My destiny

2399 คำ
เพิ่งรู้ว่า… หัวใจยังเต้นดังแต่คำว่า รัก รัก รัก …ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 28 เมษายนปีที่ย่างเข้าฤดูฝนเร็วกว่าทุกปี อากาศนอกหน้าต่างตอนเจ็ดโมงเช้ามีเม็ดฝนตกลงมาตัดกับแสงแดดอ่อนจนเห็นเป็นไอหมอก ความจริงดลยาตื่นนานแล้ว แต่หลังจากเห็นข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ เธอนอนมอง แล้วคิดอยู่นาน ว่าจริงๆ แล้วควรอวยพรเขาอย่างไรถึงดูเหมาะสมที่สุด You deserve the best day on earth. I planned to get you something memorable for your birth day. Happy Birth Day to a special Bro. ในวันที่คุณควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุดบนโลก ฉันเตรียมบางสิ่งที่อยากให้คุณจดจำไปนานๆ สุขสันต์วันเกิดพี่ชายที่พิเศษที่สุด แต่คิดดูแล้วก็ไม่มีอะไรจะเหมาะสมเท่ากับคำอวยพรสั้นๆ เหมือนพิเศษนิดหน่อย แต่ดูอีกทีก็เกลื่อนๆ ทั่วไปที่เธอพิมพ์และกดส่งไปในไทม์ไลน์ของเขา Happy Birth Day, I wish you always happy in your life, in your hope, and achieve on your goal. และไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน… เธอขอให้พี่น่านมีความสุข “มือซ้ายน่ะคือมือแห่งโชคชะตา เป็นสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ แต่ฟ้ากำหนดมาให้เป็นอย่างนั้น แกต้องตั้งจิตอธิษฐานแล้วใช้มือซ้ายหยิบ” “ไพ่บอกว่าถ้าแกอยากได้งานดีพ่วงด้วยสมหวังในความรักให้ไปในทางทิศเหนือ สุดเขตชายแดนได้เท่าไรยิ่งดี!!” ดูเหมือนไม่มีเหตุผลใช่ไหม แต่นั่นล่ะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ดลยาพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เจ้าของร่างเล็กก้าวลงมาหลังล้อรถจอดสนิท ประกายตาสดใสทอดมองรอบด้านอย่างพึงพอใจจนรอยยิ้มจากปากปรากฏถึงดวงตา ก่อนเดินไปยังอาคารสองชั้นสีขาวซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “สวัสดีค่ะอินเทิร์นที่จะมาอยู่ใหม่หนึ่งเดือน มาพบพี่เอื้อย ไม่ทราบว่าต้องไปติดต่อตรงไหนคะ” ดลยาหยุดถาม รปภ.หน้าตึก ความจริงเธอมีเบอร์พี่พยาบาลที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจังหวัดให้ไว้ แต่ลองโทรสองสามครั้งก่อนจะมาถึงแล้วไม่ติด คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะติดงานอยู่ พี่ยามพอได้ยินอย่างนั้นก็รีบเป็นธุระช่วยติดต่อประสานงานให้ ไม่นานดลยาก็ได้กุญแจห้องพักมาอยู่ในมือ พร้อมกับน้ำใจของ (ว่าที่) เพื่อนร่วมงานที่อาสาเดินมาส่ง ระหว่างทางก็ชวนคุยอย่างเป็นมิตร “ที่นี่มีหมอประจำสามคนค่ะ มีน้องหมอมาเพิ่มอีกคนก็เป็นสี่ แต่ช่วงนี้เรากำลังเซ็ตทีมผ่าตัด ก็จะมีหมอศัลย์จากโรงพยาบาลจังหวัดมาอยู่ด้วย ถ้าน้องด้ายมีอะไรสงสัยก็ถามพี่ได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ” พี่เอื้อยหัวหน้าพยาบาลยิ้มบอก พาเดินเข้าไปสำรวจภายในบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สองชั้นสภาพกลางเก่ากลางใหม่ จนเธอยืนยันว่าไม่ได้ขาดเหลืออะไร จึงขอตัวไปทำงานต่อ ดลยาเดินตามพี่เอื้อยออกไปอีกรอบ ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน ถึงไม่มีโรงรถแต่ก็มีร่มไม้ใหญ่ที่พอบังแดดให้พี่ภีมดลของเธอได้อยู่ ส่วนของที่ขนมาก็เป็นเสื้อผ้าซะส่วนใหญ่ไม่มีอะไรมากเพราะมาอยู่แค่เดือนเดียว ใช้เวลาจัดข้าวของไม่ถึงสองชั่วโมงก็เสร็จ แล้วเผลอหลับไปอีกตื่น ตื่นมาก็เย็นพอดี ตอนแรกว่าจะขับรถออกไปสำรวจรอบๆ กับหาซื้อมื้อเย็นของตัวเอง แต่พอเห็นว่ามีตลาดนัดอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงพยาบาลก็เลยเปลี่ยนใจ หญิงสาวได้ขนมจีนน้ำเงี้ยวกับขนมกินเล่นอีกสองสามอย่าง เธอซื้อแบบเดียวกันอีกสองชุดไปฝากพี่ยามกับฝากให้หมอกับพยาบาลที่อยู่เวรวันนี้ไว้กินกัน ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของชีวิตหมอใช้ทุนน้องใหม่ เจออย่างนี้ก็พาให้นึกไปถึง ‘น้องไพ่’ ที่เพื่อนสนิทที่ริอาจตั้งตัวเป็นแม่หมอทำนาย ตอนแรกเธอเชื่อครึ่ง แต่เอาเข้าจริงก็เชื่อไปเป็นค่อนนั่นล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตัดสินใจเลือกมาใช้ทุนไกลถึงที่นี่ทั้งที่ครอบครัวทัดทานแบบนี้ ‘หนูไม่เคยไปไหนเลย ไปอยู่ไกลขนาดนั้นแม่เป็นห่วง’ ‘แล้วใครจะดูแล ให้แม่ย้ายตามไปอยู่ด้วยไหมลูก’ แค่คิดถึงคำแม่ ดลยาก็แทบไม่อยากคิดต่อว่าวันนั้นตัวเองต้องใช้ลูกอ้อนขนาดไหนกว่าจะยอมให้แม่ใจอ่อนได้ แต่เอาเถอะ ก๊อกแรกกับก๊อกที่สองถือว่าผ่านไปด้วยดีตามคำทำนาย เธอได้มาอยู่โรงพยาบาลชุมชนหรือเรียกอีกอย่างก็โรงพยาบาลอำเภอ พักกายพักใจ หลังจากอยู่วอร์ดอายุรกรรมแสนหนักหน่วง ให้มีเวลาให้หายใจก่อนไปขึ้นวอร์ดศัลย์ ที่เหลือก็แค่เรื่องความรัก… มีใบหน้าและรอยยิ้มแม้จะเป็นเพียงยิ้มเล็กน้อยของใครบางคนลอยเข้ามาในห้วงความคิด ก่อนค่อยๆ ปรากฏชัดในหัวใจ ทั้งที่ระยะเวลาสองเกือบสามปี การเรียนที่แสนหนักหน่วงทำให้เธอคิดว่าจะลืมเขาไปได้ …อย่างน้อยก็ลืมความรู้สึกนั้นได้ เธอลืมได้จริงๆ … แม้บางครั้งจะแอบคิดถึง และไม่รู้ทำไมถึงโหยหาเขาในใจก็ตาม หกปีก่อน “ขอให้น้องๆ ทุกคนหลับตานะครับ เดี๋ยวพี่ของน้องจะเดินเข้าไปหา” แสงไฟทั่วบริเวณดับลง จากเสียงคนพูดคุยหัวเราะจอแจทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนเป็นเงียบสงบ น้องชั้นปีหนึ่งทุกคนยืนล้องวงหลับตาลงตามคำสั่งของรุ่นพี่ รวมทั้งเธอ… ดลยาได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ แล้วก็ผ่านเลยไป ทีละคนสองคน… คงเป็นพี่รหัสของเพื่อนที่อยู่ข้างๆ วันนี้เป็นวันรับน้องของคณะแพทยศาสตร์ หลังจากเล่นสนุกกันทั้งวัน ตอนนี้พวกเราทุกคนมารวมตัวกันอยู่ใต้ตึก โดยมีน้องใหม่เป็นจุดศูนย์กลาง ยืนหลับตาจับมือเพื่อนเรียงกันตามเลขรหัส ล้อมรอบด้วยพี่ในทุกชั้นปี ที่ใครว่างก็อยากแวะเวียนมาดูหน้ามาต้อนรับ ‘น้องรหัส’ เข้าสู่สายรหัสของตัวเอง ครอบครัวเล็กๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยของคณะแพทยศาสตร์ที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเด็กกำลังเริ่มต้น …เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งเดินเข้ามา และ ‘เขา’ หยุดยืนตรงหน้า ที่เรียกว่าเขา เพราะเหลนคนนี้รู้ดีเลยล่ะว่า ‘ปู่รหัส’ เป็นผู้ชาย ใช่!! เธอรู้เพราะพี่อิงพี่รหัสปีสองเป็นคนบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่น้อยเมื่อตอนกลางวัน ‘ชื่อพี่น่านจ้ะ เพิ่งกลับมาเรียนเด้นศัลย์ เดือนในตำนานเชียวนะน้องด้าย พี่เคยเจอครั้งหนึ่งตอนเลี้ยงรวมสายรหัส แต่พี่เขามาแป๊บเดียว ก็เลยเห็นแค่ผ่านๆ แต่เห็นว่าวันนี้จะมาด้วย เดี๋ยวด้ายก็คงได้เจอ’ ดลยารู้สึกว่าบางทีเธอก็อยากแอบลืมตามาดูเหมือนกันว่า ‘เดือนในตำนาน’ ที่ว่าหล่อสักขนาดไหน พี่รหัสผู้หญิงเอยตัวเป็นชายใจเป็นหญิงเอยทั้งสายของเธอถึงได้ออกอาการปลื้มเขากันมากมายขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วล่ะว่าเขาน่าจะสูงเกินร้อยแปดสิบ เพราะ ‘แอบ’ ลืมตาขึ้นมามองนิดหนึ่ง ระดับสายตาเธอยังเห็นแค่ไหล่เขาเอง แต่เอาเถอะ แค่ไหนก็แค่นั้น เธอคงหลงใหลได้ปลื้มอยู่หรอก ถ้าจะไม่มาอินดิ้วทำซึ้งกันในเวลาตีสี่ แอบมองได้ไม่ถึงห้าวินาทีดี คนตัวเล็กก็รีบหลับตาปี๋เพราะปู่ (รหัส) หันกลับมาหาหลังจากพี่รหัสของเพื่อนข้างๆ ทักทายสวัสดีเขา เพราะระยะที่อยู่ใกล้กันไม่ถึงก้าว ดลยาได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอเหมือนเขากำลังขำอะไรสักอย่าง แต่เอาเถอะ คงไม่ใช่ขำเธอหรอก… “ส่งมือมาให้พี่นำทาง… เชื่อใจพี่ของน้องนะครับ เชื่อว่าพี่จะดูแลน้องได้ แม้เส้นทางข้างหน้าจะเป็นยังไง ขอให้น้องไว้ใจว่าพี่จะประคับประคอง จูงมือเดินพาน้องไปถึงจุดหมายในที่สุด” แม้จะรู้สึกแปลกใจปนหวั่นใจอยู่บ้าง เพราะกลัวจะโดนแกล้งให้คลุกสีคลุกโคลนจนสภาพไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเหมือนเมื่อวานตอนรับน้องมหาลัย แต่สุดท้ายเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนยื่นมือมารอตรงหน้า มือเล็กก็ยื่นไปวางไว้บนนั้นให้เขากุมไว้ แล้วเดินนำไป ก้าวต่อก้าวที่เธอเดินตามพี่น่านบนเส้นทางแคบๆ เหมือนสูงชัน ที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นอะไร หลายครั้งที่ ‘พี่’ โน้มตัวลงมากระซิบบอกให้ก้าวตาม และน้องน้อยคนนี้ก็ยอมทำตามที่เขาบอก ตาเธอยังหลับอยู่ ใช้สองตาของเขาพาเดินไปข้างหน้า ระหว่างทางบางครั้งดลยาได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของเพื่อนที่อยู่ข้างหน้าพาให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่เพราะมือพี่น่านที่กระชับลงมาเบาๆ เหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร เขา… เปลี่ยนความหวั่นใจให้เป็นความอุ่นใจได้เสมอ ทุกก้าว… เหมือนมีสายใยบางเบาเริ่มถักทอขึ้นมาในหัวใจ จากวันนั้นเพื่อนขวัญเคยร่วมกันขับขานรวมจิตใจ สู่วันนี้พี่น้องร่วมฝ่าไป จากใจ… ถึงทุกคน ด้วยความรักเปี่ยมล้นบนเส้นทางสว่างไสวในศรัทธา ร่วมกันสร้างพรุ่งนี้ของประชาที่สดใสให้เป็นจริง เสียงหวานผสานกีตาร์โปร่งขับกล่อมท่ามกลางลมเย็นเอื้อยๆ บนดาดฟ้าของตึก ที่รู้อย่างนั้นเพราะน้องใหม่แต่คนก้าวขึ้นบันไดแคบๆ ทีละขั้นมาเป็นเวลาร่วมครึ่งชั่วโมงโดยมีพี่รหัสเป็นคนนำ ในโคมแก้วกันลมมีแสงเทียนถูกจุดสว่างไสว ชีวิตเธอมีคุณค่า มวลประชาเขารออยู่ รอเธอเป็นผู้ก้าวไป ดังมวลไม้ที่งอกงาม ยามถึงคราวชูช่อใหม่ ไปเถิดจงไปทั่วแดน “ขอให้น้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที่ เป็นหมอที่ดีของคนไข้ที่กำลังรออยู่ มีอะไรก็ถามพี่ได้ ยินดีต้อนรับเข้าสู่สายรหัสของเรานะครับ” อยากให้เธอเป็นเทียนเล่มน้อยที่ส่องแสงงสู่หนทางมืดมน เทียนสว่างไสวอยู่ในใจผู้คนตราบจน… นิรันดร ด้ายสีขาวถูกผูกบนข้อมือเพื่อรับขวัญ ดวงตากลมค่อยๆ ลืมขึ้นมองเจ้าของเสียงทุ้มที่อยู่ตรงหน้า พี่น่านนที เขายิ้มให้เธอ แม้จะเป็นยิ้มมุมปากแค่เล็กน้อยตามแบบฉบับของเขา ทว่าสร้างความอบอุ่นโอบล้อมหัวใจคนมองตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ใบหน้าขาวสะอาด คิ้วเข้ม ตาคม เขาสมกับตำแหน่งเดือนในตำนานตามที่พี่คนอื่นๆ บอก ทว่าตั้งแต่วันนั้น การค่อยๆ ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา ทำให้เธอมองเห็นลึกลงไปยิ่งกว่านั้น เธอผ่านชีวิตที่ต้องปรับตัวหลายต่อหลายอย่างในรั้วมหาวิทยาลัยปีแรกด้วยความอบอุ่น ปลอดภัย เพราะมีพี่รหัสที่ไม่ค่อยมีเวลาคนนี้เป็นที่พึ่ง พี่น่าน… เขาทำให้เธออยากเป็นหมอที่ดีอย่างที่เขาเป็น เราคบกันหลังจากนั้นไม่นาน ถึงไม่บอกด้วยคำพูด แต่การกระทำของเขาก็บอกชัดเจน แต่เพราะเขาไม่ค่อยหวาน งานยุ่งไม่มีเวลา ช่องว่างระหว่างวัยทำให้เธอมักจะโดนพี่น่านดุอยู่บ่อยๆ ทั้งที่รู้ว่าที่เขาทำเพราะเป็นห่วง… แต่พอมาเจออีกคนที่มีแต่จะเอาใจและตามใจไปเสียทุกอย่าง ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ตลอดเวลา เพราะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน หยก… อาจด้วยความอ่อนเดียงสา ถูกจู่โจมทำเซอร์ไพร์แบบกะทันหันไม่ทันตั้งตัว มีใจให้เขาบ้าง หรือจริงๆ แล้วแค่ไม่รู้จะปฏิเสธออกไปว่าอย่างไร เธอ ‘ตอบตกลง’ เมื่อหยกขอคบหาดูใจในสถานะมากกว่าเพื่อน ทั้งที่ในใจมีพี่น่าน แต่นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งกับแพทย์ประจำบ้านศัลยศาสตร์ เราห่างกันเกินไปในทุกๆ ด้าน แล้วยังผู้หญิงที่เข้ามา แม้เขาทำท่าทีเหมือนไม่สนใจ แต่ก็พาให้ใจเธอไขว่เขวไปหมด แม้ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปาก แต่หากไม่ปฏิเสธหัวใจตัวเอง เธอรู้อยู่ทั้งใจว่าเขารัก ‘ด้ายรู้ใช่ไหมว่าพี่คิดยังไง’ ‘แต่พี่ไม่มีเวลาให้หนู แล้วเราก็ต้องห่างกัน’ วันนั้นเธอจำสายตาของเขาได้ว่าเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความผิดหวัง วูบนั้นที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไปทั้งใจ เหมือนกำลังสูญเสียสิ่งที่รัก แต่ไม่ทันแล้วใช่ไหม เพราะเขาแค่มอง จับมือเธอดึงเข้าไปกอด จนได้ยินเสียงหัวใจของเขา เนิ่นนาน… “แค่นี้ใช่ไหม… ดูแลตัวเองให้ดี” อ้อมกอดของเขาคลายออกไปแล้ว วันนั้นเธอมองดูเขาเดินหันหลังจากไป …แล้วเราก็ห่างกัน เธอเจอพี่น่านอีกครั้งตอนปีสี่ที่ขึ้นวอร์ดศัลย์ โชคดีที่เราไม่ได้เกลียดกันถึงขั้นคุยกันไม่ได้ ต้องขอบคุณตำแหน่งน้องรหัสที่ยังค้ำคออยู่ แต่ที่มีอยู่ก็ถือว่าแต้มบุญน้อยนัก เพราะยังไงก็ยังโดนชีพเรสซิเด้นซ์คนดัง ‘กินหัว’ ซะแทบงอกไม่ทัน แต่ก็เขาอีกนั่นล่ะ ที่มาอยู่ข้างๆ เงียบๆ ในวันที่แย่ที่สุดของชีวิตที่ผ่านมา หลังจากนั้นเธออยากบอกเขาว่าขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่าสายเกินไป เขามีคนของเขาแล้ว ใครนะ ที่บอกว่าผู้หญิงฉลาดใช้สมองแล้วจะชนะทุกอย่าง เพราะถ้าวันนั้นเธอทำตามเสียงหัวใจก็คงไม่เป็นอย่างวันนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม