ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้น
“อย่านะครับพี่ข้าว!!”
กฤตยชญ์ร้องห้ามอย่างตกใจ เมื่อเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้ามาเจอกิตติยารัตน์กำลังพยายามดึงสายน้ำเกลือออกจากตัว ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปหาพร้อมทั้งฉุดข้อมือบางช้ำให้หยุดลง
“ปล่อยพี่นะกล้า พี่ไม่อยากอยู่แล้วถ้าต้องอยู่แบบไร้ค่าแบบนี้พี่ขอตายจะดีกว่า” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังพยายามดึงสายน้ำเกลือออกจนเลือดซึม สองพี่น้องยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน จนในที่สุดกฤตยชญ์ก็คว้าร่างบอบบางของพี่สาวเข้ามากอดเอาไว้แน่น ชายหนุ่มใจเสียเมื่อเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผล ความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นภายในใจ เขาสูญเสียทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันนับตั้งแต่นั้นมาที่พึ่งพิงสุดท้ายของชายหนุ่มก็คือพี่สาวคนนี้เท่านั้น และหากต้องเสียเธอไปอีกคนเขาจะอยู่ได้อย่างไร บ้านและอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลคงไร้ค่าหากมีเขาเพียงผู้เดียว
“พี่มีค่าที่สุดสำหรับผม ต่อให้ใครต่อใครไม่ต้องการพี่ แต่พี่ก็ยังมีผมนะครับ เราเหลือกันแค่สองพี่น้องแล้วพี่ยังจะทิ้งผมไปอีกเหรอ?” กิตติยารัตน์ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักเมื่อสิ้นเสียงของน้องชาย ซบหน้าลงกับออกแกร่งของเขาอย่างรู้สึกผิด ร่างบางสะอึกสะอื้นตัวโยนเสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆจนคนฟังแทบขาดใจ
“พี่ขอโทษนะกล้า ฮือออ พี่ขอโทษ!
” หญิงสาวพร่ำบอกด้วยความเสียใจ เธอช่างเป็นพี่สาวที่แย่มากจริงๆ แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อผู้ชายอีกคนก็มีอิทธิพลต่อชีวิตของเธอมากเช่นเดียวกัน ถ้าขาดเขาไปโลกของเธอก็คงไร้ซึ่งความสุข “แต่พี่รักคุณอัฐ พี่รักเขากล้า ฮือออ พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา กล้าต้องช่วยพี่นะ กล้าต้องช่วยพี่นะกล้า พี่ขอร้อง!”
“พี่ข้าวก็รู้ว่าผมยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อพี่อยู่แล้ว แต่เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะครับพี่ ถ้าผู้ชายมันดีจริงต่อให้ผู้หญิงที่ไหนมาเสนอเขาก็ไม่สนองกลับหรอกครับ”
“ไม่!! ไม่จริง!! คุณอัฐเขารักพี่ เขาบอกพี่ตลอดทุกครั้งที่เจอกันว่าเขารักพี่ ตอนนี้เขาก็แค่หลงผิดไปชั่วครั้งชั่วคราว” กิตติยารัตน์สวนกลับทันทีเมื่อกฤตยชญ์พูดจบ เธอมั่นใจว่าอัฐพลรักเธอ ต่อให้หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเธอก็จะไม่มีวันยอมเสียเขาให้ใครเด็ดขาดโดยเฉพาะนางผู้หญิงชั้นต่ำอย่าง อัญญาดา
“ก็ได้...ถ้ากล้าไม่ช่วยพี่ พี่ก็จะจัดการทุกอย่างด้วยวิธีของพี่เอง!”
สีหน้าและแววตาเยือกเย็นของพี่สาวทำให้กฤตยชญ์รู้สึกกังวลไม่น้อย ด้วยกลัวว่ากิตติยารัตน์จะทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดี เขาไม่อยากให้พี่สาวต้องแปดเปื้อนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ชายหนุ่มจึงถามลองเชิงดูว่าสิ่งที่พี่สาวของตนคิดจะทำนั้นร้ายเบามากแค่ไหน
“นี่พี่ข้าวคิดจะทำอะไรครับ?”
“ก็แค่กำจัดนางผู้หญิงหน้าด้านนั่นออกไปให้พ้นทาง!” เสียงหวานแต่ติดแข็งกระด้างเอ่ยขึ้นนิ่งๆ แต่หากว่าใครผ่านมาได้ยินเข้าก็คงรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย เมื่อสีหน้าและแววตาไม่ได้หวานไปตามเสียงของเธอเอาซะเลย แม้แต่ผู้ชายอกสามซอกอย่างกฤตยชญ์ก็ยังแอบกลัวใจพี่สาวของเขาอยู่ไม่น้อย เมื่อรู้ดีว่ากิตติยารัตน์นั้นเป็นคนดื้อเงียบตั้งแต่ไหนแต่ไร
“แล้วพี่ข้าวจะทำอย่างไรกับเธอล่ะครับ?”
“หึ!! ก็ถ้ามันมักมากหลายผัว มั่วไม่เลือกหน้า! กล้าคิดเหรอว่าคุณอัฐเขาจะยังหลงผิดคั่วกับมันอยู่อีก!!”
“นี่พี่ข้าวอย่าบอกนะครับว่าพี่...”
“ใช่!! ก็ถ้ามันอยากได้ผัวจนตัวสั่น พี่ก็จะเป็นจัดหามาให้มันเอง!” คำตอบของพี่สาวไม่ใช่สิ่งที่กฤตยชญ์คาดคิดเอาไว้ พี่สาวที่แสนดีของเขากำลังจะกลายเป็นนางมารร้ายเพียงเพราะผู้ชายคนหนึ่งกับผู้หญิงชั้นต่ำไม่มีหัวนอนปลายเท้า ในเวลานี้ชายหนุ่มคิดเพียงแต่ว่าเขาจะไม่ยอมให้พี่สาวต้องลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงแบบนั้นแน่ๆ
“พี่ข้าวไม่ต้องทำอะไรหรอก...ผู้หญิงคนนั้นผมจะจัดการให้พี่เอง” ชายหนุ่มพูดขึ้น มือหนาจับมือบางเรียวสวยของพี่สาวขึ้นมาจับไว้อย่างปลอบใจ “เก็บมือสวยๆของพี่เอาไว้ อย่าให้มมันต้องมาแปดเปื้อนเพราะผู้หญิงชั้นต่ำพลันนั้นเลยนะครับ”
“พี่เชื่อใจกล้านะ พี่รู้ว่ากล้าจะต้องไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” กิตติยารัตน์บีบมือหนาของน้องชายร่วมสายเลือดอย่างเชื่อมั่นและแววตาเยือกเย็นของกฤตยชญ์ก็ทำให้เธอรู้ว่า เธอจะไม่มีทางผิดหวังอย่างแน่นอน!
“พี่จะไม่ผิดหวัง ผมสัญญา...”
บริษัทแพรพรรณดีไซน์กรุ๊ป
“แต่งงาน!!”
เสียงผสานกันดังลั่นทั่วทั้งแผนกดีไซน์เมื่ออริสรานำการ์ดแต่งงานดีไซน์หรูหรามาแจกให้กับทุกคน โดยไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวจะสละโสดรวดเร็วขนาดนี้ อีกทั้งเจ้าบ่าวยังเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อที่ใครๆต่างก็เฝ้าฝันอยากได้มาครอบครองอย่าง ภูบดินทร์ อภิรักษ์โยธินกุล ประธานบริษัทเพชรและอัญมณีที่ใหญ่ติดอันดับประเทศ ซึ่งบิ๊กเซอร์ไพร์สของอริสราในครั้งนี้แม้แต่เพื่อนสาวอย่างอัญญาดาก็ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน
“นี่มันเรื่องจริงเหรอริษา?” เกศรินทร์ถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อทั้งยินดีและแอบอิจฉารุ่นน้องสาวคนเก่งอยู่ไม่น้อย แต่ก็คงไม่แปลกอะไรในเมื่ออริสราก็ทั้งสวยและเก่ง กิริยามารยาทก็เรียบร้อยอ่อนหวาน ขนาดผู้หญิงด้วยกันได้เห็นก็ยังรัก ผู้ชายหลงก็คงไม่แปลก
“จริงค่ะพี่เกศ...ริษาขอเชิญทุกคนไปร่วมงานนะคะ” อริสราพยักหน้ารับกับรุ่นพี่คนสนิทพร้อมทั้งหันไปบอกคนอื่นๆในแผนก ก่อนที่จะหยุดลงที่เพื่อนรักอย่างอัญญาดา “โดยเฉพาะอัญนะ ริษาขอจองตัวไว้ก่อนคนแรกเลย”
“อะไรกันริษา อัญจะไปช่วยอะไรได้ล่ะงานใหญ่โตออกอย่างนั้น”
“ช่วยได้สิจ๊ะ ช่วยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ริษาไง...”
คำตอบของอริสราทำให้อัญญาดาแทบหงายเงิบ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ใครมาก่อน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แม้แต่งานแต่งงานสักที่เธอก็ยังไม่เคยไป แล้วแบบนี้จะให้รับปากเพื่อนได้อย่างไร ไอ้ช่วยมันก็ได้อยู่หรอกแต่แค่กลัวจะไปทำงานเขาพังน่ะสิ
“นะนะอัญ ช่วยริษาหน่อยนะ อัญก็รู้ว่าริษามีอัญเป็นเพื่อนแค่คนเดียว นะจ๊ะ นะ” เมื่อเจอลูกอ้อนของเพื่อนสาวที่นานๆทีจะได้เห็นคนอย่างอัญญาดาเหรอจะทนใจแข็งต่อไปได้อีก ก็คงต้องยอมน่ะสิคราวนี้
“โอเคจ๊ะ นี่ถ้าไม่ใช่ริษาอัญไม่ยอมหรอกนะ”
“ขอบคุณนะอัญ อัญใจดีที่สุดเลย!” อริสราว่าพร้อมทั้งเดินเข้ามากอดเพื่อนสาวเอาไว้อย่างดีใจ อย่างน้อยๆเธอก็จะได้อุ่นใจในงานแต่งที่เจ้าบ่าวไม่ได้เหลียวแลเช่นนี้
“แล้วงานมีขึ้นเมื่อไหร่เหรอริษา บัตรเชิญนี่ก็หรู๊หรูจนพี่ไม่กล้าแกะดูเลย”
เกศรินทร์ถามขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคนในแผนกเมื่อต่างคนก็ยังไม่ได้เปิดการ์ดดูด้วยหตุผลเดียวกัน อริสราได้แต่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะบอกวันแต่งให้กับทุกคน
“อาทิตย์หน้าค่ะ”
“อาทิตย์หน้า!!” ช็อกคูณสองทั้งแผนกเมื่องานแต่งรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ทุกคนต่างเข้านั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองทัน ไม่ใช่เพื่อทำงานต่อ แต่เพื่อค้นหาแบบชุดที่จะใส่ไปร่วมงานในอินเตอร์กันอย่างขะมักเขม้น จนสองสาวเพื่อนซี้ต้องหันหน้ามามองกันมางงๆ แล้วก็เป็นอัญญาดาที่พูดขึ้นก่อน
“ดูทุกคนจะตื่นเต้นมากเลยนะ...แต่ริษา มีอะไรจะบอกอัญรึเปล่า?”
“เอ่อ...” คำถามของอัญญาดาทำให้อริสราทำหน้าแทบไม่ถูก หากแต่เพื่อนสาวก็ไม่ได้คาดคั้นเอาความอะไร
เพราะอัญญาดารู้ดีว่าการแต่งงานของเพื่อนรักในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรักอย่างแน่นอน หากใช่ก็คงเป็นรักของอริสราเพียงผ่านเดียว...