียมตัวอย่างดีเพื่อหนีจากประเทศนี้ ประเทศที่คนมีเงินเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ไม่ใช่มีกำลังซื้ออาหารเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่คือความเท่าเทียมทางด้านสังคมต่างหาก
คนรวยไม่เคยได้ติดคุก คนรวยมีอำนาจข่มเหงคนอื่น กฎหมายมันหละหลวมให้เฉพาะพวกมีอิทธิพลทั้งนั้น
"พาสปอร์ตทำใหม่ได้ เงินก็หาใหม่ได้ค่ะแม่ โบนัสจะทำงานหาเงินและตามแม่ไปนะ แม่ไม่ต้องห่วงนะ ไอ้แก่นั่นมันก็ตายไปแล้ว ไม่มีใครทำอะไรหนูได้หรอก"
ประโยคสุดท้ายของฉัน ทำให้คุณแทนทิวยิ้มที่มุมปาก