เลขาของท่านประธานรับคำสั่งจากเจ้านายก่อนจะเดินออกจากห้องมาแล้วเอ่ยทักทายพนักงานที่มารอเสนองานอยู่หน้าห้อง
“เข้าไปครั้งละหนึ่งคนนะคะ ส่วนที่เหลือไปนั่งรอตรงโซฟาก็ได้ค่ะ ถ้าคนข้างในออกมาก็เข้าไปต่อเลยใครจะเข้าไปก่อนคะ”
เลขาเอ่ยถามเสียงใส พี่นายกมือก่อนคนแรกเพราะเธอเป็นรุ่นพี่ที่อยู่มาก่อนเสียสละเข้าไปน้องๆคนอื่นจะได้มีเวลาเตรียมตัว
“เดี๋ยวพี่เข้าไปก่อนแล้วกัน น้องๆก็เตรียมตัวนะ”
“ค่ะพี่นา สู้ๆนะคะ”
ทุกคนชู้สองนิ้วให้กำลังใจรุ่นพี่ นาเดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรกส่วนคนอื่นๆก็นั่งดูใบเสนองานของตัวเองเพื่อเตรียมข้อมูลให้การอธิบายให้ท่านประธานฟัง ข้าวนั่งดูของตัวเองว่ามีตรงไหนควรแก้ไขรึเปล่าแต่เธอไม่ได้มีความกังวลใดๆที่จะต้องพบเจอกับเขา
“ไม่ตื่นเต้นหรือไง ฉันจะฉี่ราดแล้วเนี่ย”
โชเขย่าแขนเธอมือซึมไปด้วยเหงื่อท่าทางจะตื่นเต้นมากจริงๆ
“ท่านประธานใจดีจะตายกังวลอะไร”
“ใจดีมันก็ส่วนหนึ่ง แต่อย่าลืมนะว่าท่านประธานตรวจงานละเอียดมาก ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรกันบ้างแค่คิดก็ขนลุกแล้วป่ะ”
“เอาน่าไม่มีอะไรหรอก”
สองคนคุยกันซักพักนาก็เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สงสัยมีท่านประธานจะเอ่ยชมล่ะมั่งถึงได้ยิ้มแก้มปริแบบนี้
“แสดงว่าไม่ถูกดุใช่มั้ยคะ”
“ดุอะไรกันท่านก็ถามปกติ ถ้าเราตอบได้ละเอียดตรงประเด็นก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก”
“งั้นเหรอ… เดี๋ยวพี่เข้าก่อนแล้วกัน”
มิ้นถือแฟ้มเอกสารเดินเข้าไปทันที คนอื่นๆหันมามองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“คงไม่ได้รับคำชมหรอก เพราะไม่ได้คิดงานเอง เหอะ!”
“เอาน่าอย่าไปยุ่งกับเค้าสิ”
โชทำท่าทางฮึดฮัดก่อนจะหยิบแฟ้มของตัวเองมาอ่านต่อ ข้าวมองไปยังประตูหน้าห้องท่านประธานก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเช้าเขาทักมาถามอะไรนิดหน่อยไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รึเปล่า
‘เขาต้องมีแผนอะไรแน่ๆ’
ในห้องของท่านประธานมิ้นเดินมายืนอยู่ตรงหน้าท่านก่อนจะยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“เชิญนั่งสิครับคุณมิ้น”
เขายิ้มให้เธอก่อนจะผายมือเชิญให้เธอนั่งลงก่อน มิ้นขยับเก้าอี้นั่งลงก่อนจะส่งแฟ้มเอกสารที่เธอทำมาส่งให้ท่านประธานอ่านคร่าวๆ
“ของคุณมิ้นได้ทำโปรโมชั่นห้องสัมมนาประจำเดือนนี้ มีรายละเอียดยังไงบ้างลองพูดมาสิครับ”
เขานั่งอ่านงานของเธอคร่าวๆ เขาแอบถามคนรักในระหว่างนั่งประชุมว่าวันนี้มีคนใช้งานอีกรึเปล่่า ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดเธอโยนงานมาให้ข้าวอีกแล้ว
“เดือนนี้เป็นเดือนที่มีการจัดอบรมสูงมากค่ะ ตามสถิติย้อนไปสองปีให้หลังเดือนนี้มีการจองห้องสัมมนามากที่สุดในรอบปี มิ้นคิดว่าถ้าเราทำโปรโมชั่นลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการเช่นขนมพักเบรกสองรอบเช้าเย็น จากปกติน้ำ+เบเกอรี่ จะแถมพิเศษเป็นผลไม้เข้าไปด้วย หรือว่าถ้าเกิดมีคนเข้าสัมมนามากกว่าห้าสิบคนขึ้นไปราคาค่าหัวจะถูกลงไปสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
เธอตอบออกมาอย่างฉะฉาน ถึงเธอจะโยนงานให้ข้าวทำแต่ว่าอ่านมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน จำได้หมดว่ามีอะไรบ้างเหมือนตัวเองเป็นคนทำเอง ภูมิโยนแฟ้มลงกับโต๊ะก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงดัง
“คิดได้ยังไงห่วยมาก ผมไม่คิดว่าคุณจะคิดอะไรที่มันห่วยแตกขนาดนี้”
มิ้นอ้าปากค้างอย่างตกใจ เธอคิดว่าที่ข้าวทำมันดีมากแล้วนะทำไมท่านประธานถึงไม่ชอบอย่างนั้นละ
“ถ้าทำงานแบบนี้ผมคงต้องพิจารณาเรื่องโบนัสตอนสิ้นปี ทำงานการตลาดต้องคิดงานให้ดีกว่านี้สิ”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เธอกำมือแน่นอย่างเครียดจัด ถ้าโดนพิจารณาเรื่องโบนัสตอนสิ้นปีเธอแย่แน่ จากจะได้โบนัสแปดเดือนอาจจะถูกลดลงครึ่งหนึ่งหรือได้สองสามเดือน แบบนั้นเธอไม่ยอมเด็ดขาด
“คือมันเป็นแบบนี้ค่ะท่านประธาน งานชิ้นนี้มิ้นไม่ได้ทำนะคะ พอดีว่างานมิ้นยุ่งมากก็เลยวานให้ข้าวช่วยทำ เอาเป็นว่ามิ้นขอโทษนะคะที่มันออกมาเป็นแบบนี้ คราวหลังมิ้นจะไม่ให้ข้าวช่วยทำให้แล้วค่ะ”
เธอรีบออกตัวทันที โดนด่าขนาดนี้ใครจะรับผิดล่ะอีกอย่างงานนี้เธอก็ไม่ได้เป็นคนทำซักหน่อย ให้ข้าวมันรับผิดชอบไปสิ
“งั้นเหรอ… แต่มันไม่ใช่แค่งานนี้งานเดียวนะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เรื่อง ผมต้องแก้ให้ทุกอย่างแบบนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง”
“จริงๆแล้วไม่ใช่ของมิ้นเลยนะคะ ข้าวเป็นคนทำค่ะไม่เชื่อบอสไปถามเธอได้เลย บางอย่างมิ้นทำไม่ทันก็ให้ข้าวช่วยทำ”
เธอหลุดปากเผลอสารภาพทุกอย่างออกมาเหมือนจะได้สติเอามือปิดปากตัวเองไว้ก่อนจะหลับตาลงอย่างพลาดไปแล้ว
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ทำเอง ผมเคยสั่งผู้จัดการไว้แล้วว่าห้ามเอางานเร่งด่วนให้พนักงานทำ งานที่พวกคุณได้รับมอบหมายส่วนใหญ่จะเป็นงานไม่เร่งรีบทำเช้าบ่ายๆก็เสร็จ มันไม่ได้มีอะไรมากมายเลยและถ้าด่วนมากผมจะเรียกผู้จัดการมาทำส่วนตัวไม่ค่อยได้รบกวนพวกคุณเลย แล้วคุณต้องยุ่งแค่ไหนถึงเอางานของตัวเองไปให้คนอื่นทำ”
เขาเอ่ยถามเธอด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก งานก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรทำไมถึงไม่รับผิดชอบงานของตัวเอง โยนไปให้คนอื่นทำแล้วตัวเองเอาเวลาไปทำอย่างอื่น เงินเดือนที่บริษัทจ่ายไม่ใช่น้อยๆถ้าไม่เต็มใจทำงานก็แค่ลาออกไปเท่านั้น
“คือมิ้นขอโทษนะคะท่านประธาน มิ้นผิดไปแล้วค่ะจะไม่ให้มันเกิดขึ้นขึ้นอีก”
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่รู้ว่าคุณโยนงานของตัวเองไปให้คนอื่นทำ เพื่อนร่วมงานทุกคนก็มีงานในหน้าที่ของตัวเอง ถ้าคุณไม่อยากทำงานก็เขียนใบลาออกซะ”
“ไม่นะคะท่านประธาน ให้โอกาสมิ้นอีกครั้งนะคะจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”
เธอยกมือไหว้ขอโอกาสจากชายหนุ่มตรงหน้า เขากดโทรศัพท์เรียกผู้จัดการให้เข้ามาก่อนจะเอ่ยถามเธอ
“คุณกิ๊กพนักงานของคุณโยนงานของตัวเองไปให้คนอื่นทำ นี่เหรอพนักงานที่คุณชื่นชมว่าเก่งมีความคิดสร้างสรรค์ดี อาศัยมันสมองของคนอื่นจนติดนิสัย คุณจะจัดการยังไง”
เขาโยนหน้าที่การลงโทษไปให้หัวหน้างานของเธอ ที่เขาโกรธส่วนหนึ่งคือมาใช้งานคนรักของเขา แต่ที่น่าโกรธกว่าคือรับเงินเดือนเท่าคนอื่นแต่ไม่ทำงานเต็มที่เลย
“ต้องขอโทษแทนลูกน้องดิฉันด้วยนะคะท่านประธาน แต่ว่านี่มันเป็นความผิดครั้งแรกขอโอกาสให้มิ้นซักครั้งได้มั้ยคะ แล้วดิฉันจะตัดเตือนเธอ ให้ใบเตือนไว้ก่อนถ้ามีอีกครั้งจะไล่ออกทันทีค่ะ”
“มิ้นขอโทษนะคะท่านประธาน ให้โอกาสมิ้นด้วยนะคะ จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”
เขามองทั้งสองคนก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ถ้าปล่อยไปเกรงว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับคนอื่น เพราะฉะนั้นควรมีบทลงโทษบ้าง
“ผมจะตัดโบนัสคุณออกสองเดือน ถ้าคุณโอเคผมจะให้ทำงานต่อ”
“ได้ค่ะท่านประธานตัดออกก็ได้แต่อย่าไล่มิ้นออกเลยนะคะ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งแฟ้นเอกสารคืนไปให้เธอ
“ผมจะให้โอกาสครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นอย่าให้มีอีก ออกไปได้แล้วทั้งสองคน คุณกิ๊กเรียกคนต่อไปเข้ามาด้วย”
“ค่ะท่านประธาน”