14:14 PM.
หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จ ฉันกับเพื่อนๆ ก็เดินไปซื้อขนมมานั่งทานกันที่ม้าหินอ่อนข้างตึกคณะ ฉันยังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ พี่ราเรซสั่งไว้ว่าถ้าฉันเรียนเสร็จให้ไปรอเขาที่บริเวณจอดรถ แต่ฉันไม่ได้อยากจะกลับกับเขาสักหน่อย ทำไงดี
“ตั้งแต่น้ำเกิดเป็นคนมาเนี่ยนะ ยังไม่เคยเข้าผับเข้าบาร์กับเขาเลยสักครั้ง น้ำว่าเราไปกันหน่อยไหม” น้ำชวน
ก็น่าสนอยู่นะ ฉันเองก็ยังไม่เคยไปเลยอะ อยากจะทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้างเหมือนกัน
“แต่เรายังไม่ 20 เลยนะ จะเข้าได้เหรอ” แพรวถาม
นั่นสินะ แล้วเราจะเข้าไปยังไง ต้องอายุยี่สิบปีขึ้นไปถึงจะเข้าได้ คงต้องรอขึ้นปีสองก่อนแหละถึงจะเที่ยวได้ เฮ้ออออ เซ็ง...
“อยากไปกันจริง ๆ เหรอ” แก้มใสถามพร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
ฉันกับแพรวแล้วก็น้ำ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงแทนคำตอบ
“แก้มมีวิธี...” แก้มใสบอก
จากนั้นฉันกับเพื่อนก็พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องของแพรวกับน้ำ เพื่อนของฉันสองคนนี้อยู่หอพักเพราะบ้านของเพื่อนทั้งสองอยู่ต่างจังหวัดกัน ก็เลยมาเช่าหอพักอยู่เพื่อความสะดวกในการไปเรียน
ตามสเต๊ปไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงหรือกลัวพ่อแม่ไม่อนุญาตเราก็จำต้องโกหกท่านไปด้วยประโยคสุดฮิตในหมู่วัยรุ่น นั่นก็คือ... ทำรายงานที่บ้านเพื่อนค่ะ (น้องๆ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ การโกหกพ่อแม่เป็นสิ่งไม่ดี ถามว่าไรท์เคยใช้วิธีนี้ไหม เคยค่ะ จบข่าว... ฮ่า ๆ ๆ)
“โห่ น้ำ ทำไมน้ำมีชุดเซ็กซี่เยอะจังอะ”
ฉันมองดูชุดที่เพื่อนเอามาให้เปลี่ยน แต่ละชุดมันชั่งล่อเสื้อล่อตะเข้ได้ดีนี่เอง
“ก็มันซื้อไว้เป็นแรงจูงใจในการลดน้ำหนักไง คิดว่าต้องลดให้ได้เพื่อใส่ชุดพวกนี้ แต่ก็เปล่าเลยค่ะ กินตัวแตกเหมือนเดิม ฮ่าๆ ๆ ๆ” แพรวเล่าอย่างขำขัน
“ก็ของกินมันอะไรอะ” น้ำเถียงแพรว
“แก้มลองใส่ชุดนี้สิ”
ฉันหยิบเสื้อสีขาวยาวถึงหน้าขาด้านบนเปิดไหล่ เอามาทาบกับตัวของแก้มใส หื้ม...เซ็กซี่มาก
“ชุดมันดูโป๋ไปไหม” แก้มใสทำสีหน้าตกใจกับชุดที่ฉันเลือกให้
“ถ้าไม่ใส่ โกรธ”
ฉันแกล้งงอนเพื่อน ก็นะ ฉันอยากให้เพื่อนได้ลองอะไร ๆ ที่มันแตกต่างไปจากเดิมบ้าง ใช่ว่าเราจะแต่งแบบนี้กันทุกวันสักหน่อย
“งั้นต้าก็ต้องใส่ชุดนี้ด้วย ไม่งั้น โกรธ”
แก้มใสหยิบชุดที่คล้ายกันกับชุดที่ฉันหยิบให้ มันต่างกันก็แค่... ชุดที่แก้มใสหยิบให้ฉันนั้นมันรัดรูปกว่าชุดที่ฉันหยิบให้เพื่อนซะอีก
“ได้!”
ฉันยื่นมือไปรับชุดมาพร้อมกับฉีกยิ้มไปให้เพื่อนอย่างท้าทาย
“ไปแต่งตัวกัน”
สามนาทีต่อมา
“ว้าว”
เมื่อฉันกับแก้มใสแต่งตัวเสร็จ แพรวกับน้ำก็ร้อง ว้าวออกมาพร้อมกัน
“พวกแกเหมือนหลุดออกมาจากแมกาซีนเลย เซ็กซี่มาก” แพรวชม
“ไปกันได้ยังคะ ฉันอยากจะดิ้น ๆ แล้วนะ” น้ำพูดพร้อมกับทำท่าทางออกสเต็ปเต้น
แล้วเราทั้งสี่คนก็นั่งรถแท็กซี่มยังเอสทีผับ นี่คือแหล่งท่องเที่ยวยามราตรียอดฮิตที่สุดในหมู่วัยรุ่นแล้วล่ะ ผับนี้ดังที่สุดในย่านนี้ก็ว่าได้
รถแท็กซี่จอดอยู่ด้านหน้าของผับ ฉันกับเพื่อน ๆ ลงจากรถเดินตามแก้มใสอ้อมไปยังด้านหลังของผับไปหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าด้านหลัง แก้มใสหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าไขเข้ากับกลอนประตู แล้วประตูก็เปิดออก
“แก้มทำได้ไง ไปเอากุญแจมาจากไหน” ฉันถามเพื่อนอย่างตกใจ
“แก้มเคยมาทำงานพาร์สไทม์เป็นผู้ช่วยอยู่ในครัวน่ะ พี่ที่ทำงานด้วยกันก็เลยให้กุญแจมา แต่พอจะเอามาคืนพี่เขาก็ลาออกไปแล้ว” แก้มใสอธิบาย
ร้ายนะเนี่ย เพื่อนเรา
ฉันกับเพื่อนย่องเข้าไปยังด้านในผับผ่านห้องเก็บอาหารไปโผล่อีกทีที่หน้าห้องน้ำหญิง และเราก็สามารถเข้ามายังด้านในผับได้อย่างแนบเนียน แก้มใสเดินนำไปนั่งที่โต๊ะอย่างเนียน ๆ เหมือนว่าเราเคยมาบ่อยอะไรประมาณนี้
“เดี๋ยวต้าเลี้ยงเอง ใครอยากจะดื่มอะไรเต็มทีเลยนะ แต่... อย่าหนักมากเดี๋ยวกลับหอไม่ได้” ฉันบอกเพื่อน
“อะไรน่าดื่มที่สุดเหรอแก้ม” น้ำหันไปถามแก้มใส
“ไม่รู้สิ แก้มก็อยู่แต่ในครัวไม่เคยออกมาตรงนี้เลยสักครั้ง” แก้มใสตอบ
ฉันหันไปยกมือขึ้นโบกเรียกพนักงาน สักพักพนักงานผู้ชายหน้าหล่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน
“รับอะไรดีครับ” พนักงานผู้ชายถามขึ้น
“อยากได้เครื่องดื่มสำหรับผู้หญิงน่ะค่ะ ขอไม่แรงมาก”
พนักงานยื่นเมนูเปิดให้ฉันดู สีสันน่ากินจัง ถึงว่าเฮียโต้งกับเพื่อนๆ ชอบมาดื่มกันนัก
“กามิกาเซ่ ครับ รสชาติเปรี้ยวนิดขมหน่อยเหมาะกับผู้หญิงและคนที่พึ่งดื่มครั้งแรก”
พนักงานชายจ้องตาฉันเป็นมัน นี่คงคิดว่าฉันเป็นไก่อ่อนล่ะสิ อย่าท้าฉันนะ
“งั้นก็เอากามิกาเซ่สาม ส่วนของฉันขอเป็นเตกีลาก็แล้วกัน”
ฉันฉีกยิ้มกว้างอย่างเหนือกว่าให้กับพนักงานชาย เขามีสีน่าตกใจเล็กน้อย แล้วเขาก็หันหลังเดินจากไปเพื่อไปเอาเครื่องดื่มมาให้พวกเรา
“ต้าสั่งอะไรไปอะ ไม่เห็นเหมือนพวกเราเลย” แก้มใสถามขึ้น
“ก็สั่งเหมือนโต๊ะข้างๆ เรานี่แหละ ไม่เห็นเหรอว่าพนักงานคนเมื่อกี้พูดว่า... คนที่ดื่มครั้งแรก เขารู้ว่าเราพึ่งเคยมา เพราะฉะนั้นเราต้องทำเหมือนว่าเราเคยมาแล้ว ไม่งั้นเราอาจจะโดนหมายตาแล้วถูกผู้ชายหิ้วกลับบ้านไปได้” ฉันบอกกับเพื่อน
“แล้วที่ต้าสั่งมา มันแรงปะ” แพรวถาม
“ก็น่าจะแรงกว่าที่สั่งให้เพื่อนอยู่แหละ ถ้าต้าไม่ไหวยังไงก็...หิ้วต้ากลับด้วยนะ” ฉันนั่งส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้เพื่อน แล้วเพื่อนทั้งสามก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมกันให้กับฉัน
ไม่นานพนักงานคนเดิมก็นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พร้อมกับรอบมองหน้าฉันไปด้วย ฉันจึงส่งยิ้มหวานไปให้ประมาณว่า มองอะไรคะ ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ^-^
เมื่อแก้วที่หนึ่งเข้าปาก แก้วที่สองสามก็ตามมา ฉันเริ่มไม่ไหวแล้วล่ะ ที่จริงฉันเริ่มไม่ไหวตั้งแต่แก้วแรกด้วยซ้ำ เหล้าอะไรก็ไม่รู้หนักหัวเป็นบ้าเลย
“ไปแดนซ์กันเพื่อน”
น้ำพูดขึ้นพร้อมกับเข้ามาดึงตัวฉันออกจากโต๊ะไปยังฟอร์เต้น แล้วฉันก็ลากแก้มใสตามาด้วย ฉันจะเดินไม่ไหวอยู่แล้วนะ แต่พอมาเจอแสงสีจากไฟสปอร์ตไรพร้อมกับเพลงมันส์ ๆ เบสหนัก ๆ บวกกับแอลกอฮอล์ในร่างกายของฉันมันพาฉันออกสเต๊ปเต้นไปตามจังหวะเพลงแดนซ์อย่างควบคุมไม่อยู่
ฉันเต้นอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาฟาดที่ก้นฉันอย่างแรง ฉันหันหน้าไปมองผู้ชายที่มันกล้าฟาดก้นอย่างเอาเรื่อง
“ทำอะไรน่ะ!” ฉันจ้องหน้าไอ้ผู้ชายที่มันฟาดก้นฉันตาเขม็ง
“ก็ก้นเธอมันน่าฟัดนิ”
มันลอยหน้าลอยตาตอบ ท่าทางกวนตีนใช้ได้เลยนะ ฉันหันไปที่โต๊ะข้าง ๆ หยิบแก้วเหล้าที่มีเหล้าอยู่เต็มแก้วขึ้นมาเทรดลงบนหัวไอ้ผู้ชายที่มันบังอาจมาจับก้นฉัน
“มึง!”
มันตั้งท่าจะเข้ามาจะชกฉัน ฉันยืนหลับตาปี๋เพราะคิดว่าต้องโดนมันชกแน่ ๆ
พลึก! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ราเรซ
ตอนนี้ผมกับบิ๊กไบค์ เลโอ กำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่โต๊ะวีไอพีของชั้นสอง ส่วนไอ้โต้งนั้นมันไม่ได้มาด้วยเพราะมันกำลังอินเลิฟ ติดแฟนแจเลย เห็นแล้วหมั่นไส้มันนัก
“เฮ้ย ๆ นั้นมันน้องปีหนึ่งนี่ว่า เข้ามาได้ไงวะเนี่ย” เลโอพูดขึ้น
ผมไม่ได้สนใจสิ่งที่เลโอพูดเลยสักนิดเพราะกำลังโมโหยัยตัวเล็กอยู่ เธอไม่ยอมมารอผมตามที่บอก แถมแอบหนีกลับบ้านไปก่อนเฉยเลย อย่าให้เจอนะต้าหนิง พี่เรซจะทำโทษให้เข็ดเลย
“ใครสนกันวะ ก็เข้ามาได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนพามา” บิ๊กไบค์พูดจบก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“นั่นสินะ ไม่น่าสนเลย ถ้าน้องปีหนึ่งคนนั้นไม่ใช่ ต้าหนิงกับแก้มใส”
สิ้นสุดคำพูดของเลโอ ผมกับบิ๊กไบค์ก็หันไปมองยังด้านล่างแทบจะพร้อมกัน มาได้ไง...
ต้าหนิงกำลังเต้นยั่วยวนอยู่บนฟอร์ ผู้ชายต่างก็เต้นรอบเธอพร้อมกับผิวปากอย่างชื่นชม ผมไม่ทนนั่งดูอยู่นานหรอก เห็นแค่นั้นผมก็ลุกออกจากโซฟาเดินลงมายังชั้นล่างตรงไปที่ร่างเล็กของต้าหนิง
พอผมเดินมาถึงก็เห็นต้าหนิงกำลังมีเรื่องกับผู้ชาย ก๋ากั่นจังเลยนะต้าหนิง ตัวเท่าลูกแมวยังกล้าไปต่อกลอนกับผู้ชายตัวใหญ่อีก
ไอ้หน้าตัวเมียมันง้างหมัดขึ้นเตรียมจะชกต้าหนิง ผมวิ่งเข้าไปกระโดดถีบไอ้คนที่มันจะทำร้ายเธอจนมันล้มหน้าคะมำไปกับพื้น
ผมคว้าตัวต้าหนิงมาไว้ในอ้อมกอด หื้ม...กลิ่นเหล้าหึ่งเชียว ยัยตัวเล็กหัดดื่มเหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“ปล่อยนะ!” ต้าหนิงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของผม
“อยู่นิ่ง ๆ”
พอได้ยินเสียงผมเท่านั้นแหละ ต้าหนิงก็เงยหน้าขึ้นมามองอย่างตกใจ
“ตามมาถึงนี่เลยเหรอ คนเขาอุตส่าห์หนี ยังจะตามมาอีก”
ต้าหนิงทำหน้าง้อบูดบึ้งใส่ผม ผมก้มมองหน้าเธอชัด ๆ ในตอนนี้แก้มขาวเนียนกำลังเป็นสีแดงจัดเพราะฤทธิ์เหล้า มันยิ่งขับผิวทำให้ต้าหนิงดูน่ามองยิ่งกว่าเดิมอีก... น่าขย้ำจริง ๆ
“มึงเป็นใครวะ!”
ไอ้ผู้ชายที่มีเรื่องกับต้าหนิงมันลุกขึ้นยืนได้ก็เดินตรงดิ่งเข้ามาหาผม แต่ก็โดนบิ๊กไบค์เอาเท้ายันไว้ซะก่อน
“เป็นใครก็ได้ที่ทำให้มึงไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้อีก ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ไสหัวไป”
ผมพูดด้วยเสียงราบเรียบ ให้โอกาสแล้วนะ แต่มันก็ยังยืนทำหน้ากวนตีนใส่อยู่ สงสัยไม่อยากออกไปดี ๆ
“มึงใหญ่มาจากไหนวะ ทำไมกูต้องฟังมึงด้วย” มันจ้องหน้าผมตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง
“มีอะไรเรซ” อาโลโค่เดินเข้ามาถามผม
“ไอ้เหี้ยนี่มันมายุ่งกับผู้หญิงของเรซ” ผมบอกอาโลโค่โดยที่ยังไม่ละสายตาจากมัน
“เดี๋ยวอาจัดการเอง” อาโลโค่ตบบ่าผมเบา ๆ สองครั้ง เป็นเชิงบอกให้ผมพาต้าหนิงออกไป
ผมอุ้มยัยตัวเล็กเดินมาที่รถของผม แล้วเพื่อนของเธออีกสามคนก็เดินตามมา
“ปล่อยนะ! จะพาต้าไปไหน”
ยัยตัวเล็กโวยวายมาตลอดทาง ผมเปิดประตูรถออกรีบยัดยัยตัวเล็กเข้าไปในรถพร้อมกับยืนพิงประตูรถไว้ไม่ให้ต้าหนิงเปิดออกมาได้
“เดี๋ยวพี่ไปส่งต้าเอง” ผมหันไปบอกกับเพื่อน ๆ ของต้าหนิง
“นี่ค่ะ กระเป๋าของต้า” แก้มใสยื่นกระเป๋าของต้าหนิงมาให้ผม
“แล้วจะกลับกันยังไง” ผมถามแก้มใสกับเพื่อนของเธออีกสองคน
“เดี๋ยวกูไปส่งเอง มึงไปเหอะ” บิ๊กไบค์บอกกับผม
ผมเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับพร้อมกระซิบบอกกับเพื่อนว่า...
“เบา ๆ นะมึง” บิ๊กไบค์ยืนยิ้มอย่างชอบใจกับคำพูดของผม
“มึงก็เหมือนกัน อย่าให้สะเทือนมาถึงห้องกูล่ะ” ผมยกยิ้มแบบกวน ๆ ไปให้เพื่อนหนึ่งที
คิดว่าผมจะพาต้าหนิงไปส่งที่บ้านไหม ผมไม่ได้ใจดีขนาดนั้น... ปลาย่างอยู่กับแมวตัวอื่นมันก็ได้แค่นั่งดู แต่กับผม...
ผมคือหมาป่าไม่ใช่แมว เพราะฉะนั้นผมไม่นั่งดูปลาย่างเฉย ๆ แน่
ต้าหนิง
ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองลอยละร่องอยู่กลางอากาศ แต่ว่าทำไมอากาศตรงนี้มันชั่งหอมเหลือเกิน หอมเหมือนกลิ่นตัวของใครบางคนที่ฉันจำได้ดีไม่มีวันลืม กลิ่นตัวของพี่ราเรซ...
พี่ราเรซงั้นเหรอ?
ฉันลืมตาขึ้นมาก็เห็นด้านข้างของใบหน้าคมเข้ม เขากำลังวางฉันลงกับเตียงนอนหนานุ่ม ซึ่งมันไม่ใช่เตียงนอนของฉัน ถึงมันจะนุ่มเหมือนกันก็เถอะ ทำไมเขาถึงพาฉันมาที่นี่ นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของฉัน
ทันทีที่แขนอันแข็งแรงวางฉันลงกับเตียงนอนกว้าง ฉันก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นเตรียมจะวิ่งหนี
“จะไปไหน”
แต่ก็ช้ากว่าพี่ราเรซ เพราะแขนหนาเอื้อมมารั้งเอวบางของฉันได้ก่อนจากนั้นก็โดนเขาเหวี่ยงลงกับเตียงกว้างแล้วก็ตามมาด้วยร่างหนาทับร่างบางของฉันไว้ ฉันรีบยกแขนขึ้นดันอกแกร่งไว้เพื่อไม่ให้ร่างกายของเราแนบชิดกันได้มากกว่านี้
“ต้าจะกลับบ้าน!” ฉันบอกเขาเสียงดังลั่นพร้อมกับถลึงตาใส่อย่างเคือง ๆ
ให้ตายสิ... เขามันเจ้เล่ห์ชะมัด ถึงฉันจะเมาแต่ฉันก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาบอกกับเพื่อนของฉันว่าจะไปส่งฉันที่บ้านนิ แต่นี่เขากลับไม่ทำอย่างที่พูด
“นอนที่นี่แหละ กลับบ้านไปสภาพนี้เดี๋ยวก็โดนม้าดุเอาหรอก” พี่ราเรซบอก
ฟังดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยฉันจังนะ แต่การกระทำนี่สิ มันชั่งสวนทางกันเหลือเกิน เขายังไม่ยอมลุกออกไปจากตัวของฉัน แถมยังเอานิ้วเรียวมาม้วนปลายผมฉันเล่นอีก
“งั้นก็ให้ต้ากลับไปกับเพื่อนสิ พาต้ามาด้วยทำไม” ฉันขึงตาดุใส่
“พอใจ มีไรไหม” พี่ราเรซตอบพร้อมกับทำหน้ายียวนกวนโอ๊ยนิด ๆ
“มีค่ะ!” ฉันก็ทำหน้ายียวนกวนเขาเหมือนกัน
“ว่ามา”
“โรคจิตเหรอคะ หรือว่าเป็นโรคขาดผู้หญิงไม่ได้!”
ฉันมองใบหน้าคมด้วยสายตาเยาะเย้ยนิด ๆ เวลาอยู่กันสองคนทีไรเขามักจะเอาเปรียบฉันตลอดเลย แล้วจะไม่ให้ฉันระแวงได้อย่างไร แล้วพี่ราเรซก็ส่งสายตาดุร้าวกลับคืนมาอย่างโกรธเคืองไม่แพ้กัน
ใครสนกันล่ะ ฉันสิ ที่ต้องเป็นคนโกรธ ไม่ใช่เขา... แทนที่จะไปส่งฉันที่บ้านอย่างที่บอกกับเพื่อนของฉัน เขามันเชื่อถือไม่ได้
“ทั้งสองอย่างละมั้ง อยากจะลองดูหน่อยไหมล่ะ”
พี่ราเรซก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอของฉันอย่างบ้าคลั่ง แขนเล็กก็ดันเขาไว้ไม่อยู่ ฉันจึงใช้กำปั้นทุบที่ไหล่หนาแทน มือหนายึดมือบางของฉันทั้งสองข้างไปตรึงไว้กับเตียงนอน ทำให้ฉันไม่สามารถประทุษร้ายเขาได้อีก
ลิ้นชื้นลากไล้ไปมาตามไหล่ปลาร้าและลำคอ ทำให้ขนกายลุกชันด้วยความสยิวปนเสียว ปากหนาพรมจูบดูดแม้มที่ซอกคอขาวเนียนอย่างแรงจนร่างกายของฉันสะดุ้งโหยงด้วยความเจ็บ ปานว่าเขาตั้งใจจะดูดดึงผิวเนื้อหลุดออกมาซะให้ได้ พยายามเตะก็แล้วถีบก็แล้ว แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ยิ่งฉันดิ้นเท่าไหร่ ร่างหนาก็ยิ่งแนบชิดกับร่างบางของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันแทบจะจมหายไปกับเตียงนอนได้แล้วมั้ง
“ปล่อยต้านะ พี่เรซ!” ฉันร้องตะโกนสุดเสียง
เขาจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ใช่แฟนของเขา อีกอย่างฉันก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย
“ทำไมต้องปล่อย”
พี่ราเรซหยุดการกระทำแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันกัดริมฝีปากล่างแน่นพยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้สุด ๆ ยังมีหน้ามาถามอีก
“ต้ามีแฟนแล้ว พี่ไม่ควรทำแบบนี้กับต้า” ฉันตอบโดยที่ไม่หลบสายตาของเขาแม้แต่น้อย เขาคงคิดว่าฉันง่ายสินะ ถึงได้ทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้
“แล้วไง พี่เอา ต้า พี่ไม่ได้เอาแฟนต้าสักหน่อย”
“พี่เรซ!” ฉันเรียกชื่อเขาเสียงดัง เผื่อมันจะทำให้เขาได้สติขึ้นมาบ้าง ว่าสิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้มันไม่สมควร
“ครับ กลัวลืมชื่อพี่เหรอ” พี่ราเรซยื่นหน้าเข้ามาถาม ฉันรีบเบือนหน้าหนีทันทีที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ถ้าชื่อพี่มันจำยาก จะเรียก...ผัวขา ก็ได้นะ”
ฉันหันขวับกลับมามองหน้าพี่ราเรซอย่างตกใจ นี่เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย ใครมันจะกล้าไปเรียกเขาแบบนั้นกัน
“เก็บไว้ให้พี่ซินดี้เรียกเถอะค่ะ”
“แต่พี่อยากให้ต้าเรียก”
“ไม่!”
ฉันปฏิเสธทันควันที่พี่ราเรซพูดจบ แล้วนั่น...มันยิ่งทำให้คนตรงหน้าแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด พี่ราเรซผละตัวออกเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งคร่อมร่างบางของฉันไว้อยู่ เขาถอดเสื้อยืดของตัวเองออกเผยให้เห็นซิกแพคที่เรียงตัวเป็นลอนคลื่นอย่างสวยงาม จากนั้นพี่ราเรซก็ปลดเข็มขัดออกพร้อมเกะเม็ดกระดุมกางเกงยีนที่เขาสวมอยู่ออกสามเม็ดเผยให้เห็นขอบกางเกงชั้นในแลดูเซ็กซี่ไปอีก
นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่...ต้าหนิง สติอยู่ไหนกลับมาด่วน
“งั้นก็หยุดพี่ให้สิ เพราะพี่ไม่ปล่อยต้าไปง่าย ๆ แน่”
มือหนาเอื้อมมือมาแกะกระดุมเสื้อของฉันออกอย่างรวดเร็ว ฉันรีบคว้ามือพี่ราเรซไว้แต่มันก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
“อย่านะ พี่เรซ!”
ฉันจิเล็บลงที่หลังมือหนาทั้งหยิกทั้งข่วนเพื่อให้เขาหยุดแต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะเขาสามารถถอดชุดพร้อมบราปีกนกของฉันออกไปได้เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในที่ยังพอช่วยปกปิดช่วงล่างได้นิดหน่อย
พี่ราเรซใช้สายตาจ้องมองร่างกายของฉันตั้งแต่เนินอกลงมายังช่วงล่างด้วยสายตาแทะโลมสุด ๆ ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันทีด้วยความอาย ฉันยกแขนขึ้นมากอดตัวเองไว้แน่น ถึงมันจะไม่สามารถปิดได้หมดแต่มันก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว ทำได้แค่กอดตัวเองไว้
“สวยจัง...” พี่ราเรซชม
“อย่ามองนะ” ฉันบอกเขาเสียงสั่นพร้อมกับหลับตาลงไม่กล้าสบตากับเขา ความรู้สึกในตอนนี้ มันทั้งอายทั้งกลัว ไม่เคยมีใครได้เห็นร่างกายของฉันมาก่อน แม้แต่พี่ไผ่เอง ถึงเราจะเป็นแฟนกันแต่ฉันก็ไม่เคยปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ใครสัมผัสหรือเห็นได้ง่าย ๆ แต่ดูตอนนี้สิ เขาได้เห็นได้สัมผัสมันทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองเข้าไปทุกทีที่ปล่อยให้เขาสัมผัสได้ง่าย ๆ
“ลืมตา”
ฉันหลับตาแน่นส่ายหน้าไปมาจนหัวสั่นตามซึ่งมันทำให้ผมยาวสลวยกระจายไปทั่วเตียงนอน ไม่รู้ตัวเลยว่า มันยิ่งทำให้ตัวเองดูน่ามองเข้าไปอีก
ฉันไม่อยากเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้ มันน่าอายที่สุด ร่างกายแทบจะเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาอยู่แล้ว ฉันกระชับอ้อมกอดตัวเองแน่นขึ้น
“ต้าหนิง...” พี่ราเรซพูดเสียงอ่อนลง ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามีสีหน้ายังไงเพราะยังหลับตาอยู่
“อย่าทำกับต้าแบบนี้ ต้ากลัว...” ฉันบอกเขาเสียงสั่นเครือ
“ลืมตาก่อนสิ พี่ไม่ทำอะไรหรอก”
คำพูดของเขาเชื่อได้ใช่ไหม ฉันยังลังเลอยู่ในใจแต่ก็ยอมลืมตาขึ้น แล้วฉันก็ตกหลุมพรางเขาอีกครั้ง
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็สบเข้ากับตาคมพอดี นัยน์ตาของพี่ราเรซที่มองมายังฉันแลดูอ่อนโยนซะจนใจสั่น แววตาของพี่เขาดูโหยหาฉันเหลือเกิน มันทำให้ฉันหวั่นไหว
“กลัวพี่เหรอ” พี่ราเรซโน้มตัวลงมาใช้แขนหนาทั้งสองข้างของเขาสอดผ่านหลังของฉันอย่างช้า ๆ ขึ้นมาประคองหัวทุ่ยพร้อมกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยน เขาทำให้ฉันเคลบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มแสนหวานที่สาวคนไหนได้เห็นเป็นต้องอ่อนระทวยให้แก่เขา
“กลัวพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่ราเรซถามอีกครั้งใบหน้าเต็มไปรอยยิ้มแสนหวาน