หลังจากที่ตรวจเช็กชุดก่อนทำการแสดงเสร็จเรียบร้อย ร่างเล็กในชุดนักศึกษาพอดีตัวก็เดินลงไปยังบริเวณด้านหลังตึกเพื่อเข้าห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำภายในตึกนั้นมีนักศึกษามากมายยืนออกันเต็มไปหมด ไลลาจึงตัดปัญหาโดยการยอมเดินไกลกว่าเดิมหน่อยแต่ได้เข้าห้องน้ำเร็วดีกว่า
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าเล็กเดินเข้าไปยังภายในห้องน้ำที่มีแต่เพียงความเงียบงันก่อนจะรีบทำธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบเพื่อจะออกไปดูการแสดงของรุ่นพี่สาวที่จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ทว่าหลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ
ครืดดด ~
โทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าใสก้มลงมองยังหน้าจอโทรศัพท์
แม่
คนที่โทรเข้ามาก็คือ วาวา แม่ของเธอ
ติ้ด
"ขาา หม่ามิ๊"
(กลับกี่โมงลูก ตัวแสบ)
"น่าจะอีกสักพักเลยค่ะหม่ามิ๊"
(ดึกเหรอลูก)
"ค่ะ น่าจะค่อนข้างมืด ๆ เลย"
(แล้วหนูจะกลับยังไง หนูไม่ได้เอารถไปนี่ลูก)
"เดี๋ยวหนูลองถามปลายฟ้ากับวีนัสก่อนก็ได้ค่ะหม่ามิ๊ ว่าพอจะไปส่งหนูได้ไหม"
(แต่คอนโดของสองคน อยู่คนละทางกับบ้านเราเลยนะลูก)
"..." ไลลาก็นิ่งอย่างรู้สึกเกรงใจเพื่อนทั้งสองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
(เอางี้ไหม เดี๋ยวให้ปะป๊าไปรับ)
"ไม่ค่ะ ไลลายังโกรธปะป๊าอยู่"
(ฮ่า ๆ ลูกคนนี้นี่...)
(...ทำไม) เสียงทุ้มแทรกเข้ามายังปลายสาย โดยเสียงนั้นก็คือเสียงของธาม พ่อของคนตัวเล็ก
(ลูกไม่อยากให้พี่ธามไปรับค่ะ ฮ่า ๆ)
(เดี๋ยวพี่คุยเอง) ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ไลลาก็รีบพูดสวนกลับคนเป็นแม่ไปในทันที
"ไลลาต้องไปดูการแสดงแล้ว แค่นี้นะคะ แล้วก็ไม่ต้องให้ปะป๊ามารับไลลาด้วย" สิ้นเสียงหวานกรอกใส่โทรศัพท์ราคาแพงไป นิ้วเรียวสวยก็รีบกดวางสายไปด้วยความรีบร้อนไม่อยากที่จะพูดคุยกับพ่อตัวสูงที่ไม่ยอมให้เธออยู่คอนโดตามที่ต้องการ
"ถ้าปะป๊าไม่ให้ไลลาอยู่คอนโด ไลลาก็จะไม่คุยกับปะป๊า" ริมฝีปากบางอมชมพูทำปากขมุบขมิบเอ่ยออกมาก่อนจะจัดการเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพายอย่างเดิมผลักประตูใหญ่ของห้องน้ำมหา’ลัยหมายจะเดินกลับเข้าไปยังภายในตึกที่จัดการแสดง ทว่าทันทีที่เปิดประตูเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ดวงตากลมโตก็ต้องชะงักไปกับภาพตรงหน้า ภาพของชายร่างสูงเจ้าของใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกกำลังยืนจุดบุหรี่สูบอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไลลาได้แต่ชะงักตัวแข็งอย่างไม่กล้าขยับเมื่อสายตาของเธอเหลือบเข้าไปปะทะเข้ากับนัยน์ตาสีเทาคู่นั้น...
