โรงอาหารแพรพรรณดีไซน์
“ทำไมถึงนั่งน่าบึ่งอย่างนั่นล่ะอัญ กับข้าวไม่อร่อยเหรอ” อริสราถามเพื่อนสาวที่ตอนนี้กำลังนั่งเหม่อคิ้วสวยขมวดพันกันยุ่งไปหมด หรือว่ากับข้าวจากภัตตราคารที่คุณกฤตยชญ์สั่งมาเลี้ยงคนงานจะไม่ถูกปาก ก็ไม่น่าจะใช่นะอาหารออกจะอร่อย ดูสิขนาดเธอเรียกเพื่อนสาวก็ไม่ยักจะหันมามองเลย จนเกศรินทร์รุ่นพี่ที่แผนกต้องช่วยเรียกซ้ำเสียงดัง
“อัญ!! อัญญาดา!!!”
“ค่ะ คะ พี่เก๋ว่าไงนะคะ” อัญญาดาเลิ่กลั่กพูดออกมาเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจับจ้อง
“เป็นอะไรน่ะเราพี่กับริษาเรียกตั้งนาน ก็ไม่ตอบ” สาวรุ่นพี่พูดติทีเล่นทีจริงจนอัญญาดาหันมายิ้มเจือนๆให้พร้อมทั้งพูดขึ้นเสียงอ่อย
“อัญขอโทษค่ะ อัญก็คิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละค่ะพี่เก๋”
“แน่ใจนะอัญ ถ้าคิดมากเรื่องอะไรอัญต้องบอกริษานะอย่าเก็บไว้คนเดียว ริษาเป็นห่วง” อริสราพูดเสริมขึ้นบ้างพร้อมทั้งมองหน้าเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เพื่อนสาวของเธอเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว เธอจึงไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
“แน่ใจสิริษา เอ่อ คือ อัญขอตัวก่อนนะต้องรีบไปเคลียงานที่ค้างไว้ ไปก่อนนะทุกคน...”
“อ้าว อิ่มแล้วเหรออัญ กินไปนิดเดียวเองนะ...อะไรของเขาเนี่ย”
อริสรามองตามหลังเพื่อสาวที่รีบเดินไวๆเข้าไปยังตัวอาคารของบริษัทด้วยความแปลกใจ จริงอยู่ที่ว่างานช่วงนี้ยุ่งมากแต่ปกติแล้วอัญญาดาเป็นที่เห็นคุณค่าของอาหารมากแทบจะไม่เคยกินเหลือเลยสักครั้งแต่ดูครั้งนี้สิ ยังพูนเต็มจานอยู่เลย
ร่างระหงของอัญญาดาเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องประธานบริหาร ในมือเรียวถือถุงที่บ่งบอกถึงแบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อหรู ใช่แล้ว!
นี่คือเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เธอตั้งใจออกไปซื้อตอนพักเที่ยงเพื่อชดเชยเสื้อตัวเก่าของกฤตยชญ์ที่ทำเลอะไปเมื่อเช้า จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก เธอรักการออกแบบ และการทำงานที่นี่มันก็ทำให้เธอมีความสุข เพราะฉะนั้นอะไรที่เลี่ยงได้เกี่ยวกับคนของ เลิศไพศาลกุล เธอเองก็อยากจะเลี่ยง
“ฉันมาขอพบคุณกฤตยชญ์ค่ะ”
“เอ่อ...รอสักครู่นะครับ” ธันวาเลขาคนสนิทของกฤตยชญ์มีท่าทีที่ลำบากใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่า อัญญาดาจะขอเข้าพบเจ้านายของเขา แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูกังวลนั่น
“นายครับ คุณอัญญาดามาจากแผนกดีไซน์มาขอเข้าพบครับ”
“ให้เธอเข้ามา” สิ้นเสียงโฟนจากเจ้านายหนุ่ม ธันวาก็เดินไปเปิดประตูให้หญิงสาวที่รออยู่ทันที พลางผายมือให้เธอเข้าไปอย่างนอบน้อม
“เชิญครับ คุณอัญญาดา”
“ขอบคุณค่ะ”
“มีอะไรก็พูดมา” กฤตยชญ์พูดขึ้น
โดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อรับรู้ได้ว่ามีผู้มาใหม่เดินเข้ามาในห้องและหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ฉันเอาเสื้อมาเปลี่ยนคืนให้คุณชดเชยที่ทำเสื้อของคุณเลอะไปเมื่อเช้า ถึงจะไม่เหมือนชุดที่คุณใส่แต่ก็ยี่ห้อเดียวกันและใกล้เคียง”
สิ้นเสียงของอัญญาดา ชายหนุ่มเพียงแค่ปลายตาขึ้นมาเหลือบมองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่เขาจะแสยะยิ้มออกมา และพูดประโยคที่คนฟังถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“มีปัญญาซื้อกับเขาด้วยเหรอ! ลำพังแค่เงินเดือนจะซื้อกระดุมได้ซักกี่เม็ดเชียว...”
“นี่คุณ! พูดจาแบบนี้มันไม่ดูถูกกันไปหน่อยเหรอคะ!”
“แต่ก็ดูไม่ผิดใช่ไหมล่ะ คุณอัญญาดา!!” ชายหนุ่มเค้นเสียงจงใจพูดเน้นชื่อจริงของเธอเสียงเข้ม จนหญิงสาวถึงกับชะงัก นี่เขาคงรู้แล้วสินะว่าเธอเป็นใคร!
“เหอะ! ไหนๆก็สืบประวัติฉันมาจนละเอียดขนาดนี้แล้ว คุณก็น่าจะรู้นะคะว่าฉันมีรายได้หลายทาง!!” หญิงสาวจงใจพูดยั่วให้ให้เขาโมโหและมันก็เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อตอนนี้กฤตยชญ์กำลังขบกรามแน่นอย่างข่มอารมณ์พร้อมทั้งมองมาที่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ยอมรับแล้วสินะว่าลักกินขโมยกินของของคนอื่นเขา!!”
“ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องมาสาธยายเรื่องส่วนตัวให้คุณฟัง! เพราะฉะนั้นแค่รับของๆคุณไปแล้วคืนของๆฉันมา” อัญญาดาพยายามเก็บความโกรธเอาไว้ ทำใจดีสู้เสือด้วยการปั้นหน้าสวยเชิดใส่เขา เพื่อให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่ได้ยีระต่อสิ่งที่เขากำลังเอ่ยถึง
“ของของเธอเหรอ...อะไรกัน?”
“ก็รองเท้าของฉันไงคะ” หญิงสาวเริ่มฉุดเมื่อชายหนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าของๆเธอที่ว่านั้นคืออะไร แถมยังทำหน้ายียวนกวนประสาทส่งกลับมาอีก
“อ่า!! รองเท้าของเธอ...น่าเสียดายจัง เผอิญว่าฉันเผลอทิ้งมันไปแล้วน่ะสิ”
“คุณจงใจ!!”
“หึ! ใช่! ฉันจงใจ แล้วจะทำไม” ใบหน้าหล่อเหล่าที่ยียวนกวนประสาทเมื่อครู่พลันเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งและเย็นชาอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้ฤทธิ์ของผู้หญิงอย่างอัญญาดาน้อยเกินไป!!
“ก็ไม่ทำไมหรอกค่ะ...แค่แอบเสียดายนิดหน่อยเหมือนกัน ก็รองเท้านั่นน่ะคุณอัฐพลเขาตั้งใจซื้อให้ฉันในวันเกิดเลยนะ จะไม่ให้เสียดายได้ยังไง คุณว่าไหมคะ?”
“หน้าด้าน!!” เสียงตบโต๊ะดังลั่นไม่แพ้เสียงตะคอกเสียงห้วนของกฤตยชญ์ที่ตอนนี้เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เมื่อไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขาแบบนี้มาก่อน
“พวกเขากำลังจะแต่งงานกัน และพี่สาวของฉันก็คือคนที่ผู้ชายคนนั้นเลือก ไม่ใช่ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ!! หัดเจียมตัวซะบ้าง!!”
“แต่งงานเพราะธุรกิจน่ะเหรอคะ...ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะคุณกฤตยชญ์ ว่าระหว่างฉันกับพี่สาวของคุณถ้าไม่มีเรื่องของธุรกิจมาเกี่ยวข้อง ต่อให้ต้องตายคุณอัฐพลเขาก็เลือกฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำตัวอ่อนแอแต่ร้ายลึกอย่างกิตติยารัตน์พี่สาวสุดที่รักของคุณ!!”
พูดจบหญิงสาวก็หันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็ไม่วายหันมากรีดยิ้มสวยให้กับชายหนุ่มที่มองมาราวกับพร้อมที่จะสับเธอให้เละได้ทุกเมื่อ พร้อมทั้งหยุดยืนอยู่ข้างๆถังขยะใบสวยในที่มุมประตูก่อนจะโยนถุงเสื้อผ้ายี่ห้อดังลงไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“อุ๊ย! นึกว่าขยะน่ะค่ะ...อยากได้ก็มาเก็บเอานะคะ ท่าน ประ ธาน!!” อัญญาดาจงใจพูดจายียวนพร้อมทั้งเน้นคำว่าท่านประธานเสียงดัง เพื่อให้ชายหนุ่มได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่โดนคนที่ตัวเองด่าว่าชั้นต่ำกว่ากำลังทำท่าทาง ดูถูก!
“นี่เธอ!! โธ่โว้ยยย!!”
ข้าวของบนโต๊ะทำงานถูกปัดตกกระจัดกระจายตามแรงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของห้อง กฤตยชญ์มองตามประตูที่ถูกปิดลงด้วยสายตาวาวโรจน์ ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธ หมัดแกร่งทุบลงไปที่ต๊ะอีกครั้งอย่างต้องการระบาย
‘เชิดหน้าชูตามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ผู้หญิงอย่างเธอมันต้องเจอผู้ชายอย่างฉัน !!ฉันจะสอนให้เธอได้รู้เองว่าความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมันเป็นยังไง!!’