หลังจากกลับมาถึงคอนโด นัทธีกับลลัลนาแยกย้ายกันกลับเข้าห้องของตัวเอง หญิงสาวถอดสร้อยคอกับสร้อยข้อมือออกเก็บในกล่องกำมะหยี่แล้วใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะเดินหายไปเข้าในห้องน้ำ แล้วออกมาหลังชำระล้างร่างกายเสร็จ ลลัลนามีนิสัยเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ถ้าอารมณ์ไม่ดีหญิงสาวจะอาบน้ำเพื่อคลายหงุดหงิด สายน้ำทำให้เธอผ่อนคลายและใจเย็นลง
ยังไม่ทันที่ลลัลนาจะได้ก้าวเท้าออกจากห้องนอนประตูห้องก็ถูกเปิดออก หญิงสาวได้แต่มองอย่างทำใจ ว่าชีวิตเธอคงไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป ก็นัทธีเล่นเข้าออกห้องของเธออย่างกับห้องของตัวเองแบบนี้
“ออกไปห้องนั่งเล่นเถอะค่ะ” ลลัลนาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินนำเขาออกไปนั่งที่โซฟา
“มีอะไรคะ” หญิงสาวถามผู้มีสถานะสามีอย่างถูกต้องตามกฎหมายพลางเช็ดเส้นผมที่เพิ่งสระ โดยมีร่างสูงตามมานั่งข้างๆเธอ
“ไม่มีคำถามอะไรเหรอ” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ก่อนจะดึงผ้าขนหนูผืนเล็กในมือของหญิงสาวมาเช็ดเส้นผมให้
“ไม่มีค่ะ” ลลัลนาขยับตัวหันหลังปล่อยให้เขาเช็ดผมให้เธอ
“แพรเป็นแฟนเก่าของฉัน แต่ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงที่เข้ากับฉันไม่ได้เลย ฉันเลยเลือกที่จะไม่ไปต่อ”
“ค่ะ ลัลก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ” ดูจากการกระทำวันนี้ เธอเองก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่คบกับแพรวาต่อ
“ไม่หึง?”
“ไม่ค่ะ”
“อยากให้หึง”
“คะ…” ไร้เสียงตอบจากนัทธี แต่ร่างบางที่กำลังนั่งชันเข่ากลับถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง
“อยากให้หึง” ชายหนุ่มพูดพลางโอบเอวเล็กเอาไว้
“พี่นัทกำลังจีบลัลเหรอคะ”
“ใช่ ฉันกำลังจีบภรรยาตัวเอง” เขาตอบพร้อมกับสบตากลมโต
“งั้นพี่นัทแทนตัวเหมือนเดิมได้มั้ยคะ เหมือนตอนเราเป็นเด็ก” ลลัลนาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่หญิงสาวกลับบอกสิ่งที่เธอต้องการกับเขาไป
“อืม พี่กำลังจีบลัล” ชายหนุ่มยอมแทนตัวเองว่าพี่เหมือนเมื่อก่อน สมัยที่เขากับเธอยังเป็นเด็กพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ
ลลัลนาชะงักไปอึดใจ วงแขนเรียวยกขึ้นคล้องลำคอหนาเงียบๆ เธอรู้สึกได้ว่าเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่วงแขนแกร่งจะกอดเธอตอบ
นัทธีกับลลัลนาเข้าใจกันท่ามกลางความเงียบที่ไม่จำเป็นต้องมีใครเอ่ยปากพูดอะไร ทั้งคู่ก็เข้าใจกันได้
“พี่เคยบอกลัลหรือยัง”
“อะไรคะ”
“พี่รอลัลมาตลอด รอวันที่ลัลจะเป็นผู้ใหญ่ วันที่พี่จะได้อยู่กับลัล”
“ไม่เคยเห็นบอกอะไรลัลเลยนี่คะ พี่ไปเงียบๆ ทิ้งลัลไปเลย”
“ก็ตอนนั้นลัลยังเด็ก พี่กลัวใจตัวเอง”
“ชอบลัลมานานแล้วหรือคะ”
“อืม ตั้งแต่เด็ก”
“งั้นเราก็คงใจตรงกันนะคะ”
“หมายความว่าไง”
“ลัลเอง ก็รอพี่หันมามองลัลเหมือนกัน” นัทธีคลายอ้อมกอด มองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
ลลัลนาไม่ได้พูดอะไร เธอยิ้มให้เขา ชายหนุ่มสบตากับเธอก่อนจะยิ้มออกมา มือหนาจับต้นคอเรียวระหงให้โน้มใบหน้ามาหา ก่อนจะแตะปลายนิ้วลูบไล้ที่ริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบา คนบนตักไม่ได้ต่อต้านอะไร เธอปล่อยให้เขาทำตามที่เขาต้องการ
นัทธีโน้มต้นคอลลัลนาลงมาแนบริมฝีปากเขาที่รออยู่ด้วยอย่างแผ่วเบา ฟันคมกัดงับที่ริมฝีปากบางอย่างมันเขี้ยว หญิงสาวเผยอริมฝีปากให้เขาได้ตักตวงความหวานอย่างเต็มที่ ก่อนจะถอนใบหน้าออกเล็กน้อยเพื่อสูดอากาศเข้าปอด
เจ้าของตักแกร่งอาศัยจังหวะที่ลลัลนาถอนใบหน้าออกกดแนบปากไปที่ลำคอระหง ขบเม้มเนื้ออ่อนแรงๆจนเกิดรอย หญิงสาวสะดุ้งแต่ก็เอียงคออำนวยความสะดวกให้เขา เพียงชั่วครู่ใบหน้าคมก็ถอนริมฝีปากออก กดจูบบนลำคอแผ่วเบาแล้วถอนใบหน้าออกมา
“พอแล้ว เดี๋ยวอดใจไม่ไหว ลัลยังต้องใช้เวลาปรับตัว” เขาบอกกับหญิงสาวด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะจูบหน้าผากของเธอแผ่วเบา
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังใช้เวลาอยู่ด้วยกันพลันมีเสียงกดรหัสดังมาจากประตู ลลัลนาหันไปมอง เธอเดาว่าน่าจะเป็นบิดามารดาของเธอ เพราะถ้าเป็นฟางข้าวเธอจะโทรมาหาก่อนทุกครั้ง
ไม่ถึงนาทีบานประตูก็ถูกผลักเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างบิดามารของหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง ศรัญกับกานดาชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า ลลัลนาที่กำลังนั่งอยู่บนตักแกร่งของนัทธีหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของมารดา ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วลุกออกจากตักแกร่ง
“แม่มารบกวนหรืออเปล่า เหมือนแม่จะมาผิดเวลานะ” กานดาแซวบุตรสาวกับบุตรเขยยิ้มๆ
“เปล่าค่ะ ทำไมไม่บอกลัลก่อนล่ะคะว่าจะมา ลัลจะได้เตรียมของทานเล่นไว้ให้” หญิงสาวพูดพลางเดินเข้าไปกอดมารดา
“ไม่เป็นไร แม่กะว่าจะมาชวนลูกไปทานข้าวกันเนี่ยแหละ” กานดาตอบก่อนจะอ้าแขนรับกอดจากบุตรสาว
“ไปมื้อเย็นนะคะ ลัลเพิ่งทานมื้อเที่ยงมาจากข้างนอกค่ะ” ลลัลนาบอกก่อนจะโอบเอวมารดาเดินไปนั่งที่โซฟา โดยมีบิดาของเธอเดินตามมานั่งข้างๆ
นัทธีทักทายบิดามารดาของหญิงสาวก่อนจะเงียบเสียงลง โดยที่เขานั่งอยู่ข้างเธอเงียบๆ ศรัญหันมาชวนนัทธีคุยเบาๆ ปล่อยให้กานดาเป็นคนพูดคุยกับลลัลนาเอง
“แม่จองโต๊ะที่โรงแรมไว้ เลยว่าจะมาชวนไปทานมื้อเย็น ลุงชลิตก็ไปด้วยนะ”
“ลัลยังไงก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ลัลหยุดอีกวัน”
“นัทล่ะลูก”
“ผมแล้วแต่ลัลครับ” ชายหนุ่มตอบมารดาของลลัลนาก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบผมเธอเล่นเบาๆ
“แหม หวานกันจริง” กานดาหัวเราะด้วยความชอบใจ
หลังจากนั่งคุยกันสักพักใหญ่ก็เตรียมตัวออกไปทานอาหารกัน นัทธีขอตัวไปเอากุญแจรถ กับกระเป๋าสตางค์ ก่อนที่ร่างหนาจะลุกขึ้นเต็มความสูงเดินออกจากห้องไป
“อะไรยังไงเนี่ยลัล ทำไมตานัทบอกว่าไปเอาของ”
“ก็พี่นัทอยู่ห้องฝั่งนู้นไงคะ อีกห้องหนึ่งที่เคยว่างตอนนี้มีคนซื้อแล้วค่ะ พี่นัทเป็นคนซื้อ”
“ตายจริง บังเอิญขนาดนั้นเลยหรอ” กานดาอุทานด้วยความแปลกใจ
“ลัลก็ไม่ทราบนะคะว่าบังเอิญหรือเปล่า” เธอบอกมารดาไปตามตรง
หญิงสาวนั่งคุยกับบิดามารดาเพียงไม่นาน นัทธีก็กลับเข้ามาพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อย ลลัลนาจึงเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง เพราะเธอยังอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวหลวมโคร่ง ปล่อยให้นัทธีอยู่กับบิดามารดาของเธอ
เมื่อหญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็ออกมาจากห้องนอน เธอใส่กางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อชีฟองเปิดไหล่สีขาว ผมยาวสลวยถูกรวบมัดขึ้นสูงตามสไตล์สาวมั่นแต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนหวาน
เมื่อเห็นว่ามากันพร้อมแล้วก็พากันทยอยออกจากห้อง นัทธีหันมาปิดแอร์พร้อมกับสายตาคมที่มองกวาดไปทั่วห้องเพื่อสำรวจความเรียบร้อยก่อนจะออกจากห้องตามหลังทุกคนไป
“รถลัลล่ะลูก” ทันทีที่มาถึงที่จอดรถ กานดามองไปรอบๆแต่ไม่เห็นรถของบุตรสาวจึงหันมาถาม
“อยู่กับยัยข้าวค่ะ ยัยข้าวเป็นคนขับกลับไป วันจันทร์ถึงจะขับมาให้ลัลค่ะ”
“อ๋อ จ้ะ ไปกันเถอะ” กานดาเดินตามสามีไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ลลัลนาขึ้นรถไปกับนัทธี ก่อนจะขับตามกันไปยังร้านอาหาร
“คุณลุงสวัสดีค่ะ” ลลัลนาโผเข้าไปกอดชายวัยกลางคนอย่างดีใจที่ได้เจอ หลังจากเปิดประตูห้องส่วนตัวแล้วเจอชลิตนั่งรออยู่
“คุณลุงอะไร เรียกพ่อได้แล้ว” ชลิตบอกกับลูกสะใภ้เพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงใจดี
“ลัลไม่ชินเลยค่ะ” ลลัลนาตอบเขินๆก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างๆที่นัทธีขยับให้เธอ
หลังจากมากันพร้อมจึงเริ่มสั่งอาหาร นัทธีกับลลัลนานั่งคุยกันเบาๆสร้างความแปลกใจให้กับชลิตไม่น้อย
“หนูลัลกับเจ้านัทสนิทกันแล้วหรือ” ชลิตถามออกมาด้วยความแปลกใจ เธอกับเขายิ้มตอบบางๆ
“เอาน่า เด็กๆคืบหน้ากันก็ดีแล้วไง แล้วจะจัดงานฉลองเมื่อไหร่ดี” ศรัญแกล้งปรามชลิตเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“ขอลัลทำวิทยานิพนธ์จบก่อนนะคะ”
“ผมแล้วแต่ลัลครับ”
“เออ ดีจริงๆ แล้วแต่น้องทุกอย่างเลย อนาคตกลัวเมียนะเนี่ย” ศรัญเอ่ยแซวนัทธีอย่างชอบใจ
“เขาเรียกให้เกียรติค่ะ” กานดาเอ่ยขัดสามี สายตาส่งค้อนให้เบาๆ
ไม่นานนักอาหารก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟ ทุกคนจึงลงมือรับประทานอาหารกัน หลังจากตกลงกันได้ว่าจะจัดงานฉลองสมรสเมื่อไหร่ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