BAD WEDDING - วิวาห์พารัก | 6

2127 คำ
“ไว้เธอเป็นเมียฉัน ฉันจะจ่ายให้” ผมพูดขึ้นทันทีหลังจากคนข้างๆถามผมว่าจะจ่ายให้เธอได้ไหม ผมจ่ายให้ได้แต่แน่นอนว่าคำตอบของผมมันไม่ใช่แบบนั้นเพราะผมต้องการแกล้งเธอเล่น ยิ่งเห็นหน้าโก๊ะๆแสบๆของเธอมันทำให้ผมอดใจที่จะแกล้งไม่ได้ “อีกสามเดือนก็แต่งแล้ว แบบนี้จ่ายให้ไม่ได้หรอ” ไอรินถามผมขึ้นอีกครั้ง ผมสงสัยว่าเธอกำลัง งง กับคำพูดของผมเพราะคำว่าเมียของผมไม่ได้หมายถึงเมียที่มาจากการแต่งงาน “เมียที่เป็นเมียจริงๆ ไม่ใช่เมียที่มาจากการแต่งงาน” ผมย้ำขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้ไอรินนั่งเงียบไปในที่สุด มือสองยกขึ้นจับเข็มขัดที่คาดตัวไว้อย่างแน่นหนาราวกับกลัวว่าผมจะทำอะไร “ดะ…เดี๋ยวหนูจ่ายเองก็ได้ค่ะ” เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหวั่นๆ เอาจริงๆนะครับ ในหัวของผมตอนนี้ผมยังยืนยันคำเดิมที่บอกตั้งแต่แรกว่าผมไม่ได้อยากแต่งและผมก็ไม่ได้อยากได้เธอเป็นเมียตามที่ปากพูดด้วย “หึ” ผมแค่นเสียงออกมาอีกครั้งก่อนจะเลิกสนใจเธอ ส่วนเธอก็นั่งนิ่งไม่ขยับจนถึงห้างเลยทีเดียว “ไปตรงไหน เดินนำไปเลย” ผมพูดขึ้นบอกคนตรงหน้าที่ตอนนี้เราทั้งคู่กำลังก้าวขาเข้าห้าง “พี่ติณณ์สิต้องนำ หนูเคยมาที่ไหนล่ะ” คนตัวเล็กหันหน้ามาโวยวายกับผมทันที “แล้วเธอจะซื้ออะไร” เพราะถ้าผมไม่รู้ผมก็พาเธอเดินไปไม่ถูกเหมือนกัน "ไปซูเปอร์มาร์เก็ตค่ะ” คนตัวเล็กพูดอีกครั้ง นั่นทำให้ผมเดินนำเธอมาทันที “จะ...ใจเย็นๆหนูเดินไม่ทันนะ” คนด้านหลังพูดขึ้นจนผมต้องหันหลังกลับไปมอง แน่นอนว่าเธอกับผมห่างกันนิดหน่อยแต่ผมว่าผมก็ก้าวเดินแบบปกตินะเป็นเธอหรือเปล่าที่ช้าเอง “เธอเตี้ยเอง อย่าโทษฉัน” ผมตอบกลับไปนั่นทำให้เธอทำสีหน้าไม่พอใจใส่ผม “ก็รู้ว่าเตี้ยแต่พี่ติณณ์ก็เดินช้าๆหน่อยสิ” เธอพูดขึ้นอีกครั้งก่อนมือเล็กจะเอื้อมเข้ามาประสานกับมือของผมไว้ ตึก ตัก ตึก ตัก เหี้ย ! เสียง หะ….หัวใจของผม “ขอจับไว้แบบนี้นะ หนูจะได้เดินทันคนสูงๆแบบพี่” คนตัวเล็กพูดขึ้นก่อนจะกระตุกแขนของผมเบาๆ “เดินสิ ยืนเอ๋ออะไรหรือเขินหรอที่โดนหนูจับมือ” เธอพูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าผมอย่างจับผิด “เด็กอย่างเธอจับมือ ฉันไม่มีอะไรให้เขินหรอก” ผมตอบกลับไปทันทีเพื่อแก้อาการเขินที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง แน่นอนว่าแอบมีเขินนิดหน่อยเพราะผมก็ไม่เคยเดินจับมือใครแบบนี้และที่หัวใจเต้นแรงมันอาจจะเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ก็ว่าได้ “ไม่เขินก็ไม่เขินแต่หน้าพี่ติณณ์แดงแล้วนะนั่น” เธอพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมชี้หน้าของผมอย่างล้อเลียนซึ่งมันทำให้ผมเสียอาการ “ฉันไม่ได้เขิน เดินกับมือกับเธอมันก็อารมณ์เดียวกับพาหลานมาเดินเล่นนั่นแหละ” เชื่อผมเถอะใครมองหน้ามาก็ต้องคิดแบบนั้นเพราะเธอมันตัวเล็กนิดเดียว สูงไม่ถึงไหล่ผมด้วยซ้ำ ยิ่งการแต่งตัวแบบนี้อีกยิ่งแล้วใหญ่เลย “อย่าดูถูกหนูนะ อันนี้หนูไม่ได้แต่งตัวเหอะ” คนตัวเล็กพูดขึ้นพร้อมกับมุ่ยหน้าใส่ผมทันที “ก็จริงไหมล่ะ” “เห็นหนูแต่งตัวแล้วจะหนาว” ผมได้แต่คิดตามจินตนาการตอนเธอแต่งตัวสวยๆไม่ถูกเพราะยังไงในสายตาของผม เธอยังเป็นเด็กโก๊ะๆแสบๆอยู่ดี “ไว้ฉันจะรอดู” “พี่ติณณ์ไม่มีสิทธิ์ได้ดูหรอกค่ะ” เธอตอบกลับมาก่อนจะเดินตรงเข้าไปซูเปอร์มาร์เก็ตทันที ส่วนผมก็ได้แต่เข็นรถตามไปอย่างไม่ห่างเพราะต่อให้เธอจะก้าวขาไปข้างหน้าสักสิบก้าว ผมก้าวขาครั้งเดียวก็ถึงตัวเธอแล้วและคนตัวเล็กที่เดินนำหน้าผมเห็นอะไรก็หยิบลงรถเข็นไปหมดทุกอย่าง “เธอซื้อเยอะขนาดนี้เลยหรอ” เพราะตอนนี้ในตะกร้ารถเข็นมันไม่ได้มีแค่ของใช้อย่างเดียวแล้ว มันกลับมีขนมมากมายหลายอย่างวางเรียงรายกันอยู่ “ไม่ต้องกลัวค่ะ หนูมีเงินจ่าย” เธอตอบกลับมาทันทีพร้อมกับตบกระเป๋าที่ตัวเองสะพายอยู่สองครั้งราวกับตัวเองมีเป็นแสนเป็นล้าน “รวย” ผมเอียงหน้าถามขึ้น อยากจะรู้เหมือนกันในกระเป๋าใบน้อยแบบนั้นจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว “คุณแม่รวยค่ะ หนูไม่รวยหรอก” ผมหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของเธอ เข้าใจจะพูด อันที่จริงก็พอรู้ว่าในกระเป๋าของเธอคงมีบัตรไม่ต่ำกว่าสามใบอยู่แล้ว ระดับคุณลุงศักดิ์ดาและคุณป้าจันทร์เพ็ญคงไม่ปล่อยให้เพียงลูกสาวคนเดียวของตัวเองไม่มีเงินติดกระเป๋าหรอก “ถ้างั้นจ่ายให้ฉันด้วยแล้วกัน” ผมพูดขึ้นพร้อมกับหยิบสิ่งของที่ตัวเองต้องการลงรถเข็นเพราะไหนๆวันนี้ก็มาซื้อของแล้ว ขาดอะไรก็ซื้อไปให้หมด “พี่ติณณ์ยังไม่จ่ายให้หนูเลย เรื่องอะไรหนูต้องจ่ายให้พี่ติณณ์ หนูต้องใช้เงินอย่างประหยัดเพราะทุกวันนี้ขอเงินคุณพ่อคุณแม่อยู่ ผู้ชายที่ทำงานแล้วแบบพี่ติณณ์ควรจ่ายเอง” คนตัวเล็กพูดขึ้นอย่างยาวเหยียด นั่นทำให้ผมกระตุกยิ้มทันที ถึงบนรถปากผมจะพูดไปแบบนั้นแต่ใจจริงผมก็ต้องจ่ายให้เธออยู่แล้วเพราะแม่ของผมกำชับมาอย่างดี "จะแต่งกับลูกสาวของเขาก็ต้องเลี้ยงดูอย่างดี" ผมมั่นใจได้ว่าคำพูดของแม่ก็คงหมายถึงในส่วนนี้ด้วยแต่ต่อให้แม่ไม่พูดผมก็ต้องจ่ายให้อยู่แล้วเพราะกับผู้หญิงคนอื่นกระเป๋าใบละแสนผมก็จ่ายให้ได้ นับประสาอะไรกับเด็กอย่างเธอ “เข้าใจพูดนะ” ผมตอบกลับไปทันทีเมื่อคำพูดยาวเหยียดของเธอพูดจบ “จ่ายเองนะคะ” เธอหันหน้ามากำชับผมอีกครั้ง “ฉันรู้” ผมตอบกลับพร้อมกับหยิบของต่างๆเช่นเคย “ครบยัง” ผมถามขึ้นทันทีเพราะของที่อยู่ในรถเข็นมันแทบจะเป็นของเธอทั้งหมด “ครบแล้วค่ะ พี่ติณณ์ได้ของครบหรือยัง” “ครบแล้ว ไปจ่ายเงิน” ผมตอบกลับไปพร้อมเข็นรถเข็นไปช่องจ่ายเงินทันที คนตัวเล็กหยิบของวางขึ้นมาไว้ด้านบนและเอาเฉพาะของตัวเองส่วนผมก็รีบหยิบของของผมวางตามทันที “คิดรวมเลยครับ” ผมบอกกับพนักงานสาว “รวมได้ยังไง หนูไม่จ่ายให้พี่ติณณ์หรอกนะ” เธอที่ได้ยินผมบอกพนักงานก็ไม่วายหันหน้ามาโวยวายใส่ผม “ฉันจ่ายเอง” ผมพูดขึ้นพร้อมกับยื่นบัตรให้กับพนักงานทันที “ป๋าเหมือนกันนะเนี่ย จ่ายให้หนูด้วย” เธอพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเราออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ต “ฉันไม่ใช่คนใจจืดใจดำแบบเธอ” “หนูไม่ได้ใจจืดใจดำค่ะ เขาเรียกใช้เงินอย่างรู้คุณค่า” เธอตอบกลับมาแต่ผมกล้าพูดเลยว่าเธอไม่ได้ใช้เงินอย่างรู้คุณค่าหรอก “เธอขี้งกมากกว่า” “เอาของไว้ที่รถเสร็จ หนูขอกลับเข้าไปซื้อของอีกรอบนะคะ” คนตัวเล็กพูดขึ้นอีกครั้ง “จะซื้ออะไรอีก” ผมถามกลับไปเพราะเท่าที่ถามเมื่อกี้เธอก็บอกเองว่าได้ของครบแล้ว “ของใช้ส่วนตัวค่ะ” “ไหนบอกครบแล้ว” “ครบแล้วที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแต่มีที่อื่นที่ต้องซื้ออีก” คนตัวเล็กตอบกลับมาอีกครั้งพร้อมกับช่วยผมเอาของใส่รถ “พี่ติณณ์รอหนูที่รถก็ได้ เดี๋ยวหนูไปเอง” คนตัวเล็กพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะเดินออกไป ส่วนผมก็จัดการคว้าข้อมือของเธอไว้ก่อน “คะ” เธอเอ่ยเสียงออกมาอย่างไม่เต็มเสียง “ฉันไปด้วย” ผมตอบกลับไปทันทีเพราะขืนปล่อยเธอไปคนเดียวคงจะหลง “เดี๋ยวเธอหลง” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเหมือนเธอกำลังรอฟังจุดประสงค์ของผม “ไม่หลงหรอกค่ะ ไปเองได้เมื่อกี้หนูเห็นร้านแล้ว” เธอตอบกลับมาอีกครั้งพร้อมทำท่าจะแกะมือของผมออก “บอกว่าจะไปด้วยก็คือไปด้วย” ผมเน้นย้ำคำตอบเดิมอีกครั้ง “งั้นไปก็ไปค่ะ ตามใจ” คนตัวเล็กกระแทกเสียงขึ้นอย่างไม่พอใจและก็ยอมให้ผมเดินตามมาด้วย แน่นอนว่าร้านที่เธอเดินเข้ามาทำผมคิดไม่ถึงเพราะมันคือร้านชุดชั้นใน “ฉันรอข้างนอก” ผมพูดขึ้นพร้อมกับหยุดเดินเพราะรู้แล้วว่าที่เธอไม่ต้องการให้มาด้วยเป็นเพราะอะไร “เข้ามาด้วยกันเลยค่ะ เดี๋ยวหนูหลงนะพี่ติณณ์” คนตัวเล็กกระตุกยิ้มขึ้นพร้อมกับลากผมให้ตามมา แรงเยอะจังวะ “ฉันรอข้างนอก” ผมเน้นย้ำคำพูดเดิมอีกครั้งแต่เหมือนคนตัวเล็กจะไม่ฟัง