เพลงไทยเดิมบรรเลงคลออยู่ไม่ขาด ก่อบรรยากาศรอบข้างแสนวังเวง แสงไฟที่ดับทีเดียวเป็นวงกว้างทำสองหนุ่มสาวรู้สึกใจหวิวไม่น้อย
ราชาวดีเรียกวงเวทย์สีชมพูออกมากางบนมือเป็นวงกว้าง เพื่อใช้ส่องรอบตัวแทนไฟที่ดับไป ถึงแม้จะไม่สว่างเท่า แต่มันก็พอจะทดแทนกันได้ในความมืดเช่นนี้
มิกส์พยุงร่างชายหนุ่มผู้เป็นนายจ้างไว้ พร้อมกับกวาดตามองรอบข้างเป็นพักๆ อย่างระมัดระวัง
ราชาวดีกับมิกส์มีดิสเป็นจุดศูนย์กลางมาโดยตลอด พอเหลือสองคนแบบนี้จึงน่าอึดอัดไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรสนใจในตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องโฟกัสคือภยันตรายในความมืดมากกว่า
ในตอนที่ดิสหมดสติอยู่ ไม่รู้เลยว่าพวกมอนเตอร์จะโผล่มาตอนไหน
ราชาวดีเริ่มกางโดมบาเรียสีชมพูครอบคลุมร่างทั้งสามไว้ เธอไม่ควรประมาท… มอนเตอร์จากดันเจี้ยนแรงค์ A นั้นอันตรายมาก จะเป็นรองก็แค่มอนเตอร์จากดันเจี้ยนแรงค์ S เท่านั้น
ตอนแรกที่เธอมาที่นี่ เธอตั้งใจแค่จะมาช่วยคนในกิลด์ที่รับมือดันเจี้ยนไม่ได้ พรานทมิฬคลาส S ไม่มีธุระที่นี่ มันเป็นหน้าที่ของคลาส A เธอมาเพราะน้ำใจและความอยากช่วยเท่านั้น
แต่พอได้เจอดิส ราชาวดีก็เปลี่ยนเป้าหมาย เธอพอจะเดาได้ว่าที่เขามาที่นี่ มันเป็นเพราะเควสของระบบ จึงคิดจะไถ่โทษของตัวเองด้วยการช่วยดิสให้สำเร็จตามเป้าหมาย
แต่นี่มันผิดแผนไปหน่อย เธอคาดไม่ถึงว่านี่เป็นดันเจี้ยนประเภทหลอนประสาท
ระหว่างที่หมอสาวและบอดี้การ์ดหนุ่มกำลังระมัดระวังตัวอยู่นั้น ภัยร้ายที่ควรจะมาจากนอกโดมกลับไม่โผล่มาให้เห็น แต่อันตรายที่เกิดขึ้นกลับมาจากภายในแทน
ดิสตื่นขึ้นพร้อมแววตาสีแดงฉาน เส้นเลือดปูดเด่นชัดตามขอบตา เขาปล่อยหมัดซัดเข้าเต็มสีข้างของบอดี้การ์ดหนุ่มที่พยุงตนเต็มแรง ทำเหล็กกล้าซึ่งปกคลุมร่างมิกส์แตกร้าวเหมือนกับตอนสอบไม่มีผิด
อั่กกก!
มิกส์ปล่อยศาสตราทมิฬหลุดมือ ก่อนกระเด็นกระแทกผนังบาเรียที่ปกป้องตนอยู่จนสลบไปทันที
ราชาวดีหันมามองเพื่อนตนที่ดูเปลี่ยนไปด้วยความตกใจไม่น้อย
“ดิส ทำไมถึงทำแบบนั้น!”
เธอรีบสลายโดมที่คลุมปกป้องทั้งสามคนไว้ ก่อนจะผละถอยออกมารักษาระยะห่าง
เธอรู้แล้วว่าทำไมชายหนุ่มทำแบบนั้น เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ดิสกำลังถูกสิงสู่จากมอนเตอร์ประเภทหลอนประสาท
“ดิสสู้มัน! อย่ายอมแพ้ นายต้องควบคุมร่างกายตัวเองให้ได้!”
เธอพยายามตะโกนเรียกสติสหาย
คาดไม่ถึงว่าช่วงเวลาอันสั้นดิสจะพัฒนาไปได้ไกลแบบนี้ เขาสามารถจัดการผู้มีพรสวรรค์ที่ร่างกายเป็นเหล็กได้ด้วยหมัดเดียว
ระหว่างที่เธอมองดูมิกส์ ดิสก็ใช้โอกาสนั้นกระโจนเข้ามา ราชาวดีกางโล่ขึ้นอย่างรวดเร็ว มันสามารถป้องกันการโจมตีของดิสได้ แต่เหมือนจะไม่มากพอ
พลังโจมตีที่อัปทะลุร้อยมันน่ากลัวกว่าที่คิด ดิสปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้ง ทำให้โล่ของฮิลเลอร์คลาส S ค่อยๆ เกิดรอยร้าวขึ้นทีละนิด
ตึ้งง!
ตึ้งงง!
ตึ้งง!
‘นี่มันอะไรกัน! เราเป็นถึงคลาส S เลยนะ? ’
ราชาวดีไม่คาดฝัน ถึงเธอจะเป็นแค่ฮีลเลอร์ แต่พลังของเธอก็มากเกินพรานทมิฬธรรมดาทั่วไป แล้วเธอเป็นถึงฮีลเลอร์ที่มีพลังมากที่สุดในประเทศไทยเลยนะ!
ดิสที่ถูกสิงสู่ต่อยโล่จนร้าวไปทั่วและใกล้จะทลายเต็มที เขาง้างหมัดสุดท้ายขึ้นสูงแล้วปล่อยชกทำให้เกิดแรงกระแทกมหาศาล
เพล้งง!
ตึ้งงง!
โล่ไม่เพียงแค่แตกออกเท่านั้น แรงลมจากหมัดพัดกระแทกร่างเธอปลิวกลิ้งไปกับพื้น
ราชาวดีมีแผลถลอกเล็กน้อยที่แขน เธอยันกายลุกขึ้นนั่งมองชายหนุ่ม ก่อนจะกัดฟันแน่น
ชายที่ยืนมองเธอตรงหน้าคือสหายก็จริง แต่เขากำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอไม่มีทางเลือก เพื่อหยุดดิสไม่ให้เผลอทำสิ่งที่ต้องเสียใจลงไป ดังนั้นเธอต้องล้มเขาให้ได้
ราชาวดีค่อยๆ ลุกขึ้นยืน โล่ที่แตกไปเมื่อกี้ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของเธอ การที่ได้ขึ้นมาเป็นฮีลเลอร์ระดับ S ได้ หมายความว่าเธอต้องมีดีกว่านั้น
ดิสที่ถูกสิงสู่ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะพุ่งตรงไปหาราชาวดีด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
‘ขอโทษนะดิส หวังว่าจะไม่โกรธกันนะ’
ราชาวดียกมือขึ้นกางวงเวทย์อีกครั้ง
ขณะที่ดิสกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูง โดมบาเรียสีชมพูก็ครอบร่างขังเขาไว้ในนั้น ชายหนุ่มหยุดการเคลื่อนไหวมองโดมที่ค่อยๆ หดเล็กลง ราชาวดีเริ่มเอาจริงแล้ว ดิสที่ถูกสิงสู่รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังมาเยือน
หมัดทั้งสองของดิสจึงต่อยรัวกระแทกไม่ยั้ง เขาพยายามที่จะทำลายมันจากด้านใน
ตึ้งงง!
ตึ้งง!
ตึ้งงง!
โดมเกิดรอยร้าวตามแรงกระแทก สายตาสีแดงฉานของดิสเริ่มมีความหวัง แต่ฉับพลันนั้นก็พังทลายลง ราชาวดีเกร็งมือปลดปล่อยพลังเพิ่ม สมานโดมให้กลับมาสภาพเหมือนเก่า และหดโดมเล็กลงไปอีก
ดูเหมือนค่าพลังโจมตีที่อัปถึงร้อยจะยังไม่สามารถเทียบกับพรานทมิฬคลาส S ได้ ดิสกำลังจะพ่ายแพ้ให้แก่คนที่ระดับอยู่เหนือกว่า
โดมหดเล็กลงไปเรื่อยๆ ทำให้ดิสที่กระหน่ำต่อยไม่หยุดต้องเปลี่ยนเป็นดันยื้อไว้แทนเพื่อไม่ให้บาเรียบดร่างตนเอง
ราชาวดีไม่ได้คิดจะเล่นถึงตาย ยังไงดิสก็คือเพื่อน เธอเพียงแค่ต้องการจะช่วยหยุดเขาเท่านั้น
‘ขอโทษนะดิส’
เธอคิดอย่างรู้สึกผิด บาเรียที่หดเล็กลงมากทำดิสเริ่มจะนิ่งไปแล้ว ดิสตอนนี้ใช้มือทั้งสองข้างดันบาเรียนั้นไว้ด้วยความยากลำบาก สภาพไม่แตกต่างจากหนูที่ถูกโหลเลี้ยงปลาทองคว่ำขังไว้
ราชาวดีถอนหายใจอ่อน เตรียมจะบีบบาเรียให้เล็กลงอีก ชายหนุ่มจะได้หมดทางสู้ตนยิ่งกว่านี้
แต่ในขณะนั้นดวงตาแดงก่ำก็แปรเปลี่ยนมาเป็นอย่างเก่า เส้นเลือดปูดบวมนั้นหายไปสิ้น ใบหน้ากลับมาคล้ายมนุษย์อีกครา
เขามองรอบๆ ด้วยสีหน้างงงวย ดิสไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
สิ่งที่ตนเห็นตรงหน้าคือเขาที่ถูกขังไว้ด้วยโดมบาเรียขนาดเล็ก และราชาวดีที่กำลังกางวงเวทย์อยู่ด้วยมือทั้งสองข้าง
เขาไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามเสียงตระหนก “เกิดอะไรขึ้นวดี!?”
To be continued →