1 คามิล

938 คำ
ตึก ตึก เสียงสองเท้าหนักของชายวัยยี่สิบสี่เจ้าของความสูงร้อยเก้าสิบเซนติเมตรใส่สูทท่าทีสุขุมสาวเท้าเดินถือแท่งเหล็กแกร่งตรงเข้าไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ภายในห้องมืดเก็บเสียง "ฮ ฮึก อยะ อย่าทำอะไรผมเลย" ชายวัยกลางคนยกมือขึ้นไหว้ยังคนที่เข้ามาใหม่โดยที่ไม่สามารถที่จะเห็นหน้าอีกคนได้ชัดเนื่องจากหยดเลือดนั้นได้บดบังสายตาของเขาไปจนหมดทำให้ไม่สามารถที่จะโฟกัสคนตรงหน้าได้ คนตัวสูงที่ค่อย ๆ เดินเข้าไปก็ชะงักนิ่งหยุดเดินก้มลงมองไปยังคนที่ยกมือขึ้นไหว้เขาไม่หยุดนิ่งแววตาไร้ความรู้สึก ซึ่งในขณะนั้นเองชายวัยกลางคนก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ทันทีก่อนที่จะเบิกตากว้างขึ้นมาสุดขีด "ค คุณคามิล..." ผลั้วะ! ไม่รอช้าให้คนตรงหน้าได้เอ่ยปากพูดอะไร แท่งเหล็กในมือแกร่งก็จัดการฟาดลงไปยังใบหน้าของชายวัยกลางคนทันทีสุดแรงจนใบหน้านั้นนองเลือดฟุบสลบไปยังพื้นห้องที่เต็มไปด้วยความมืด "..." ดวงตาคมของร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเย็นชาเลื่อนสายตาก้มลงมองยังสภาพของคนที่นอนอยู่ด้วยแววตาไร้ความรู้สึกก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมายังลูกน้องคนสนิทโดยที่ยังคงมีหยดเลือดไหลติดอยู่ตามแท่งเหล็กในมือ "จัดการที่เหลือ" เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยบอก "ครับ" ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับรู้ในคำสั่งก่อนที่ดวงตาคมนัยน์ตาสีเทาตามแบบฉบับลูกครึ่งไทย-เยอรมันจะผละสายตาออกจากใบหน้าของคนตรงหน้าพร้อมกับปล่อยแท่งเหล็กในมือที่เต็มไปด้วยเลือดสีเข้มโยนลงบนพื้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เคร้ง!~ เสียงแท่งเหล็กกระทบลงบนพื้นอย่างจังสร้างเสียงดังออกมา ทว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเย็นชาก็ไม่คิดสนใจค่อย ๆ สาวเท้าเดินออกจากบริเวณห้องมืดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกแววตาเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยากจะคาดเดาในความคิดและความรู้สึกของร่างสูง ซึ่งขณะที่สองเท้าหนักกำลังเดินอยู่นั้น ครืดดดด ~ เสียงโทรศัพท์ของคามิลก็ดังขึ้นทำให้มือหนาเลื่อนลงไปหยิบโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมามอง มาร์ ติ้ด "อืม" (คามิล อยู่ไหน...) (...วันนี้ขึ้นวอร์ดแผนกจิตเวชนะ อย่าลืม) "รู้แล้ว" (โอเค งั้นมาร์ไม่กวนแล้ว ถ้าพักเบรกแล้วเดี๋ยวมาร์โทรหานะ) "อือ" สิ้นเสียงทุ้มนิ่งตอบกลับ ปลายสายก็ไม่เซ้าซี้ถามอะไรอีกคนต่อเลือกที่จะกดตัดสายไปตามปกติ เช่นเดียวกับคนตัวสูงที่จัดการกดปิดโทรศัพท์หรูเดินตรงออกไปยังด้านนอกด้วยสีหน้าเยือกเย็นไม่แสดงความรู้สึก อีกด้าน "ปะป๊า..." เสียงหวานของร่างบางเอ่ยอ้อนคนเป็นพ่อขึ้นดังไปทั่วโต๊ะอาหารที่นั่งกินข้าวกันอยู่ "ไม่ก็คือไม่ ไลลา" ธามตอบกลับลูกสาวตัวเล็กของตัวเองเสียงนิ่งเมื่ออีกคนพยายามที่จะอ้อนขอย้ายออกไปอยู่คอนโดตามลำพัง "ปะป๊าใจร้าย..." เจ้าของใบหน้าใสดวงตากลมโตราวกับบาร์บี้เอ่ยพร้อมกับรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากวาวาคนเป็นแม่ "...หม่ามิ๊~" "หม่ามิ๊ก็ช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ ปะป๊าไม่เห็นด้วย" ชายวัยกลางคนมองหน้าบอกลูกสาวเสียงเข้ม ปกติแล้วธามจะเป็นคนตามใจไลลามากกว่าใคร เพราะเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา เนื่องจากเขามีลูกทั้งหมดสามคนซึ่งก็คือแทนไทเป็นลูกชายคนโต แล้วก็ไลลาลูกสาวที่นั่งอ้อนงอแงใส่เขาอยู่ แล้วคนสุดท้ายก็คือไทก้าลูกชายคนเล็กที่นั่งกินข้าวในจานตัวเองอยู่เงียบ ๆ "พี่ธาม..." เสียงหวานใสของวาวาทำท่าจะเอ่ยช่วยลูกสาวพูด ทว่าก็ต้องชะงักนิ่งไปเมื่อเจอแววตาคมกริบของคนรัก "ไม่ก็คือไม่ เรื่องนี้พี่ไม่เห็นด้วย" "ตะ แต่..." "วาวา ไม่ก็คือไม่" เจ้าของใบหน้าหล่อของชายวัยกลางคนมองหน้าบอกแม่ของลูกเสียงเข้มทำเอาวาวานั่งเงียบไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีกอย่างรู้ดีในความหวงลูกสาวของอีกคน "เฮ้อ" หญิงวัยกลางคนได้แต่ถอนหายใจมองหน้าคนเป็นลูกช่วยอะไรไม่ได้ เพราะรู้จักในนิสัยของพ่อของลูกดี ธามเวลาใจดีก็คือใจดี แต่ถ้าเมื่อไรที่ดุขึ้นมา...วาวาเองก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เช่นกัน "ไลลาไม่รักปะป๊าแล้ว ปะป๊าใจร้ายไม่เข้าใจไลลา" พูดจบ ร่างบางเจ้าของใบหน้าใสก็เบะปากงอแงเอาแต่ใจใส่ชายวัยกลางคนราวกับเด็กก่อนจะเดินปึงปังแสดงความงอแงอย่างชัดเจนสาวเท้าเดินตรงขึ้นไปยังภายในห้องนอนตัวเองทันทีโดยมีสายตาของทุกคนที่มองตามแผ่นหลังเล็กด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ไทก้ารู้สึกชินเลยเฉย ๆ ขณะที่วาวารู้สึกสงสารปนเอ็นดู เช่นเดียวกับธามที่ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมากับความงอแงของลูกสาว เขาไม่ได้อยากที่จะขัดใจคนตัวเล็ก แต่การที่จะปล่อยให้ไลลาออกไปใช้ชีวิตคนเดียว เขาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้กับความดื้อตาใสและความใสซื่อทันคนบ้างไม่ทันคนบ้างของไลลา เขาจึงต้องพยายามใจแข็งไม่ยอมให้ลูกสาวได้ย้ายออกไปอยู่คอนโดตามที่เธอต้องการ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม