เขาตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นไม่น้อย ภาพตรงหน้านั้นเป็นอะไรที่ดิสไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ
‘นี่กูต้องเรียนที่ที่มีดันเจี้ยนอยู่เหรอวะเนี่ย? ’
สาเหตุที่ดิสนึกแบบนี้ก็เพราะว่ามีดันเจี้ยนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในมหาลัย มันใหญ่ขนาดที่ว่าเขายืนอยู่ทางเข้ายังสามารถเห็นได้ น่าจะอยู่ด้านหลังมหาลัยแต่กลับรู้สึกเหมือนมันตั้งอยู่ตรงหน้าเลย
คนที่ผ่านไปมาไม่มีใครแสดงท่าทีทุกข์ร้อนแต่อย่างได อย่างกับว่าพวกเขาเคยชินที่มีดันเจี้ยนนี้ตั้งอยู่ในมหาลัยไปแล้ว
ดิสส่ายหน้าอ่อน บอกตามตรงว่าความรู้สึกที่เขาเคยสัมผัสกับความน่ากลัวของดันเจี้ยนมาก่อนนั้น ทำให้ออร่าอันตรายกลบความหรูหราของตัวอาคารในมหาวิทยาลัยไปหมดสิ้นเลย
เขายกกระเป๋าขึ้นพาดบ่า ‘โอเคร ไม่รู้หรอกว่าทำไมคนอื่นถึงไม่กลัวกันเลย แต่อย่าแตกตอนเรามาเรียนแล้วกัน’
เขาก็บ่นในใจไปงั้น แต่จริงๆ รู้ดีว่าทำไมคนถึงไม่กลัว ดันเจี้ยนจะไม่เปิดเองตราบใดที่ไม่มีคนไปยุ่งกับทางเข้า ซึ่งแน่นอนว่าต้องมียามเฝ้าอยู่ที่นั่นเป็นแน่เพื่อความปลอดภัย
จากขนาดของมันใหญ่กว่าดันเจี้ยนที่เขาเคยปิดมาก ดิสเดาว่ามีโอกาสสูงที่มันน่าจะอยู่แรงค์ A
เขาถอนหายใจอ่อนก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปในมหาลัย แต่อดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดถึงเรื่องดันเจี้ยนตรงหน้า
‘ระดับของเราจะเทียบกับบอสแรงค์ A ได้รึยังนะ….’
[16 :48 น.]
ดิสทิ้งตัวลงเอนหลังพิงกับโซฟาในห้องนั่งเล่น การใช้ชีวิตในมหาลัยนี่เหนื่อยมากสำหรับเขา แค่ต้องเรียนท่ามกลางผู้คนเยอะๆ เขาก็แทบจะโดนดูดพลังงานจนหมดหลอดอยู่แล้ว
ดิสแหงนหน้าขึ้นมองเพดานพร้อมสูดอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจ
“เรียนวันแรกไม่สนุกเลย…”
เมื่อดิสรำพันจบก็พบว่ามิกส์เดินออกมาจากห้องครัว ปกติจะใส่สูทแต่ตอนนี้สวมเสื้อกล้ามกางเกงบอลพร้อมถ้วยป๊อบคอร์นขนาดใหญ่ และที่สำคัญ บอดี้การ์ดนั่นไม่ใส่เฝือกที่แขนซ้ายแล้ว
“อะไรกัน เรียนวันแรกก็บ่นเลยเหรอครับ?”
ดิสเลิกคิ้วสูงก่อนจะหันหน้าไปมอง “เฝือกคุณ?”
พอมิกส์ได้ยินแบบนั้นก็สะบัดมือข้างที่เคยหักไปมา “อ้อ… มันเกะกะผมเลยแกะทิ้งไปเอง เริ่มขยับได้ปกติแล้วด้วย”
เมื่อดิสได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า “คุณคงเป็นที่รักของเหล่าบุคลากรการแพทย์เลยสินะครับ เชื่อฟังคำสั่งหมอสุดๆ ”
มิกส์ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆ แล้วจกป๊อบคอร์นขึ้นมาใส่ปาก “เดี๋ยวนี้ยิงมุกเก่งขึ้นนะครับ ตอนเป็นพรานอย่าลืมยิงมุกใส่มอนเตอร์ด้วยล่ะ เป็นคำคมเท่ๆ แบบฮีโร่ในการ์ตูน”
ดิสหัวเราะเบาๆ กับคำพูดอีกฝ่ายก่อนจะเบือนหน้าหนี
ด้วยความเฟรนด์ลี่ของมิกส์และช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ดีมาก ตอนนี้ดิสมองว่ามิกส์นั้นไม่ต่างจากเพื่อนเลยด้วยซ้ำ เขากล้าที่จะพูดหยอกล้อกับอีกฝ่ายโดยไม่มีความเกร็งใดๆ
ดิสหรี่ตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบป๊อบคอร์นมากินบ้าง
“แล้วคุณเป็นบอดี้การ์ดประเภทไหนมานั่งชิลกินป๊อบคอร์นในบ้านนายจ้างเนี่ย?”
มิกส์หันมามองทางเขาเล็กน้อย แล้วกล่าวตอบดิสในขณะที่ปากยังเคี้ยวอยู่ “บอดี้การ์ดที่กำลังจะหมดสัญญาไงครับ”
ดิสพยักหน้า แล้วหยิบป๊อบคอร์นขึ้นมากินอีกครั้ง “เมื่อกี้คุณพูดถึงพรานทมิฬหนิ… จะว่าไปทำไมคุณถึงเลิกเป็นพรานล่ะ?”
มิกส์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตอบด้วยโทนเสียงที่ช้าลง “ผมเคยบอกแล้วไงมันเป็นอาชีพที่อันตราย ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน คงไม่มีใครยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงหรอก”
ดิสหันเอื้อมมือไปหยิบรีโมทเพื่อเปิดทีวี ก่อนจะหันไปกล่าวกับอีกฝ่าย “เรื่องนั้นผมก็เข้าใจ แต่ตอนเป็นพรานทมิฬคุณไม่เคยเจอใครที่ทำอาชีพนี้เพียงเพราะอยากปกป้องมนุษย์ชาติบ้างเลยเหรอ?”
มิกส์แสดงสีหน้าอึ้งไปไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ดิสเบาๆ และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ตอนเด็กชอบดูหนังฮีโร่ใช่มั้ยเราอ่ะ…”
เมื่อดิสได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ก่อนปัดมืออีกฝ่ายออกเบาๆ “ไม่ด่าว่าจูนิเบียวเลยล่ะครับ”
ดิสว่าก่อนจะขยับนั่งหลังตรง “ก็รู้อยู่หรอก ว่าทุกอาชีพล้วนต้องการค่าตอบแทนเสมอ” พอว่าจบก็จ้องไปในตาของบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ช่างมันเถอะ”
ดิสจบบทสนทนาไว้แค่นั้น ยังไงมิกส์ก็ไม่มีทางเข้าใจที่เขาจะสื่ออยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกับเขา ทั้งโดนกิลด์เทวะเทจนต้องฝึกฝนเพื่อเอาตัวรอดจากพญาครุฑด้วยตัวเอง ทั้งเคยโดนเอาความเป็นความตายมาต่อรองโดยกิลด์เทวะเจ้าเก่าเจ้าเดิม….
ดิสเข้าใจดีว่าพรานทมิฬก็เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนเหมือนอาชีพอื่น ไม่ต่างจากหมอ ตำรวจ หรือพนักงานเงินเดือน เขาไม่ได้อยากให้ใครมาเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นหรอก แค่คาดหวังว่าพอเวลาถึงต้องช่วยคนด้วยกันเอง อย่างน้อยก็จะไม่ผลักไสกันเพราะเม็ดเงิน
เมื่อมิกส์เห็นอีกฝ่ายตัดบทจบแบบนั้นก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ บอดี้การ์ดหนุ่มเพียงแค่หยิบป๊อบคอร์นเข้าปากต่อ
ดิสหันไปมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะกดรีโมทปิดทีวี
“เอ้า… ปิดไมอ่ะ?” มิกส์ว่าพลางกับพยายามเอื้อมมือมาแย่งรีโมท
ดิสดึงมือที่ถือรีโมทยื่นออกห่างตัว ไม่ให้อีกฝ่ายแย่งไปได้ “คุณบอกมีการทดสอบสุดท้ายไม่ใช่รึไง?”
เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่ “จริงด้วยนี่”
ว่าแล้วมิกส์ก็วางถ้วยในมือลงบนโต๊ะทันที “คุณพร้อมรึยังล่ะ?”
ดิสเพียงแค่พยักหน้าเป็นคำตอบเท่านั้น “พร้อมแล้ว”
To be continued →