เสียงของฉันที่ตั้งใจพูดให้ดังขึ้นทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามองที่เราสองคนเป็นตาเดียว นักข่าวก็เริ่มแอบถ่ายรูปเราเก็บไว้
“ยังไม่ทันดังก็อยากดับแล้วเหรอ? แน่ใจนะว่าเธอจะแลก”
เนตรดาวขู่ด้วยเสียงกระซิบ พลางหันไปยิ้มหวานให้กับคนที่เริ่มจับตาดูเรา
ดูเหมือนเธอเองก็ไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของเธอต้องแปดเปื้อน
แต่ขอโทษย่ะ เรื่องนี้บทนางเอกเป็นของฉัน
“ห่วงตัวเองเธอ ฉันยังไม่ดังไม่เป็นไรหรอก แต่คนรู้จักเธอเยอะนะ อยากได้ฉายาว่าเป็นงจงอางหวงไข่รึไง แค่ผู้ชายของเธอมาคุยกับฉันแค่นี้ถึงกับต้องอาฆาตกันขนาดนี้เลยเหรอ หรือที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะรักเธอจริงรึเปล่า ก็เลยคอยไล่ผู้หญิงทุกคนที่มาเกาะแกะ กลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไปรึไง”
เหมือนว่าฉันจะพูดแทงใจดำเธอเข้า สีหน้าของเนตรดาวตอนนี้ไม่ต่างจากคนกำลังอมขี้ไว้เลยล่ะ คงจะอึดอัดน่าดู
“หุบปาก”
ตายละ เถียงไม่ออกเลยสินะ อุวะฮะฮะฮ่า สะใจเป็นบ้า
“งั้นเธอก็ควรจะหยุดพาลได้แล้ว หวังว่าเจอกันครั้งหน้า คงมีสติมากกว่านี้นะ”
ฉันแสยะยิ้มส่งท้ายแล้วสะบัดบ๊อบเดินออกมา นี่ขนาดแค่ยืนคุยกับอีตานั่นยังเดือดซะขนาดนี้ ถ้ารู้จะเราสองคนเคยจูบกันเดือดขนาดไหน คงเป็นบ้าไปเลยมั้ง หึ
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะก้าวเดิน... ยัยเนตรดาวที่หมดความอดทนก็กระชากผมฉันอย่างรุนแรง ทำเอาฉันที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงกับเซไปตามแรงกระชาก
“กรี๊ดดดด”
เล่นทีเผลอเหรอ! ได้!!
ตอนนี้กลายเป็นว่าฉันกับยัยเนตรดาวเปิดฉากขึ้นสังเวียนมวยกันเป็นที่เรียบร้อย ไม่มีใครสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกแล้ว นาทีนี้ใครตบได้เยอะกว่าเป็นฝ่ายชนะ
ฉันกับยัยเนตรดาวจิกหัวกันไม่หยุดประหนึ่งแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน นักข่าวสาดแฟลชมาที่เราอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามเราสักคน
แต่ก่อนที่เราคนใดคนนึงจะโดนจิกผมจนหัวล้าน ก็มีแขนแข็งแรงของผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาแทรกกลางระหว่างเรา
“หยุด!!”
ติณเข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับเนตรดาว คิ้วเข้มนั้นขมวดจนแทบจะชิดติดกัน เพิ่งเคยเห็นเขาทำสีหน้าดุๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก เวลาจริงจังก็หล่อดีเหมือนกันแฮะ
เดี๋ยวนะ นี่มันใช่เวลาไหมยะ สติ!
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! ขวัญ!”
โอ้ พระเจ้า ให้ตายเถอะ
อย่าบอกนะว่านั่นเป็นเสียงของพันเทพ ผู้ชายที่ตามตื๊อฉันอยู่อย่างเหนียวแน่น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะตามหาฉันจนเจอ ยังกับว่าแอบฝังชิพจีพีเอสไว้ในตัวฉันงั้นแหละ
พันเทพวิ่งเข้ามาพยุงฉัน เขาเป็นผู้ชายผิวแทน ความสูงมาตรฐานชายไทย หน้าตาถือว่าดูดีในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับหล่อปังมาก
ฐานะก็ถือว่าเป็นคนมีเงินแต่ก็ไม่ได้รวยมาก ที่ฉันไม่ชอบเขาเพราะเขาชอบทำตัวน่ารำคาญ ตามติดฉันยิ่งกว่าเป็นเห็บหมัดบนตัวหมา
“ติณคะ เนตรไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
ยัยเนตรดาวตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
“แต่ผมเห็นว่าคุณเป็นคนเริ่มก่อนนะ”
เออ มันต้องอย่างนี้สิ
“ยัยนั่นเดินสะดุดขาตัวเองแล้วมาด่าเนตรก่อนนี่คะ”
เนตรดาวยังเถียง
“เธอขัดขาฉันชัดๆ อย่ามาโกหกนะ”
ฉันเถียงกลับ ฉันไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดหรอกย่ะ
ติณหันมามองหน้าฉัน สายตาเขาในตอนนี้บอกว่าไม่ได้ล้อเล่น
“มองหน้าฉันทำไม” ฉันแหว “แฟนคุณมาหาเรื่องฉันก่อนนะ”
“ก็ฉันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจไง!”
“อย่ามาตอแหล!”
“พอ! หยุด!” ติณขึ้นเสียง
และการกระทำของเขาได้ผล ฉันกับเนตรดาวปิดปากนิ่งสนิท เหมือนจู่ๆ ก็มีคนมาเย็บไว้ไม่ให้พูด
จากผู้ชายมาดเพลย์บอยกลายมาเป็นคนที่น่าเคารพได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“นายพาแฟนนายไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการแฟนฉันเอง”
พันเทพโพล่งขึ้น ก่อนจะลากฉันที่กำลังมองจิกยัยเนตรดาวให้เดินออกมาจากสมรภูมิ
ขุ่นพระ ว่าแต่ฉันไปเป็นแฟนเขาตอนไหน มโนชะมัด
“พูดแบบนั้นคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดหมดสิ!” ฉันสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของพันเทพ
“ก็ผู้หญิงคนนั้นเขาหาเรื่องคุณเพราะหวงแฟนไม่ใช่เหรอ ถ้ารู้ว่าคุณมีแฟนแล้วเธอจะได้เลิกยุ่งกับคุณไง”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่คราวหน้าไม่ต้อง”
ฉันเดินกลับไปที่ถนนเพื่อโบกแท็กซี่ด้วยความหัวเสีย หลังจากวันนี้ไปฉันคงต้องเก็บตัวอยู่เงียบๆ และเลิกเล่นโซเชียลไปสักพักเลยแหละ
ไม่รู้ว่าคืนนี้นักข่าวจะพาดหัวกันแบบไหน นางแบบตบกันแย่งผู้ชาย หรืออาจจะใส่สีตีไข่อะไรเข้าไปอีกก็ไม่รู้ ดีไม่ดีนักสืบโซเชียลก็อาจจะไปขุดเรื่องราวในอดีตของเรามาตอกย้ำอีก
และนี่ก็คือผลของการทำอะไรไม่คิด คุ้มไหมล่ะ!
“เดี๋ยวผมไปส่ง”
ยัง ยังตามมาอีก หน้าฉันในตอนนี้มันดูเหมือนว่าอยากคุยกับเขามากเลยรึไง!
“ไม่เป็นไร ฉันจะนั่งแท็กซี่กลับ”
“ให้ผมไปส่งเถอะนะ ดึกแล้ว อันตราย”
อย่างกับว่าถ้าฉันกลับกับนายจะปลอดภัยตายแหละ อันตรายกว่าแท็กซี่อีกมั้ง
“ก็ได้”
แต่ที่ฉันตอบออกไปแบบนั้น ก็เพราะว่าฉันไม่อยากเสียเงินค่าแท็กซี่ค่ะทุกคน
ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัดไว้ก่อน มีอำนาจความสวยอยู่ก็ใช้ไปค่ะ
ฉันยอมเดินตามพันเทพไปที่โรงจอดรถ
แต่ระหว่างทางก็มีรถแลมโบกินี่สีดำขลับคันหนึ่งขับสวนออกมา พร้อมกับสาดไฟสูงส่องหน้าฉัน
อร๊ายยย มารยาททรามมาก!
รถหรูค่อยๆ เลื่อนกระจกลงเผยให้เห็นว่าใครคือคนขับ ภัทรตินยื่นกระเป๋าสีเงินของฉันออกมา
“คืนกระเป๋า”
ฉันรีบยื่นมือออกไปหยิบกระเป๋ามาก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ ยัยเนตรดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ มองค้อนขวับ
“แล้วอย่าเอาไปทิ้งในถังขยะอีกล่ะ”
ติณพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะปิดกระจกแล้วขับรถออกไป
“คิดว่าเท่มากรึไงวะ น่าหมั่นไส้จริงๆ” พันเทพบ่น “เกลียดพวกทำตัวรวยชะมัด”
เอ่อ แต่ว่านายก็รวยนะ แต่แค่รวยไม่เท่าอีตานั่นเท่านั้นเอง
“อย่าไปยุ่งกับมันนะขวัญ มันขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวยงเลยแหละ พอๆ กับพวกเพื่อนๆ ของมัน ไว้ใจไม่ได้สักคน”
ต่อให้นายไม่บอก ฉันก็คงไม่มีทางไปยุ่งกับคนพรรค์นั้นหรอก
“ไม่มีเหตุผลจะต้องไปยุ่งอยู่แล้ว” ฉันตอบ
หึ หวังว่าต่อไปนี้เราคงไม่ต้องเจอกันอีกนะ ภัทรติณ!