3
ต้นเหตุ
สองเดือนก่อนหน้า
มหาวิทยาลัย T
"ขนมจีบจ้า~ เร่เข้ามาๆอร่อยไหมไม่รู้ รู้แต่คนขายร้อนเงิน"
"เหมยลี่แกพูดแบบนั้นจะขายได้ไหมเนี่ย"
"ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ขนมจีบของฉัน แต่เป็นของแก ฮ่าๆ"
ฉันกลอกตาใส่เพื่อนตัวเอง แต่ฉันร้อนเงินจริงๆ ช่วงนี้ต้องเก็บหอมรอมริบให้ได้มากที่สุดเพื่อตั้งตัวกับแม่ และขนมจีบนั้นแม่ฉันก็ทำเอง เลิกคลาสแรกเสร็จฉันจะเอามาขายที่โรงอาหาร ถ้าวันไหนยุ่งมากๆก็ฝากแม่ค้าแถวนั้นช่วยขายให้
เนื่องจากล็อกร้านค้าที่ทางมหาวิทยาลัยจัดสรรยังไม่เต็ม เลยอนุโลมให้นักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริมวางของขายได้โดยไม่เก็บค่าเช่าสักบาท
ซึ่งมีฉันคนเดียวละมั้งที่เอาของมาขาย นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยนี้รวยๆกันทั้งนั้น อีกอย่างมาจับจองทีไรก็ไม่เห็นมีใครมาแย่งเลย
"เออ แล้วแกเก็บเงินได้เยอะยัง เรื่องวีซ่าอะไรเรียบร้อยแล้วใช่ไหม"
"พอประมาณแล้วล่ะ ส่วนวีซ่ารอพิจารณา แต่ไม่น่าจะมีปัญหานะ เพราะป้าฉันเขียนใบเชิญมาแล้ว"
เหมยลี่พยักหน้า
"อืมๆ แล้วเรื่องเรียนแกแน่ใจนะว่าจะไม่รอเรียนให้จบก่อน อีกปีเดียวเองนะเว้ย"
"ฉันรอไม่ได้แล้วแก แกก็รู้ว่าที่ผ่านมาฉันกับแม่เจออะไรมาบ้าง ฉันไม่รอให้มันฆ่าแม่ฉันหรอกนะ" เหมยลี่วางมือบนไหล่ฉันแล้วบีบเบาๆ
"ฉันเข้าใจ มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะ เฮ้อ~จะขายขนมจีบเฟียสๆซะหน่อย ดราม่าเฉยเลยว่ะ"
ฉันหันไปยิ้มตอบ จริงๆแล้วฉันเลิกดราม่าเรื่องนี้ไปนานแล้ว ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปและเข้มแข็งเข้าไว้จะได้พาแม่ออกมาจากที่ตรงนั้นได้สักที
"คนมาซื้อแล้วเหมยลี่"
ฉันหันไปบอกเพื่อนสนิทเพื่อให้เธอขยับออกไป เพราะมีนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาดูขนมจีบที่ฉันวางไว้บนถาด
"ทั้งหมดเท่าไหร่"
"คะ..."
"ทั้งหมดเท่าไหร่ ฉันจะเหมาค่ะ" ฉันกับเหมยลี่มองหน้ากัน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเหมา!
