ห้าโมงเย็นมารตรฐานเวลาเลิกงานของบริษัทน้อยใหญ่เกือบทุกที่ไม่เว้นแม้แต่แพรพรรณดีไซน์กรุ๊ปด้วยเหมือนกัน พนักงานมากหน้าหลายตาทั้งหญิงและชายจากแผนกต่างๆต่างก็เริ่มพากันทยอยเดินออกมาจากบริษัท เวลาแห่งความสุขหลังเลิกงานนั้นทำให้ใครหลายๆคนสุขสุดๆ จึงไม่แปลกที่จะเห็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและเสียงพูดคุยกันดังตลอดทางเดิน อัญญาดาก็เช่นเดียวกัน หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งช้าๆอย่างคนอารมณ์ดีเมื่อเธอนั่งรอเวลาเลิกงานแบบนี้อย่างใจจดใจจ่อมาตั้งแต่ช่วงบ่าย รอยยิ้มสวยหวานถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนจนทั่วบริเวณที่กล่าวทักทายเธออย่างเป็นกันเอง จนผู้คนเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามไปด้วย
“อารมณ์ดีเชียวนะยะ แม่สาวเปรี้ยว”
“อ้าว! พี่เก๋ยังไม่กลับอีกเหรอคะ?” อัญญาดาตอบกลับเกศรินทร์ที่เดินมาจากทางเดินอีกฝั่งที่ดูเหมือนจะเป็นทางไปห้องน้ำอย่างงงๆ เมื่อเธอคิดว่ารุ่นพี่สาวคนนี้กลับบ้านไปก่อนแล้ว
“กลับที่ไหนกันล่ะอัญ นี่ตั้งแต่บ่ายก็แทบจะรวมร่างกับห้องน้ำได้อยู่แล้ว” เกศรินทร์บอกเสียงอิดโรย
“เป็นอะไรรึเปล่าคะพี่เก๋?” หญิงสาวถามอย่างห่วงใยเมื่อเห็นใบหน้าซีดๆของรุ่นพี่
“ท้องเสียน่ะสิ ไม่รู้ไปกินอะไรผิดสำแดงมาเหมือนกัน”
“พี่เก๋ไหวไหมคะ ให้อัญไปส่งเอาไหม?” อัญญาดาเข้ามาประคองเกศรินทร์เบาๆ มือสวยอีกข้างก็ควานหายาดมในกระเป๋าสะพายไปด้วยก่อนจะยื่นมันให้คนที่ยืนหน้าซีดขาอ่อนข้างกาย “นี่ค่ะพี่เก๋ ยาดมค่ะ”
“ขอบใจมากนะอัญ” เกศรินทร์กล่าวขอบคุณเสียงอ่อนจากใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เก๋ ขอบคงของคุณอะไรกันคะ” หญิงสาวปัดป่ายมือบางไปมาสองสามทีพลางทำหน้าดุเมื่อเกศรินทร์กล่าวขอบคุณเธอทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ “อัญว่าอัญพาพี่เก๋ไปหาหมอดีกว่าค่ะ หน้าซีดแบบนี้ขืนนั่งรถกลับบ้านไปได้สลบเหมือดคารถแน่ๆเลยค่ะ”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ งั้นรบกวนอัญหน่อยนะ”
“ยินดีค่ะ ไปกันเถอะค่ะ พี่เก๋เดินไหวไหม?”
“ไหวจ้ะ ไหว”
อัญญาดาช่วยประคองร่างของเกศรินทร์เบาๆเพราะกลัวรุ่นพี่สาวใหญ่เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา อย่างน้อยก็จะได้ช่วยพยุงเอาไว้ได้ไม่ให้ล้มฟุบลงไปกับพื้น สองสาวเดินมาขึ้นแท็กซี่ที่หน้าบริษัทเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ในเครือประกันที่ทำเอาไว้กับบริษัททันที ทั้งนี้ก็เพื่อลดค่าใช้จ่ายนั่นเอง
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง
“ค่อยยังชั่วขึ้นรึยังคะพี่เก๋?” อัญญาดาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเกศรินทร์ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับไปนานเกือบชั่วโมงหลังจากที่เธอพามาโรงพยาบาลและแพทย์บอกให้นอนให้น้ำเกลือก่อนกลับบ้าน
“ดีขึ้นแล้วละอัญ นี่พี่หลับไปนานไหม?”
“ก็เกือบชั่วโมงเลยค่ะ คุณหมอบอกว่ารอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้แล้วนะคะ”
“เกรงใจอัญจริงๆเลยมานั่งเฝ้าพี่แบบนี้”
สาวรุ่นพี่พูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นรุ่นน้องคนสวยนั่งเฝ้าเธออยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่าง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะพี่เก๋ คนกันเองทั้งนั้น แต่ถ้าอยากขอบคุณอัญจริงๆล่ะก็แค่เลี้ยงข้าวอัญก็พอนะคะ” อัญญาดาพูดขึ้นทีเล่นทีจริง เพื่อไม่ให้เกศรินทร์รู้สึกลำบากใจ อีกอย่างเกศรินทร์ก็เป็นพี่สาวที่เธอเคารพมาก เรื่องแค่นี้เธอจึงไม่อยากให้พี่สาวคนนี้เก็บไปใส่ใจ
“แหม!! ได้เลยจ้ะ ปิดร้านเลี้ยงเลยดีไหม?”
“ก็ดีนะคะ อัญจะกินให้พุงกางไปเลย”
เสียงหัวเราะของสองสาวดังประสานกันขึ้นเบาๆหลังจบคำรับมุกของอัญญาดา ก่อนที่เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยจะดังขึ้นร้องเรียกให้ผู้เป็นเจ้าของสนใจมัน
“หนุ่มที่ไหนโทรมาตามล่ะเนี่ย” เกศรินทร์แกล้งหยอกเมื่อเห็นหน้าจอมือถือของรุ่นน้องสาวเป็นชื่อผู้ชายแทบยังมีหัวใจติดอยู่ด้วยอีกต่างหาก
แสดงว่าต้องเป็นคนรักของอัญญาดาไม่ผิดแน่
“หนุ่มที่ไหนกันละคะ” หญิงสาวสงค้อนให้รุ่นพี่สาวน้อยก่อนจะกดรับโทรศัพท์ “ค่ะพี่อัฐ ค่ะเดี๋ยวอัญออกไป แค่นี้นะคะ”
“อัญไปเถอะ น้ำเกลือก็หมดพอดี เดี๋ยวน้องสาวพี่ก็คงจะมารับแล้วเหมือนกัน” เกศรินทร์พูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของรุ่นน้องสาว อัญญาดาคงไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียวแน่ๆ
“เอ่อ...งั้นอัญขอตัวกลับก่อนนะคะ แต่พี่เก๋อย่ากลับคนเดียวนะคะ ต้องรอจนกว่าน้องสาวพี่จะมารับนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง เพราะไม่อย่างให้รุ่นพี่กลับบ้านคนเดียวเกินเป็นอะไรขึ้นมาอีกจะแย่เอาได้
“จ้ะ รีบไปได้แล้วไม่ต้องห่วงพี่หรอก”
“โอเคค่ะ งั้นอัญขอตัวก่อนนะคะ”
หลังจากล่ำลากับเกศรินทร์เสร็จอัญญาดาก็เดินตรงไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลทันที เมื่อตอนนี้พี่อัฐของเธอกำลังรออยู่ที่นั่น อันที่จริงแล้วโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับที่กิตติยารัตน์รักษาตัวอยู่ อัฐพลเองก็คงจะมาเยี่ยมหญิงสาวอย่างทุกๆวันเพียงแต่วันนี้บังเอิญว่าเธอก็พาเกศรินทร์มาหาหมอที่นี่ด้วยพอชายหนุ่มรู้เขาก็เลยรอกลับพร้อมเธอ
อัญญาดาก้าวเดินอย่างสาวมั่น รอยยิ้มสวยปรากฏขึ้นเมื่อเห็นรถหรูคุ้นตาจอดอยู่ไกลๆ จึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง แต่แล้วเรียวแขนบางกลับถูกคว้าจากทางด้านหลังตามมาด้วยท่อนแขนแกร่งที่รัดตัวเธอเอาไว้แน่นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางก็ถูกอุ้งมือหนาปิดแน่นเมื่อกันไม่ให้เธอส่งเสียงร้อง หญิงสาวตกใจพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากวงแขนแข็งแรงนี้ แต่ก็เป็นไปได้ยากยิ่ง เพราะยิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่อ้อมแขนแกร่งนี่ก็จะยิ่งรัดเธอแน่นขึ้นเป็นเท่าตัวจนแทบหายใจไม่ออก ร่างบางถูกลากเข้ามาที่บันไดหนีไฟลับจากสายตาผู้คน หญิงสาวทั้งกลัวและขวัญเสียกระเจิดกระเจิงคิดหาทางรอดให้ตัวเองจนหัวปั่น ยังไม่ทันได้คิดอะไรออกก็ถูกเหวี่ยงใส่กำแพงอย่างจัง อัญญาดาหลับตาแน่นเมื่อความเจ็บปวดที่แผ่นหลังเริ่มเล่นงาน
“เจ็บแค่นี้ ไม่ถึงกับตายหรอก!”
เสียงเข้มคุ้นหูดังขึ้น ทำให้หญิงสาวรีบลืมตาขึ้นมาดูเจ้าของเรียวแขนแกร่งเมื่อครู่ทันทีก่อนจะพบกับร่างสูงใหญ่อย่างชายชาตรีของคนตรงหน้า ผู้ชายที่เธอไม่อยากเจอเขาที่สุด!
“คุณกฤตยชญ์”
“ใช่! ฉันเอง ทำไม? ผิดหวังเหรอที่ฉันไม่ใช่คนที่เธอกำลังจะออกไปหาข้างนอกนั่น!”
“ก็คงใช่มั้งคะ เฮ้อออ น่าผิดหวังจริงๆที่เป็นคุณ” หญิงสาวตอบรับคำประชดประชันของเขาได้อย่างแสบสันเล่นเอาคนตัวใหญ่กว่าหน้าตึง ก่อนที่อัญญาดาจะส่ายหน้าน้อยๆแสร้งมองหน้าชายหนุ่มอย่างเอือมๆ แล้วผลักอกเขาเบาๆเพื่อให้หลบทางให้ เมื่อกฤตยชญ์ยืนบังประตูหนีไฟอยู่
แต่แขนสวยก็ถูกระชากจนตัวปลิวกลับมาอยู่ที่เดิมจากแรงป่าเถื่อนของผู้ชายที่เป็นถึงเจ้านายของเธอ
“จะไปไหน!”
“จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ!”
หญิงสาวตอกกลับเสียงแข็งอย่างไปลดล่ะ พยายามข่มความเจ็บปวดที่ข้อมือสวยเอาไว้ เมื่อตอนนี้มันถูกแรงชายบีบแน่นจนปวดหนึบไปหมด
“แต่คนที่เธอกำลังจะไปหา มันเกี่ยวกับพี่สาวของฉัน!” กฤตยชญ์พูดขึ้นเสียงเย็นแววตาวาวโรจน์เมื่อเห็นใบหน้าไปรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผู้หญิงตรงหน้า ที่ทำเหมือนคำพูดของเขาไม่มีความหมาย เข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา
“หมายถึงคนนี้เหรอคะ?” อัญญาดาชูโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงร้องในมือให้ชายหนุ่มดูอย่างท้าทาย ว่าคนที่เขาพูดถึงใช่คนเดียวกับคนที่โทรหาเธอในตอนนี้รึเปล่า
กฤตยชญ์เลือดขึ้นหน้าปัดโทรศัพท์เครื่องสวยทิ้งจนกระเด็นตกลงบันไดไปก่อนที่อัญญาดาจะทันได้กดรับ หญิงสาวตกใจชักสีหน้าใส่เขาด้วยแววตาโกรธเคืองออกแรงสะบัดแขนเรียวออกจากการเกาะกุมของเขาทันทีก่อนจะผลักอกแกร่งซ้ำเพื่อให้ชายหนุ่มถอยห่าง
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำลายข้าวของของฉันแบบนี้นะ!”
“แล้วยังไง? ไม่ใช่ของฉันนิ ต้องแคร์ด้วยเหรอ?”
อัญญาดาไม่ได้พูดอะไรออกมา เปล่าประโยชน์ที่จะเถียงกับคนหัวดื้ออย่างเขา หญิงสาวสบตากับดวงตาคมนิ่งอย่างขุ่นมัว ก่อนจะตัดสินใจเบนหน้าหนีแล้วเลี่ยงเดินออกมา แต่เสียงเข้มก็พูดขึ้นหยุดฝีเท้าของเธอเอาไว้
“ฉันต้องทำยังไงเธอถึงจะเลิกยุ่งกับคู่หมั่นของพี่สาวฉัน?”
“ไม่ต้องทำยังไงหรอกค่ะ เพราะมันจะไม่มีวันนั้น!” หญิงสาวตอบกลับเสียงนิ่งสีหน้าราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ เท้าสวยเตรียมจะก้าวเดินต่อไป แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกกระชากกลับไปติดกำแพงตามเดิมแต่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่กฤตยชญ์กักตัวเธอเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของเขาเอง “นี่คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“เก่งนักไม่ใช่เหรอ? ก็หาทางดิ้นออกไปเองสิ! หรืออยากจะอยู่อ่อยฉันต่อดีล่ะ?” ชายหนุ่มสาดคำดูถูกชนิดที่คิดว่าจะทำให้หญิงสาวตรงหน้าจุกได้ แต่ก็เปล่าเลยเมื่อเธอกลับสาดคำที่เจ็บกว่ากลับมาให้เขา
“คนอย่างคุณฉันไม่จำเป็นต้องอ่อยหรอกค่ะ เสียเวลา! ในเมื่อฉันมีคนที่แซ่บกว่ามากรออยู่ข้างนอก!”
จบคำพูดของอัญญาดาหลังบางถูกจับกดกระแทกกับกำแพงอีกครั้งอย่างแรงตามแรงอารมณ์ของคนที่เหนือกว่า กฤตยชญ์ขบกรามแน่นอย่างระงับความโกรธ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะเลยจริงๆ
“ยังไม่ได้ลองลีลาของฉันแล้วรู้ได้ยังไงว่าหมอนั่นแซ่บกว่า จริงไหม?”
อัญญาดาแอบใจเสียกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนอีก แต่คนอย่างเธอไม่มีท่าทำให้ศัตรูรู้ว่ากลัว หญิงสาวยังคงทำใจดีสู้เสือพูดขึ้นอย่างท้าทาย
“ไม่ต้องลองหรอกค่ะ แค่ดูฉันก็รู้แล้วว่าคุณไม่มีน้ำยา!วันๆก็ดีแต่เที่ยวระรานคนอื่นอยู่แบบนี้!”
“นี่เธอ!!” กฤตยชญ์หน้าชา เมื่อไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับเขามาก่อน และเธอคือคนแรกที่กล้าหยามเขาแบบนี้
“ทำไมคะ? ยอมรับไม่ได้เหรอคะ ว่าตัวเองไม่มีน้ำย....”
เสียงหวานขาดหายเมื่อเรียวปากบางสวยถูกกดปิดด้วยริมฝีปากหยักร้อนชื้นของคนตัวใหญ่กว่า อัญญาดาแข็งทื่อตกใจกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก่อนจะเรียกสติของตัวเองกลับมาแล้วพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่ง ใบหน้าสวยเซ็กซี่พยายามเบือนหนีแต่ก็ไร้ผลเมื่อไม่อาจต้านแรงชายได้ กฤตยชญ์กดจูบอย่างรุนแรงและหื่นกระหายยิ่งร่างบางต่อต้านและดิ้นหนีเขายิ่งสนุกกับการไล่บี้และตอนเธอให้จนมุมท่าทางไม่ประสีประสาของเธอทำให้เขาแทบคลั่งและร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวเริ่มเหนื่อยและอ่อนระทวยเมื่อจูบที่แสนเนิ่นนานไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงจนเธอแทบขาดอากาศหายใจ กำปั้นน้อยทุบลงที่หน้าอกแกร่งอย่างอ่อนแรงเบาๆสองสามทีเป็นเชิงบอกให้เขาถอยห่าง กฤตยชญ์ถอนริมฝีปากออกมาอย่างเสียดาย แปลก!
ที่เขารู้สึกเสียดาย อาจเพราะไม่ได้ทำแบบนี้กับใครมานานความรู้สึกอยากอย่างผู้ชายก็เลยตื่นตัว แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังคงปั่นประสาทหญิงสาวในอ้อมแขนไปเลิก เขาเลียริมฝีปากตัวเองไปมาก่อนจะแสร้งทำหน้าระอา
“ก็งั้นๆ ไม่เห็นจะเร้าร้อนตรงไหน เสียเวลาเปลืองตัวจริงๆ” คำพูดหยาบคายของชายหนุ่มทำให้อัญญาดากำหมัดแน่น กี่ครั้งแล้วที่ผู้ชายคนนี้ดูถูกเธอ!
ถือโอกาสที่ชายหนุ่มปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนสะบัดมือใส่หน้าเขาอย่างแรงจนใบหน้าหล่อเหลาหันซ้ายหันขวาไปตามแรงตบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
“คนทุเรศ!!”
ทิ้งไว้เพียงถ้อยคำเจ็บแสบและรอยฝ่ามือบนใบหน้า รีบวิ่งออกมาก่อนที่จะถูกเขากระชากกลับเข้าไปใหม่ น้ำตาเม็ดน้อยใหญ่ไหลรินอาบแก้มของคนที่บอกว่าตัวเองเข้มแข็งตลอดเวลา มันก็ใช่ที่กฤตยชญ์จะเรียกร้องคืนความสุขให้กับพี่สาวของเขา แล้วเธอล่ะ? ความสุขของเธอเคยมีใครสนใจมันบ้าง คนที่ไม่เคยต้องเติบโตมาเพียงลำพังอย่างเขาไม่มีวันเข้าใจ!