ฮัลโหลโก๋เก๋ ผิงเองค่ะ ผิงเอง คนสวยคนดีคนเดิม คิกคิก เห็นฉันบ้าๆ บอ ๆ แบบนี้แต่ชีวิตจริงฉันตลกไม่ออกนะคะ พ่อแม่ฉันเสียหมดแล้วล่ะ สมบัติชิ้นสุดท้ายที่มีก็คือบ้านหลังนี้ ค่อยยังชั่วหน่อยดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนเก็บเงินส่งมาเรื่อย ๆ ใกล้หมดแล้วค่ะ
ฉันมีน้องชายหนึ่งคนค่ะชื่อนักรบ อายุสิบเจ็ดปีเรียนช่างยนต์ปวช.ปีสอง มันบอกว่าจบแล้วหางานง่ายดีเพราะมันมีฝีมือ แม่ะ!! ชมตัวเองก็เป็น ส่วนตัวฉันเองมีนามว่าขนมผิง ตอนนี้อะเหรอยี่สิบขวบแล้วจ้า เรียนบัญชีค่ะอยู่ปีสองแล้ว เรียนไปทำงานไปส่งตัวเองเรียนแล้วก็ต้องส่งน้องด้วย
ฉันทำงานที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งค่ะ บางคืนเป็นเด็กนั่งดริ้ง บางทีก็ได้ไปรูดเสาอยู่บนเวที ฮ่า ๆ แต่ส่วนมากจะเป็นนักร้อง อีผิงคนนี้เป็นทุกอย่างของผับแล้วจริง ๆ แต่ค่ะ...แต่...ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาสองปี ไม่เคยเจอเข้าของผับตัวเป็น ๆ สักทีเลย ได้ยินคร่าว ๆ ผ่านผู้จัดการร้านหรือพวกคนเก่า ๆ ว่าหล่อวัวตายควายล้ม หล่อฉิบหาย ที่สำคัญยังไม่มีเมีย! ต้องเป็นคนหล่อที่ไร้หัวใจแน่เลย
ฉันมีเพื่อนเยอะค่ะ ที่มหาวิทยาลัยกลุ่มฉันมีด้วยกันห้าคน คนแรกเทียร่าค่ะ อยู่บ้านพ่อเรียกไอ้เทียน! ฮ่า ๆ คนที่สองน้ำเชื่อมค่ะ หวานสมชื่อเรียบร้อยสุดในแก๊ง คนที่สาม มิลิน คู่หูคู่เหี้ยของฉันเอง และคนสุดท้ายโมเดลเพื่อนชายสุดหล่อของแก๊งค่ะ
เพื่อนอีกแก๊งคือที่ทำงานค่ะสนิทเลยส่วนมากจะเป็นผู้ชาย นิวเยียร์ มังกร ยูโร และก็ไอ้อาร์ท
ผู้หญิงก็มีนะเดี๋ยวจะหาว่าฉันแรดผู้ชายรอบเอว มินนี่กับกีวี่ค่ะ นางเป็นโคโยตี้ตัวเต็งของร้าน เงินมาผ้าหลุดในที่อโคจรแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติค่ะใครเป็นอีหนูของเสี่ยก็ดีไป บางคนเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยยอมอยู่เงียบ ๆ ก็มี พวกนี้หวังรวยทางลัดกันทั้งนั้นแหละ แต่ยกเว้นฉันไว้สักคนแล้วกัน
คืนนี้ฉันขึ้นร้องเพลงค่ะ ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าของผับจะเข้ามาดูความเรียบร้อย ให้ตายเหอะเขาเพิ่งคิดได้หรือไงว่าต้องมาคุมงานลูกน้องน่ะ
“พวกมึงกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันบอกพวกมันก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาทางห้องน้ำ
ระหว่างทางถูกแทะโลมด้วยสายตาตลอดแต่ฉันชินแล้วแหละ เพราะอะไรน่ะเหรอ เขาให้ทิปตอนร้องเพลงไง เงินทั้งนั้นใครจะไม่เอา
อยากจะบ้ากว่าจะถึงห้องน้ำฉี่แทบราด เสร็จธุระล้างมือรีบออกมาขืนชักช้าไอ้พวกนั้นแดกหัวแน่ค่ะ
ผลัก!
“อ๊ะ! ขอโทษค่ะหนูไม่ทันระวัง” มัวแต่มองผู้ชายจนเดินชนใครก็ไม่รู้
“อืม เธอเป็นพนักงานที่นี่?” น้ำเสียงห้วนเอ่ยถามฉัน เงยหน้าขึ้นไปมอง แม่เจ้า...โคตรหล่อแต่เสียดายหน้านิ่งไปหน่อย
“ค่ะ ขอโทษคุณอีกครั้งนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ” ฉันว่าพลางยกมือไหว้เขาก่อนจะหันหลังให้ แต่ทว่ากลับถูกรั้งเอาไว้ซะก่อน
“เดี๋ยว!”
“...”
“เท่าไหร่?”
“คะ?”
“ค่าตัวเธอคืนนี้เท่าไหร่ฉันจ่ายไม่อั้น!” หน็อยแน่! ไอ้บ้านี่บังอาจคิดว่าฉันขายตัวเหรอ ไอ้คนหล่อนิสัยเสีย
“ฉันไม่ได้ขายค่ะคุณคงเข้าใจอะไรผิดไป หรือถ้าอยากซื้อบริการเดี๋ยวฉันเรียกเด็ก ๆ มาให้ได้นะคะ” ฉันพูดออกไปอย่างใจเย็น ส่วนไอ้เรื่องหาเ********นน่ะมันมีค่ะเขาโจ่งแจ้งกันเยอะแยะ มันก็อาชีพสุจริตเหมือนกันเพียงแต่ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับเท่านั้นเอง
“หึ! กล้าดียังไงถึงปฏิเสธฉัน เธอรู้หรือเปล่ามีผู้หญิงมากมายที่พร้อมจะพลีกายให้ฉันน่ะ”
“แต่ไม่ใช่หนู!! โอเคนะคะ” แผดเสียงแหลมใส่เขาแล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แม่งโคตรจะหงุดหงิด ผู้ชายมันหวังแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้นน่ะเหรอ
“ทำหน้าอย่างส้นตีน เป็นอะไรของมึงวะ” ไอ้อาร์ทเอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าแสนยุ่งเหยิงของฉัน
“เออ เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย ไหนใครเหยียบหางมึงบอกพวกกูมา” ไอ้นิวเยียร์เสริมขึ้นมาอีกคน
“เฮ้อ! ช่างแม่งเหอะ” พลางถอนหายใจออกมาแรง ๆ
“พวกมึงผู้จัดการเรียกพบด่วนเลย” ไอ้ยูโรวิ่งมาหน้าตาตื่นราวกับบ้านไฟไหม้งั้นแหละ
“ใครตายห่าอีกล่ะไอ้ฉิบหาย!” ฉันสบทออกมาอย่างหัวเสีย ก็มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะหื้ม! วันนี้ฤกษ์ไม่ดีละ
“เอ้าอีสวยใครมาสะกิดติ่งมึงอีกเนี่ย บอกมาเดี๋ยวพวกกูจัดการให้”
“คนเหี้ยแถวนี้แหละ!!” กระแทกไหล่มันก่อนจะเดินออกมา
“เฮ้ย! มึงจะมาเหี้ยตรงหน้าหล่อ ๆ ของกูไม่ได้นะผิง”
เลิกสนใจพวกมันก่อนจะรีบเดินมาที่ห้องผู้จัดการซึ่งทุกคนรออยู่ก่อนแล้ว ไม่สิ! พนักงานทั้งหมดเลยต่างหาก
“เอาล่ะทุกคนฟังเจ้ หลายคนอาจจะเคยเห็นหรือรู้จักมาบ้างแล้ว นี่คือคุณเบสหรือเฮียเบสเจ้าของผับแห่งนี้ที่พวกเราทำงานกันอยู่ เฮียมีธุรกิจหลายอย่างทั้งรีสอร์ท โรงแรม คอนโดฯ จึงไม่ค่อยสะดวกเข้ามาที่นี่สักเท่าไหร่ วันนี้มาให้เห็นกันตัวเป็น ๆ แล้วโอเคนะ” ผู้จัดการเอ่ยก่อนจะแนะนำบุคคลสำคัญให้พวกเราทุกคนได้รู้จัก ถ้ารู้ว่าเป็นไอ้บ้านี่ฉันคงไม่ทำที่นยี่ตั้งแต่แรก
“...”
...: สวัสดีค่ะ
....: สวัสดีครับ
“สวัสดีครับทุกคน เรียกผมว่าเฮียเบสเฉย ๆ ก็พอ ขอบใจมากที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดกำลัง ผมอาจจะไม่มาให้เห็นบ่อย ๆ แต่ใครทำอะไร มีพฤติกรรมแบบไหนผมรู้หมด กฎไม่ได้มีไว้แหกหวังว่าจะเข้าใจกันนะ” ขี้เก๊กฉิบหาย คนอะไรหน้าโคตรนิ่ง ก่นด่าในใจค่ะ ไม่มีใครได้ยินแน่นอน
“พวกมึง ไอ้เฮียโรคจิตเนี่ยแหละที่มันทำกูหัวเสีย” กระซิบบอกพวกมันเสียงเบา แต่อาจจะเบาไม่มากพอที่จะทำให้คนถูกนินทาได้ยิน
มังกร : มึงไปทำอีท่าไหนล่ะ เดี๋ยวเขาก็จับหักคอเอาหรอก
“ท่าห่าไรล่ะกูมัวแต่มองผู้ชายแล้วเดินชนเขา แล้วแม่งก็ถามว่ากูขายไหม หน้าตาก็ดีแต่สันดานเสีย!”
“นินทากูให้เบา ๆ หน่อยก็ได้มั้ง” เสือกหูดีได้ยินเฉย
“ไม่ได้นินทาแค่คุยกับเพื่อนค่ะ” ฉันว่าพลางลอยหน้าลอยตาใส่เขา
...: อีผิง!!
“หึ! ปากดี”
“อย่างอื่นก็ดีค่ะ!”
“งั้นเหรอ? คงต้องลองสักหน่อยแล้ว” ไอ้เฮียมันเดินมาใกล้ ๆ ฉันพลางกดยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ถอยไปไอ้เฮียโรคจิต”
“กูโรคจิตตรงไหนไม่ทราบ มีแต่มึงเนี่ยเถียงกูฉอด ๆ”
“ไม่ได้เถียงค่ะแค่ชอบโต้ตอบเฉย ๆ”
“ถามจริง ๆ มึงไม่กลัวกูบ้างเหรอ?”
“แล้วเฮียเป็นใคร? ทำไมหนูต้องกลัวเฮียด้วย” ประสาท! หล่อค่ะแต่ไม่ได้น่ากลัว เฮียคงเข้าใจอะไรผิดไป
“เก่งให้ได้ตลอดแล้วกัน” ไอ้เฮียมันพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วเดินออกจากห้องไปเลย
คล้อยหลังเขาทุกคนก็หันมาสนใจฉันแทน
“ผิง มึงแน่มากไม่เคยมีใครกล้าเถียงเฮียแบบนี้สักคน ดีเขาไม่แดกหัวมึง” ผู้จัดการเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ก็เขากวนประสาทหนูก่อน”
“แต่เขาเป็นเจ้านาย”
“ไม่ได้เป็นผัวนี่คะไม่รู้แหละ เรื่องอะไรจะยอมก็คนเหมือนกัน”
“ไม่เหมือนหรอก ... เฮียเบส ไม่เหมือน”
“...”
ยูโร : ตอนเขาปรี่มาหามึงนะกูลุ้นแทบแย่ เหมือนในหนังไงกระชากหัวจับทุ่มกำแพงอะไรแบบนั้น สยอง!
“บางทีมึงก็ดูหนังมากไปนะ” ไอ้อาร์ทถึงกับส่ายหน้าให้ค่ะ
“เป็นเอามาก”
“ไป ๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราไปเตรียมตัวกันเหอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว” ไอ้นิวพูดแทรกขึ้นก่อนจะพากันมาเตรียมตัวด้านหลังเวที
มีความสุขทุกครั้งที่จับไมค์ค่ะ แต่วันนี้หงุดหงิดเป็นพิเศษสงสัยก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้าง