แต่แล้วคนตัวเล็กก็พยายามตั้งสติข่มความกลัวเมื่อได้สบสายตาเข้ากับดวงตาคมนั้นผละสายตาออกรีบสาวเท้าเดินออกไปด้วยความเร่งรีบ โดยคามิลเองก็ปรายตามองตามแผ่นหลังเล็กของอีกคนไปเพียงเล็กน้อยก่อนจะผละหันไปมองทางอื่นด้วยสีหน้ายังคงเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาอย่างเช่นเคย
ด้านไลลา
พรึบ
เสียงร่างเล็กเดินเข้าไปนั่งลงยังบริเวณเก้าอี้ริมสุดที่เพื่อนของเธอจองที่ไว้ให้เพื่อดูการแสดงที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
"ไปไหนมาเนี่ยไลลา" ปลายฟ้าหันถามเพื่อนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามานั่ง
"เราไปเข้าห้องน้ำหลังตึกมาน่ะ"
"ห้องน้ำหลังตึกเหรอ"
"อื้ม เข้าในตึกไม่ไหว คนเยอะมาก"
"อ่อ" ปลายฟ้าก็ยิ้มพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่ทั้งสองจะตั้งใจมองไปยังบนเวทีขนาดใหญ่ที่เริ่มการแสดงด้วยความอลังการชวนติดตาม ไลลาก็นั่งยิ้มไปด้วยความรู้สึกอดภูมิใจไม่ได้กับผลงานที่เธอเองก็มีส่วนร่วมในครั้งนี้ ทว่าขณะที่ใบหน้าใสกำลังนั่งยิ้มจ้องมองไปยังการแสดงของรุ่นพี่สาวด้วยความชื่นชมในฝีมืออยู่นั้น อยู่ ๆ เรียวหูเล็กของร่างบางก็ได้ยินเสียงเท้าหนักของใครบางคนเดินเข้ามายังบริเวณด้านข้างทำให้ดวงตากลมโตอดที่จะหันไปมองยังคนที่เดินเข้ามาใหม่ไม่ได้ แล้วคนตัวเล็กก็ต้องชะงักไปเมื่อรู้ว่าคนที่เดินเข้ามานั่งริมด้านข้างฝั่งตรงข้ามของเธอคือใคร...
กลิ่นน้ำหอมราคาแพงผสมกับกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ ฟุ้งเข้ามายังจมูกเล็ก
คามิล
คนที่นั่งริมฝั่งตรงข้ามเธอคือรุ่นพี่เย็นชาคนนั้น
"..." ไลลาก็นั่งนิ่งรีบหันหน้ากลับมาอย่างพยายามไม่สนใจอะไร ใบหน้าเล็กพยายามโฟกัสไปที่การแสดงของทุกคนที่อยู่บนเวที
"ข้ารักเจ้า..." เสียงนักแสดงชายเอ่ยพร้อมกับก้มลงไปกดจูบเข้าที่เรียวปากสวยของมาร์ตามบทที่ต้องแสดง
"อ อ๊าย! มีจูบกันด้วยเหรอ" ปลายฟ้าพูดขึ้นพร้อมกับเอามือปิดหน้าปิดตา ไลลาเองก็อดไม่ได้ที่หน้าแดงออกมากับบทที่เหมือนจะถูกปรับให้ดูมีอะไรมากขึ้น
"ฉันแก้เองแหละ พี่มาร์เขาเสนอ" วีนัสยิ้มบอก
"โอ๊ยย สุดยอดฝีมือมาก เขินเลยอะ" ปลายฟ้ายังคงเอามือปิดหน้าเอ่ยออกมาด้วยความเขินแทนไม่ต่างจากไลลาที่นั่งหน้าแดงไปหมดทั้งใบหน้า
"อะไรของเธอสองคนเนี่ย ก็แค่ละครเวทีไหม ฮ่า ๆ" วีนัสหัวเราะส่ายหัวออกมากับท่าทีของเพื่อนทั้งสอง ก่อนที่จะชะงักไปเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคามิลที่จ้องมองไปยังเวทีขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาแม้แต่น้อย
"แปลกเนอะ" อยู่ ๆ วีนัสก็พูดขึ้น ทำให้ปลายฟ้ากับไลลาหันมองหน้าเพื่อนสีหน้างุนงง
"แฟนแสดงละครต่อหน้าโดนจูบขนาดนี้ยังนิ่งได้ ดูไม่หวงเลย..."
"...นับถือใจพี่เขาจริง ๆ ใจกว้างมาก" วีนัสเอ่ยโดยที่ดวงตายังคงมองไปยังรุ่นพี่หนุ่มที่นั่งอยู่ ซึ่งปลายฟ้ากับไลลาก็อดไม่ได้ที่จะมองตามสายตาของเพื่อน ทว่าขณะที่ทั้งสามกำลังจ้องมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่ ดวงตาคมของคามิลที่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่ก็หันไปมองยังสายตาที่ถูกจ้องมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทำเอาวีนัสกับปลายฟ้ารีบผละสายตาหันกลับไปมองยังด้านบนเวทีการแสดงต่อทันที ผิดกับไลลาที่ตกใจทำอะไรไม่ถูกได้แต่จ้องมองรุ่นพี่หนุ่มกลับหน้าตาตื่นตกใจปนนึกกลัวไปกับความคมกริบของนัยน์ตาสีเทาคู่นั้น...
พรึบ!
แล้วในที่สุดคนตัวเล็กก็ได้สติรีบผละสายตาออกจากอีกคนหันกลับไปมองยังการแสดงตรงหน้าต่อด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะไปกับการเผลอไปสบสายตาเข้ากับคนเย็นชาที่ดูมีรังสีความเข้มดุแผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลา
ผ่านไปสักพัก
และแล้วการแสดงทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีทำให้อาจารย์สาวผู้เป็นคนอยู่เบื้องหลังผลงานชิ้นดีของนักศึกษาฝีมือดีรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก จนออกปากขอเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการขอบคุณลูกศิษย์คนโปรดอย่างมาร์ที่ยอมสละเวลามาช่วยเหลือทำการแสดงให้จนเป็นผลงานที่น่าสนใจได้ขนาดนี้
"ขอบคุณมาก ๆ เลยนะมาร์ที่มาช่วยอาจารย์" อาจารย์สาวเอ่ยบอกลูกศิษย์คนสวย
"ไม่เป็นไรเลยค่ะอาจารย์ มาร์เองก็อยากลองเล่นดูด้วย บทน่าสนใจดีค่ะ" ใบหน้าเรียวสวยตอบกลับทำให้ทุกคนต่างยิ้มไปกับความเป็นกันเองใจดีของหญิงสาว ซึ่งไลลาเองก็ยิ้มหวานไปให้รุ่นพี่สาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนจะตักกินอาหารมากมายใส่ปากด้วยความน่าเอ็นดู
"ลลิดา กินไม่หยุดเลยนะ" เสียงอาจารย์สาวเอ่ยแซวลูกศิษย์คนโปรดอีกคนพร้อมกับส่ายหัวออกมากับความกินเก่งของร่างเล็ก
"แหะ" ไลลาก็ทำเสียงยิ้มแห้งตอบอาจารย์สาวกลับไปโดยที่ยังคงตักอาหารเข้าปาก
"อุ๊ยตายแล้ว เดี๋ยวอาจารย์ต้องกลับก่อน..."
"...ยังไงไว้เจอกันอีกนะมาร์" อาจารย์สาวบอกลูกศิษย์สาว
"ได้ค่ะ" สิ้นเสียงตอบกลับของนักแสดงสาว ร่างบางของหญิงเกือบวัยกลางคนก็ยิ้มทักทายบรรดาลูกศิษย์คนโปรดก่อนจะเดินออกไปด้วยความเร่งรีบราวกับคนมีธุระต่อ
"เฮ้อ ค่อยโล่งขึ้นมาหน่อย" วีนัสพูดขึ้นทำให้ทุกคนยิ้มออกมาอย่างเข้าใจในความหมาย เพราะถึงอาจารย์สาวที่เพิ่งออกไปจะมีความเป็นหัวสมัยใหม่ แต่ยังไงบรรดานักศึกษาก็อดที่จะรู้สึกเกร็งไปไม่ได้เมื่อต้องนั่งร่วมโต๊ะกัน
"ปลาย หยิบจานเนื้อสไลด์มาให้ฉันหน่อยสิ" วีนัสหันบอกเพื่อน
"อืม" ปลายฟ้าก็พยักหน้ารับรู้เอื้อมมือไปหยิบจานตามที่คนด้านข้างบอก ขณะเดียวกันไลลาก็เอาแต่นั่งนิ่งจ้องมองไปยังจานที่วางอยู่ตรงหน้าทว่ามันอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะสามารถเอื้อมเข้าไปหยิบได้ ดวงตากลมจึงได้แต่จ้องมองไปยังจาน ๆ นั้นรวมถึงสลับลอบมองไปยังใบหน้าหล่อเย็นชาของรุ่นพี่หนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมีจานที่เธอต้องการวางอยู่ตรงหน้าเขา
"..." เรียวปากเล็กเผลอเม้มปากเข้าหากันใช้สายตามองไปยังจานสลับกับใบหน้าหล่อเย็นชาไม่หยุดด้วยความกดดันตัวเองไม่รู้จะทำยังไงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จนกระทั่ง...
"มองอะไร" เสียงทุ้มนิ่งของร่างสูงที่นั่งอยู่เอ่ยถามร่างเล็กขึ้นทำให้เจ้าของใบหน้าใสสะดุ้งเฮือกไปด้วยความตกใจ
"ตะ...เต้าหู้ชีส..." ร่างบางเอ่ยพร้อมกับชี้ไปยังจานเต้าหู้ชีสที่วางอยู่ตรงหน้าอีกคน
"...ไลลาขอได้ไหมคะ ไลลาเอื้อมไม่ถึง"
"..." ใบหน้าหล่อเย็นชาก็นิ่งไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมาแต่ก็ยอมเลื่อนมือเข้าไปหยิบจานเต้าหู้ชีสตามที่คนตัวเล็กต้องการยื่นให้หญิงสาว
พระ พรึบ...
"ขะ ขอบคุณค่ะ" ริมฝีปากบางอมชมพูขยับบอกคนตรงหน้า คามิลก็เงียบไม่พูดหรือตอบอะไรรุ่นน้องสาวหันหน้าหนีไปอีกทาง โดยไลลาเองก็พยายามไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าต่อ แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อยก็ตามกับความดุเข้มเรียบนิ่งของอีกคน