“ดันเจี้ยนแตก มันเป็นไปได้ยังไง?”
ราชาวดีกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกต่อภาพที่เห็นตรงหน้า
“ดันเจี้ยนแตกเหรอ? ”
ดิสหันไปมองทางราชาวดีอย่างไม่เชื่อสายตา
ภาพข้างล่างที่พวกเขาเห็นคือประชาชนหลายสิบคนกำลังวิ่งหนีตายจากฝูงอสูรกายคล้ายมนุษย์ร่างใหญ่เท่ารถบรรทุกและผิวสีดำเมี่ยมไปทั่วทั้งตัว แถมมีกรงเล็บยาวแหลมคมพร้อมคร่าชีวิต
กองกำลังทหารและตำรวจเข้ามาสกัดพวกมันไว้ ก่อนจะพาประชาชนอพยพ แต่กระสุนปืนดูจะไม่ระคายผิวของมันเลย ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างยากลำบาก
“พวกเงาะป่า คงมีดันเจี้ยนแรงค์ B แถวนี้แตก”
ราชาวดีกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง แต่พอดิสได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเลิกคิ้ว
“เงาะป่าเหรอ มันหน้าตาไม่เหมือนในหนังสือเรียนเลย”
วดีไม่ได้สนใจต่อคำพูดอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ เธอค่อยๆ ปีนขึ้นไปเกาะที่ขอบหน้าต่าง
“อีกสักพักพวกพรานทมิฬคลาส A หรือ B มือดี คงพากันมาที่นี่สัก 4 – 5 คนเพื่อปิดดันเจี้ยน ระหว่างนี้ก็อยู่ในห้องนี้อย่าออกไปไหน เราจะลงไปช่วยอพยพคนข้างล่าง”
พอเธอว่าจบ สาวสวยผมสีชมพูก็กระโดดจากหน้าต่างตึกหลายชั้นลงไป ดิสมองตามด้วยความตกตะลึง
ราชาวดีเรียกวงเวทย์สีชมพูออกมาที่มือสองข้างขณะดิ่งลงไป แสงสว่างวาบห่อหุ้มร่างเธอไว้ก่อนจะลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย
ดิสยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง วันนี้คงจะไม่มีอะไรที่จะทำให้อึ้งไปมากกว่านี้แล้วใช่มั้ย?
พอราชาวดีลงไปถึงพื้น เธอก็เห็นว่าบนถนนมีทหารคนหนึ่งถูกอสูรกายร่างยักษ์หรือที่เรียกว่าเงาะป่าซัดเข้าที่ท้องอย่างแรง จนร่างปลิวไปกระแทกกับรถกระบะที่จอดอยู่ใกล้ๆ ดัง ปัง!
เธอยกมือขึ้นอีกครั้งพร้อมเรียกวงเวทย์ออกมา ร่างกายของทหารคนนั้นค่อยๆ เรืองแสงสีชมพู ก่อนที่บาดแผลทุกอย่างจะหายไปจนหมดสิ้น
ดิสมองภาพอย่างสนอกสนใจ ‘ดูเหมือนทุกครั้งที่เธอจะใช้พลัง จะต้องเรียกวงเวทย์ออกมาก่อนตลอดเลย จะเป็นแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่านะ’
ราชาวดีพอใช้พลังในการรักษาบาดแผลของทหารคนนั้นเสร็จ ก็ตะโกนขึ้นมากลางถนนเสียงดัง
“ฉันจะถ่วงเวลาเอาไว้เองค่ะ ทหารและตำรวจทุกนายกรุณาช่วยกันอพยพประชาชนด้วย”
ทุกคนในสนามรบกลางถนนต่างอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ไม่ใช่แค่คนข้างล่าง แม้แต่ดิสเองก็ด้วย
‘นี่เธอจะบ้าเหรอ ถึงวดีจะเป็นคลาส S แต่เธอก็เป็นฮีลเลอร์นะ จะสู้กับอีกฝ่ายที่เป็นมอนเตอร์จากดันเจี้ยนแรงค์ B ทั้งฝูงได้ยังไง? ’
ระหว่างที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ราชาวดีที่ตกเป็นเป้าของมอนเตอร์ก็ไม่มีเวลามากนัก พวกมัน 4 – 5 ตัวพากันวิ่งตรงมาหาเธอทันที
ราชาวดีที่เห็นแบบนั้นขยับขาแว่นเล็กน้อย ก่อนที่จะชูมือสองข้างขึ้นเหนือหัวตัวเอง หลังจากนั้นจึงปรากฏวงเวทย์สีชมพูขนาดใหญ่ขึ้นที่พื้นถนน ทำให้ร่างของมอนเตอร์พวกนนั้นถูกห่อหุ้มด้วยลูกบอลบาเรียสีเดียวกับวงเวทย์
“รีบอพยพคน แล้วพากันออกไปจากถนนเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”
เธอว่าก่อนจะบีบบาเรียสีชมพูที่ห่อหุ้มร่างมอนเตอร์ทั้ง 5 ตัวไว้ บดละเอียดจนมันกลายเป็นเนื้อเดียว
ทุกคนบนถนนอึ้งกับสิ่งที่เห็น ตอนแรกเห็นว่าเป็นฮีลเลอร์ ไม่นึกว่าจะโจมตีได้ แต่ตอนนี้ความกังขาตรงนั้นหายไปสิ้น พวกตำรวจทหารรีบอพยพประชาชนตามที่ราชาวดีสั่งทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
ดิสตกตะลึงอีกครั้งกับสิ่งที่เห็น ‘สมแล้วกับที่เป็นคลาส S การพลิกแพลงนั่นมันอะไรกัน’
ปกตินั้นฮีลเลอร์นั้นจะฟื้นฟูให้กับเพื่อนหรือพวกเดียวกัน ไม่ก็สร้างโล่หรือลูกบอลบาเรียไว้กันดาเมจ แต่ราชาวดีนั้นแตกต่าง เธอเรียกลูกบอลบาเรียที่ควรใช้เพื่อรับการโจมตี มาขังร่างของมอนเตอร์ไว้ แล้วหดขนาดมันให้เล็กลงเพื่อบีบร่างกายอีกฝ่ายจนแหลก
‘นี่สินะพลังของคลาส S ขนาดฮีลเลอร์ยังน่ากลัวซะขนาดนี้ พวกที่มีพลังโจมตีจะน่ากลัวขนาดไหน’
ดิสคิดวิเคราะห์พลางกับมองการต่อสู้ไม่ละสายตา
แต่ทันใดนั้น
[เควส!]
ดิสมองหน้าต่างระบบพลางกับถอนหายใจ ‘ตอนนี้อ่ะนะ ไม่ดูเวล่ำเวลาเลย’
เควส : กำจัดบอสดันเจี้ยนแรงค์ B (บังคับ)
รางวัล 50 แต้ม
ลูกสมุน : 0/10
บอส : 0/1
[เพิ่มเติม]
เมื่อกดจิ้มเข้าไปดูก็ถึงกับอ้าปากค้าง
‘นี่มันเห้* อะไรวะเนี่ย!? ’
เขามองเควสอย่างตกตะลึง ‘พึ่งอัปไปเมื่อเช้า พลังก็มีแค่นั้นจะเอาไรไปสู้ตัวข้างล่างวะ? ’
ไม่ทำ ยังไงเขาก็เลือกที่จะไม่ทำ เขาอยากลองใช้พลังก็จริง อยากเป็นพรานทมิฬก็จริง แต่ด้วยพลังที่ยังน้อยนิดมันยังไม่คุ้มที่จะเสี่ยง เขาพึ่งจะตื่นเองนะ ยังไม่อยากไปรนหาที่ตายหรอก
‘แต่มันบอกว่าบังคับ…’
เมื่อดิสอ่านอีกครั้งถึงกับต้องขมวดคิ้ว ‘บังคับนี่หมายถึงถ้าทำไม่สำเร็จต้องโดนลงโทษรึเปล่า? ’
ดิสไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน เขากด [เพิ่มเติม] ทันที
เควส : เหลือเวลาในการทำเควส 59 นาที
บทลงโทษ : หากทำเควสไม่สำเร็จ จะถูกหักแต้มทั้งหมดรวมถึงที่เคยใช้ไปแล้ว 50 แต้ม
ดิสนิ่งมองตาค้างกับสิ่งที่เพิ่งอ่านไป ก่อนจะชูนิ้วกลางใส่หน้าต่างระบบ
“ไอ้ระบบเวรเอ้ย”
To be continued →