เธอยังฉุดกระชากลากถูผมให้เดินเข้ามาด้วยจนได้ “ไหนๆก็เข้ามาแล้ว ช่วยเลือกหน่อยสิ” เธอหันหน้ามามองผมพร้อมกับพูดขึ้น ผมที่หันมองรอบๆ ตอนนี้ผมเป็นผู้ชายคนเดียวในร้านด้วยซ้ำเพราะรอบตัวมีแต่ผู้หญิงและชุดชั้นใน “เลือกอะไร ฉันเลือกไม่เป็นหรอก” ผมตอบกลับไปทันที มีอย่างที่ไหนให้ผู้ชายอย่างผมมาเลือกชุดชั้นในผู้หญิง “ก็ลายไหน แบบไหนเหมาะกับหนู” เธอพูดขึ้นพร้อมกับหยิบชุดชั้นในขึ้นมาแนบตัว ให้ตายสิ ทำไมผมต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ด้วย “ตัวไหนดีคะ” คนตัวเล็กถามผมขึ้นทันที แน่นอนเลยว่าตอนนี้เธอกำลังแกล้งผมอยู่ “ฉันไม่รู้” รู้แบบนี้ ผมรอในรถดีกว่า “อยากมาด้วยกันแล้ว พี่ติณณ์ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์สิ” คนตัวเล็กพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหยิบชุดชั้นในมาวางเรียงกันตรงหน้าราวกับกำลังเลือกอยู่แต่สุดท้ายเธอก็หยิบขึ้นมาทุกตัว “หมดนี่หรอ” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย “เลือกไม่ได้ก็เอาหมดนี่แหละค่ะ” เธอตอบกลับมาทันที เท่าที่ผมสังเกตเธอเลือกซื้อเฉพาะชุดชั้นในสีดำแต่ต่างลายออกไปแต่ที่ผมสะดุดตามากกว่าชุดชั้นในคงจะเป็นไซซ์ของมัน “ใหญ่ขนาดนี้เธอใส่ได้หรอ” ผมถามขึ้นทันทีพร้อมมองชุดชั้นในกับหน้าอกของเธอสลับไปมา นมแบนแบบนั้น ทำไมใส่เสื้อในใหญ่จังวะ “ซื้อเผื่ออนาคตค่ะ ทำไมหรือว่าพี่ติณณ์คิดว่าใหญ่ไปหรอ” คนตัวเล็กถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “ฉันคิดว่าเธอน่าจะเล็กกว่านี้” ผมตอบกลับตามความจริง ผ่านผู้หญิงมาก็เยอะ ขนาดตัวของเธอกับชุดชั้นในที่เธอถือไปด้วยกันไม่ได้ด้วยซ้ำ “จับของคนอื่นบ่อยอะดิ” คนตัวเล็กถามขึ้นอีกครั้ง “ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ผมตอบกลับทันทีแต่ใช่ว่าเธอจะฟังผมเพราะเธอก็ยังถือชุดชั้นในขนาดที่เลือกไปจ่ายเงินอยู่ดี “นี่ครับ” ผมพูดขึ้นพร้อมกับยื่นบัตรให้พนักงานอีกครั้ง “จ่ายให้อีกแล้ว” “ฉันรวยและหาเงินเองได้” ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อเธอพูดจบ “จ้าพ่อคนรวย" "เอ่อลูกค้าคะอันนี้ลองแล้วใช่ไหม ดิฉันเกรงว่าลูกค้าจะซื้อไปผิดไซซ์” พนักงานที่คิดเงินพูดขึ้นทันที เห็นไหมล่ะ มีผมคนเดียวที่ไหนที่คิดว่ามันใหญ่เกินไป “ไซซ์นี้ค่ะ” แต่คนตัวเล็กยังยืนยันคำเดิม นั่นทำให้พนักงานก็จัดการคิดเงินทันที “ใส่ไม่ได้ฉันจะสมน้ำหน้าให้” “เล็กไปด้วยซ้ำค่ะ” ❤️ บอกแล้วว่าลูกอิฉันจะไปคนเดียว เป็นไงล่ะคะ ยืนงงในดงชุดชั้นใน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม