นางประชด ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ พร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่ๆ
“คุณพี่เมื่อไรจะหยุดคะ เราไม่มีอะไรเหลือแล้วนะคะ แม้แต่บ้าน”
ไม่มีใครรู้นอกจากนางกับสามี แม้แต่บ้านที่อาศัยซุกหัวนอนก็กำลังจะเป็นของคนอื่น เพราะการพนันตัวเดียว...
“ฉันก็อยากหยุดนะคุณพิ...แต่ทำไม่ได้”
เสียงของทะนงฟังเศร้าหมอง เขาอยากจะหยุด อยากจะอยู่ให้ห่างอบายมุขพวกนั้น แต่ยังไม่เคยทำได้สักที
“เท่าไรคะคุณพี่ เท่าไรสำหรับการผลาญครั้งนี้...”
นางถามเสียงอ่อนแรง ได้แต่ภาวนาไม่ให้เยอะเกินไป ไม่อย่างนั้นคงได้ฆ่าตัวตายหนีหนี้ยกครัว...
“1ล้าน” ทะนงตอบเสียงแผ่ว เขาหลุบเปลือกตาลง ความกระสันอยาก อยากแก้มือ อยากได้ที่เสียไปคืน ทำให้เขาถลำลงไปสุดตัว
“หะ!! ล้านนึง...บ้าไปแล้วๆ แน่ๆ แค่แสนเดียวยังไม่รู้จะเอาที่ไหนมาคืนเขาเลย นี่ล้านนึง...คงได้ตายทั้งบ้าน”
นางตะเบ็งเสียงก้อง ควานมือหาถ้ำยาดมในกระเป๋าหน้าของชุดอยู่บ้าน ก่อนจะรีบยกอังจมูก สูดกลิ่นหอมๆ แรงๆ ก่อนที่จะหมดสติไปเพราะความตกใจ
“คงได้ตายแน่ ถ้าไม่มีเงินไปคืนเขา...คุณพิไปถามคนที่รับจำนองบ้านเราหน่อยสิ เพิ่มอีกได้ไหม ฉันจะเอาเงินไปคืนเจ้าหนี้”
ทางเดียวคือที่ซุกหัวนอน ที่พอจะมีราคา
“ที่เอามานี่ก็เกินราคาแล้วค่ะ พิบอกคุณพี่แล้วนะ หนี้ก้อนนี้ขอพิไม่ยุ่ง”
“คุณพิไม่ช่วยฉัน แล้วใครจะช่วยได้ล่ะ...”
ทะนงคอตก หากไม่มีเงินก้อนนี้ไปคืน งานนี้คงได้หมดลมหายใจ
“พิหมดปัญญาแล้วคุณพี่ เราไม่เหมือนเดิม เวลานี้หันไปทางไหน ใครๆ เขาก็แทบจะเบือนหนี”
3ปีหลังเกษียร ทะนงผลาญสมบัติจนหมด เพราะหลงใหลอบายมุข ชั่วเวลาสั้นๆ เขาถลุงเงินไปกับการพนัน จนเป็นหนี้เป็นสิ้นล้นพ้นตัว จากเคยมั่งมี เวลานี้กลับจนกร็อบ...คนรับใช้ในบ้านทยอยลาออก เมื่อแม้แต่เงินเดือนพิไลยังค้างจ่าย เมื่อไม่มีรายได้เหมือนเก่า
“แล้วฉันจะทำยังไงล่ะคุณพิ?”
ทะนงถามเสียงเครือ...
รัชนียกมือทาบอก นางบังเอิญได้ยินเข้าพอดี คำสนทนาของสามีกับพิไล นางรู้สึกหนักหน่วงในอก คงต้องรีบให้บุตรสาวหาหนทางขยับขยาย ก่อนที่จะไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
“คุณพ่อ คุณแม่ พิไลกลับก่อนนะคะ”
สาวสวยรูปร่างพอๆ กับบางแบบยกมือไหว้แบบขอไปที ปรายตามองบิดาบุญธรรมที่ไร้สง่าราศี เนื่องจากความทรุดโทรม หล่อนแอบเบ้ปาก เมื่อสีหน้าดำคล้ำของบิดา บ่งบอกความกลัดกลุ้มที่อยู่ข้างในได้เป็นอย่างดี
“อะไร!! มายังไม่ทันได้คุยกันเลย จะกลับแล้วเหรอ” ทะนงบ่นลอยๆ
ลูกเลี้ยงสาวแอบเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ “คุณพ่อก็อยู่บ้านสิคะ พิไลจะได้อยู่คุยด้วย อยู่แต่บ่อนแล้วเมื่อไรจะได้คุยกันคะ”
“อย่ามาปากดี!! ว่าแต่...แกพอมีเงินให้ฉันยืมบ้างไหมล่ะ” หนุ่มใหญ่จนทางร้องถามเสียงแผ่วๆ
แววตาของลูกเลี้ยง ทำให้ท่านหน้าชา เมื่อมีแต่แววดูถูก “พิไลจะไปมีได้ยังไงคะ เงินมากมายขนาดนั้น...ไม่ลองถามแม่ลูกสาวสุดกตัญญูของคุณพ่อล่ะคะ” หล่อนรีบปฏิเสธ โยนความรับผิดชอบที่แสนหนักอึ้งไปที่วันวาด...มุมปากสีสดยกยิ้มหยัน...คงถึงเวลาต้องหาทางชิ่ง ก่อนที่ความฉิบหายจะมาเยือนตนเอง...
เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน
“ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน
เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเดิม
ความจริง...หากโจนาธานไม่ท้อ...ปานนี้เขาน่าจะเดินได้...
“อืม...ไปเถอะ”
เบนลุกขึ้นยืน เขารับปากมารดาเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขาจะทำทุกทางให้โจนาธานกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้...
“ท่านครับ...”
แต่...ลูกน้องคนหนึ่งกับรั้งเขาไว้เสียก่อน...
“อะไรว่ะ ถ้าไม่ด่วนจริงมึงโดน!!”
เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้าคนมาใหม่ พร้อมกับคำขู่
“มีลูกหนี้มาขอพบท่านครับ...”
“ใครมาขอพบกูว่ะ มันไม่รู้หรือไง...กูไม่ว่าง”
เบนตวาด...
“คุณทะนงที่ท่านถามวันก่อน เรื่องหนี้ที่ค้างไว้น่ะครับ”
คนรายงานหน้าซีด เขารีบละล่ำละลักบอก ก่อนที่เบนจะโกรธไปกันใหญ่
“อ๋อ...ไปๆ ไปพามาเลย กูให้10นาที”
เบนทรุดนั่งลงที่เดิม... เขายกปลายเท้าขึ้นพาดขอบโต๊ะ พร้อมกับวางมือไว้เหนืออก มองตรงไปยังประตูหน้า...
ทะนงเดินคอตกเข้ามาด้านใน ข้างตัวเขามีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งประคับประคองมาด้วย และชุดที่หล่อนสวมใส่ สะดุดตาเบน เมื่อมันเป็นชุดสีขาวๆ ของอาชีพที่เขากำลังต้องการตัว เมื่อน้องชายสุดแสบ ตะเพิดไล่คนเหล่านี้ไปจนหมด ในเวลา 6 เดือน...เขาเปลี่ยนคนดูแลน้องชายมาเกือบ30 คน
“เอ่อ...” ทะนงพูดไม่ออก ลำคอตีบตัน เขาหมดหนทางหาเงินก้อนใหญ่มาใช้คืน
“หล่อนเป็นใคร?”
เบนวาดปลายเท้าลง เขาหยัดกายนั่งตรงๆ พร้อมกับถามกลับเสียงห้าว
“หืมมม...” ทะนงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาฝ้าฟางและเต็มไปด้วยคำถาม
“ยัยนี่เป็นใคร ใช่พยาบาลวิชาชีพมั้ย?!!”
เสียงที่เริ่มขุ่น ลูกน้องของเบนจึงรีบกระซิบเตือน
“รีบๆ ตอบซิลุง หล่อนเป็นพยาบาลหรือเปล่า?”
วันวาดขมวดคิ้ว เธอไม่พอใจกับการคุกคามของคนเหล่านี้ แต่เปิดปากต่อว่าไม่ได้ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเหล่านี้เป็นเจ้าหนี้ของบิดา
“ครับๆ วันวาดลูกสาวผมเป็นพยาบาลอาชีพ”
วันวาดถูกกีดกันไม่ให้เรียนในวิทยาลัย’ เธอจึงเลือกสายอาชีพที่ใช้จ่ายไม่มาก เมื่อจบมาสามารถหางานทำได้เลย และอาชีพนี้แหละที่กำลังหาเลี้ยงคนทั้งพิศิษรุ่งเรือง
“อืมดี...เอาล่ะ มาว่ากันเรื่องเงินที่ค้างไว้ ฉันรู้... แกไม่มีปัญญาจ่ายแน่” เบนหยุดพูด คนข้างกายตาลุงนี่ลักษณะใช้ได้ หล่อนไม่หลุกหลิก ไม่มีลักษณะที่น่าวิตกหล่อนแต่งกายเรียบร้อย เหมาะกับอาชีพที่น่าศรัทธานั่น และหากให้หล่อนคอยดูแลโจนาธานก็น่าจะช่วยให้น้องชายเขาดีขึ้น เมื่อหล่อนมีชนักปักหลัง ทำให้ทิ้งงานไปกลางครันเหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้ “และฉันมีข้อเสนอ...” เบนยิ้มเจ้าเล่ห์!!
“อะไรครับ?” ทะนงรีบถามกลับแบบมีความหวัง ถึงมันจะริบหรี่...แต่ก็ดีกว่าหนทางตายที่รออยู่ตรงหน้า...
“ฉันมีคนป่วย ป่วยหนัก อยากจะให้ช่วยดูแลให้หน่อย หากทำให้เขาดีขึ้นได้...หนี้ทั้งหมดฉันยกให้เลย”
เบนพูดเหมือนใจป้ำ แต่...การ์ดข้างตัวตาเหลือก...เขาชำเรืองมองวันวาดแบบสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ จะไปคณามือน้องชายเจ้านายได้อย่างไร เมื่อแม้แต่ผู้ชายตัวโตๆ ยังหวาด
“จริงหรือครับ...”
“จริงสิ!!...ฉันให้เวลาคิดหนึ่งวัน หากตกลงก็เอาหล่อนมาส่งที่นี่ ถ้าไม่...ก็เอาสตางค์ที่ยืมไปมาคืน...”
เบนตอบ เขาลุกขึ้นยืน คงถึงเวลาที่จะต้องไปต้อนรับโจนาธาน ก่อนที่หมอนั่นจะอารมณ์เสียไปก่อน
“เออ...ตกลงครับ”
ทะนงรีบตอบโดยไม่ต้องย้อนคิด เรื่องเงินไม่ต้องถามถึง... เขาไม่มีปัญญาหามาใช้คืนอยู่แล้ว ในเมื่อมีทางเลือก ก็คงต้องคว้าไว้
“พ่อคะ” วันวาดพยายามแย้ง
ท่านหันกลับมามองบุตรสาว มือเหี่ยวยกขึ้นกุมแขนเรียวของวันวาด พร้อมกับพูดเสียงเครือ...