"ทั้งหมดสามพันบาทค่ะ"
"ฉันให้หนึ่งหมื่นค่ะ รบกวนใส่กล่องให้ด้วยนะคะอีกยี่สิบนาทีจะมารับ"
เธอพูดจบก็เดินออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นจากหน้าร้านขนมจีบฉันด้วยซ้ำก็หยุดชะงัก และหันมาอีกครั้ง
"ขายทุกวันไหม ถ้าขายทุกวันฉันขอเหมาทุกวัน พอดีเพื่อนชอบขนมจีบของเธอมาก"
เหมาทุกวัน! ฉันกับเหมยลี่มองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะรีบพยักหน้ารัว
"ขายทุกวันค่ะพี่สาว" เหมยลี่ตอบอย่างตื่นเต้น
"งั้นทำมาให้ฉันทุกวันนะ เอาเท่าที่เธอขายวันนี้ล่ะ"
"ดะ ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
ฉันรีบเอ่ยขอบคุณพี่สาวคนนั้น และเมื่อเธอเดินออกไปก็รีบจัดขนมจีบใส่กล่องให้ทันที ถ้าแม่รู้ว่าขนมจีบถูกเหมาทุกวันแบบนี้ แม่ต้องดีใจมากแน่ๆ
"เหมือนฝันเลยว่ะเหมยลี่"
"จริง ทำส่งอย่างเดียวก็ดีแกจะได้มีเวลาเรียน และมีเวลาเตรียมตัวด้วย แต่แกกับแม่จะหนีออกมาได้แน่ๆใช่ไหม อีเสี่ยบ้านั่นคงไม่บินไปลากตัวกลับมานะ"
ฉันชะงัก... นี่คือสิ่งที่กลัวและยังไม่มีทางออก
อีเสี่ยนั่นมีอิทธิพลมาก มีลูกน้องเป็นชายฉกรรจ์ที่เก็บดอกเกือบร้อยคน แถมยังเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่
แม้แต่ตำรวจก็ถูกมันซื้อไปแล้ว มันเป็นพ่อเลี้ยงฉันเอง ที่ฉันกับแม่ต้องทนอยู่เพราะโดนข่มขู่ทุกวัน ถ้าคิดจะหนีไปจากบ้าน มันบอกจะตามจองล้างจองผลาญ และฆ่าเราสองคนทิ้ง
อีกอย่างที่น่าเจ็บใจมันบอกว่ารักแม่มาก แต่ทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดีก็ตบตีแม่ฉัน ฉันทนเห็นและทนอยู่กับสภาพแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
"มันต้องมีวิธีที่ฉันจะหนีออกมาได้ล่ะแก ตอนนี้รอแค่วีซ่าผ่าน หนีไปขึ้นเครื่องได้ก็น่าจะหลุดพ้นไปเปราะนึง ไปถึงที่นู่นค่อยว่ากันใหม่"
"เฮ้อ ชีวิตแกน่าสงสารเป็นบ้าเลย แกควรมีผัวเป็นมาเฟีย นักฆ่า หรือสายลับจอห์นวิค มาฆ่ากลุ่มอีเสี่ยนั่นให้ตายหมด"
ฉันถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
นั่นมันมีแค่ในหนังและนิยายเท่านั้น ฉันยังเคยคิดว่าอยากจะได้ถุงมือธานอสดีดอีเสี่ยนั่นให้หายไปจากโลกนี้เลย
แต่มันไม่มีวันเป็นไปได้...
•••
หลังจากที่จัดขนมจีบใส่กล่อง และเตรียมเครื่องเคียงใส่ถุงเสร็จ ไม่ถึงสามนาทีพี่ใจดีคนนั้นก็มารับไป เราแลกเบอร์กันแล้ว เธอบอกให้ฉันทำมาทุกวันได้เลย ขนมจีบพวกนี้จะเอาไปแจกเพื่อน แจกน้องที่ชมรม
ฉันมองยอดเงินที่โอนเข้าหมาดๆด้วยรอยยิ้ม ถ้าได้แบบนี้ทุกวัน ฉันกับแม่เก็บเงินหนีไอ้เสี่ยนั้นได้สบายแน่
"ไปเรียนกัน" เหมยลี่จับมือฉันเดินขึ้นตึกที่เราจะเรียนคลาสต่อไป
"แกขึ้นไปก่อน ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย ห้องน้ำบนตึกมืดน่ะ ฉันกลัวผี"
"โอเค งั้นฉันไปด้วย..."
'ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ'
ขณะที่เหมยลี่กับฉันกำลังลงบันได ก็ได้ยินเสียงรองเท้าคนวิ่งลงมาจากตึกหลายคู่ ซึ่งมีคนกำลังวิ่งลงมาจริงๆ แม้แต่นักศึกษาที่เรียนคลาสเดียวกันกับเราด้วย
ไฟไหม้เหรอ?!
"ว้าย อะไรกันเนี่ย มีอะไรกัน" เหมยลี่คว้าแขนเพื่อนคนหนึ่งไว้
"Z-LION มามหาลัยน่ะสิ!"
"ว่าไงนะ กรี๊ดดดดดด ฉันจะไปดูหน้าหล่อๆของพวกเขาาาา"
เหมยลี่สติแตกไปทันทีแถมยังคว้าข้อมือฉันหมับ! และกระชากลากดึงไปด้วย
ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปงงๆ รู้ว่า Z-LION คือใครแต่ไม่เคยสนใจหรอก เพราะมหาวิทยาลัยนี้แบ่งชนชั้นเก่งมาก ลูกผู้ดีมีเงินแทบไม่ต้องเข้าเรียนในคลาสหรือกินข้าวที่โรงอาหารให้นักศึกษาธรรมดาอย่างเราได้เห็น
คนพวกนั้นจะได้สิทธิพิเศษมากมาย มีห้องกินข้าวแอร์เย็นหรูหรา หรือแม้แต่ให้อาจารย์ไปสอนที่บ้านเป็นการส่วนตัวก็ได้ และนี่คงเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ของประชาชนชาวไทย
เพราะZ-LION ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้ มามหาวิทยาลัยเป็นครั้งที่สองในรอบสี่ปี!
"โอ๊ยเลือกใครดี เมนใครดี เลือกไม่ถูกเลย แบดๆพี่ไดอา หล่อคุณชายคุณแทนทิว อปป้าเกาหลีพี่ซอจุน"
"แกควรเลือกขึ้นไปเรียน" ฉันหันไปบอกเพื่อน
"วันนี้ยกเลิกคลาสค่ะนักศึกษา" ฉันกับเหมยลี่หันขวับไปมองเสียงปริศนาที่แทรกขึ้นมา
แต่เป็น...
อาจารย์!
อะไรจะขนาดน๊านนน! อาจารย์ก็ลงมาหวีด Z-LION กับเขาด้วย
"อาจารย์ชอบใครสุดคะ" เหมยลี่รีบขยับไปถาม นางตื่นเต้นราวกับเจอเพื่อนด้อมเดียวกัน (ด้อม=กลุ่มแฟนคลับศิลปิน)
"จะบ้าเหรอฉันแก่แล้วนะ ไม่สนใจหรอก แต่แทนทิวเรียนเก่งมาก จีเนียส อาจารย์เคยไปสอนที่บ้านเขา เขาแทบไม่ฟังเลย นั่งดูพอร์ตหุ้น แต่สอบได้เต็มทุกครั้ง"
หูฉันฟัง แต่ตามองไปที่รถสปอร์ตหรูสามคันที่เข้ามาจอด แต่ไม่พอแค่นั้น...มีรถตู้สีดำอีกสองคันขับตามมาด้วย
จากนั้นคนในรถตู้ก็ลงมาจากรถ และเดินไปเปิดประตูให้ลัมโบร์กินีสีดำด้านคันแรกที่จอดอยู่ก่อน ประตูปีกนกที่เปิดสวิงขึ้นเท่ดีจัง... ต้องรวยเบอร์ไหนถึงมีรถแพงๆขับแบบนี้
"นั่นไง... แทนทิว"
อาจารย์พูดขึ้นเบาๆ แต่สาวๆที่ยืนอยู่ในบริเวณนี้แทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย เข้าใจว่าอยากกรี๊ดแต่กรี๊ดไม่ได้ไหมทุกคน มันเป็นแบบนั้นล่ะ ได้แต่ทำเสียงอู้อี้และกระโดดโหยงๆชี้ไปที่เขา
ซึ่งความหล่อ... เต็มร้อยให้ร้อยห้าสิบ เกินไปมากจริงๆ ได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามว่าเป็นผู้ชายที่ปังที่สุด ไม่คิดเลยว่าจะหล่อขนาดนี้ แถมอาจารย์ยังรับประกันในความเก่งของเขาอีก เพอร์เฟกต์เวอร์
ฉันยืนมองเงียบๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันสงสัย... ทำไมผู้ชายสูทดำที่ลงจากรถตู้ต้องไปยืนคุ้มกันแค่เขา
"ทำไมมีบอดี้การ์ดอยู่คนเดียว" เหมยลี่หันมายิ้มให้ฉัน
"คนอื่นก็มีนะ แต่คุณแทนทิวมีเยอะกว่าและเข้าถึงยากมาก เพราะเหมือนคุณแทนทิวจะเป็นลูกชายผู้มีอิทธิพล"
พวกมีอิทธิพลอีกแล้วเหรอ
"แทนทิวเป็นทายาทมาเฟีย"
เราสองคนหันไปมองพร้อมกัน คนที่พูดประโยคนี้คืออาจารย์ที่อยู่ข้างๆฉัน และสายตาของอาจารย์ก็มองตรงไปที่เขาตาไม่กะพริบ
ทายาทมาเฟีย?... มาเฟียที่ยิ่งใหญ่กว่ากลุ่มพวกปล่อยเงินกู้ต๊อกต๋อยน่ะเหรอ
พึ่งรู้ว่าประเทศไทยมีมาเฟียด้วย ที่ผ่านมาฉันคิดว่ามีแค่พวกที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบที่มีลูกน้องหลักสิบ และชอบเก็บดอกแพง เรี่ยไรเงินชาวบ้านเท่านั้น
พออาจารย์พูดคำว่า 'มาเฟีย' ขึ้นมา...ฉันขนลุกเลย