สำนักงานกิลด์เทวะ สาขา 2
ดิสย่างเท้าไปตามทางเดินของตึกสำนักงานกิลด์เทวะ เขาเพิ่งจะคุยกับแทนเสร็จเรื่องการเข้าร่วม
อีกฝ่ายบอกว่าหลังจากจบการไต่สวน ดิสจะเข้ารับการวัดพลังจากสำนักงานพรานทมิฬแห่งประเทศไทย และเข้าร่วมกับกิลด์อย่างเป็นทางการ
ดิสถอนหายใจอ่อน เขาไม่อยู่นานหรอก สัญญาจ้างที่คุยกันไว้คือ 1 ปี แน่นอนว่าเขาจะไม่ต่อสัญญา เขามีทางเดินของตัวเอง ตอนนี้มันเป็นเพียงความจำเป็นเท่านั้น
แต่… ‘ไอ้หัวหน้ากิลด์บ้านั่นก็อาจจะมีลูกไม้อะไรมาอีกก็ได้ในอนาคต’
ดิสหยุดเดินขณะมองประตูห้องๆ หนึ่งระหว่างทางอย่างสนอกสนใจ มันมีป้ายเขียนติดหน้าห้องว่า [ห้องซ้อม]
ดิสหรี่ตามองเล็กน้อย ‘น่าสนใจแฮะ’
นี่น่ะเหรอสถานที่ ที่พรานทมิฬสังกัดกิลด์เทวะใช้ซ้อมเพื่อจะปิดดันเจี้ยน เขาสงสัยจริงๆ ว่ามันจะเป็นไง เขาเตรียมตัวกันยังไงกันนะพวกพรานทมิฬ
ดิสค่อยๆ เอื้อมมือเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าห้องนี้นั้นกว้างมาก มันโล่งโจ้งราวกับว่ามีไว้ปลดปล่อยพลังโดยเฉพาะ
พรานทมิฬในห้องนี้มีราวๆ 4 ถึง 5 คน พวกนั้นพากันมองมายังดิสเป็นตาเดียว แต่ในขณะนั้นมิกส์อดีตบอดี้การ์ดของเขาก็เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำตรงมุมห้องพอดี
มิกส์โบกมือทักทายตอนนี้มิกส์ก็มีชะตากรรมเดียวกับเขา เพื่อหาเลี้ยงชีพอดีตบอดี้การ์ดต้องเข้าร่วมกับกิลด์เทวะเช่นกัน แต่เขาก็ต้องสมัครใหม่พร้อมกับดิส
ต่างกันก็แค่… มิกส์ไม่จำเป็นต้องวัดระดับเช่นเขา
มิกส์เดินตรงมาหาอดีตนายจ้าง พร้อมกับรอยยิ้มที่คุ้นเคย “ว่าไง บอดี้การ์ดคนใหม่เป็นไงบ้าง?”
ดิสส่ายหน้าตอบ “ผมยกเลิกสัญญาไปแล้วล่ะ”
เมื่อมิกส์ได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้ว “ไหงงั้นล่ะคุณ?”
เมื่อดิสได้ยินแบบนั้นก็ยกมือขึ้นกอดอก “ตอนนี้เรียกว่าดิสเฉยๆ เถอะ คุณไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดผมแล้วนะ”
เมื่อมิกส์ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า “ได้สิดิส”
ดิสรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย ดูเหมือนอดีตบอดี้การ์ดแสนยียวนคนนี้จะปรับตัวได้เร็วมากทีเดียว
ดิสยักไหล่ ดูเหมือนเขาต้องปรับตัวตามบ้างแล้ว “หวังว่าจะไม่โกรธนะที่ฉันทำนายตกงาน”
มิกส์ยกมือขึ้นมากอดอกเช่นกัน “ก็โกรธแหละ แต่ทำไงได้ล่ะ ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง”
ดิสพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขารู้สึกผิดมาก แต่พอเห็นอีกฝ่ายปรับตัวได้เร็วเช่นนี้ก็เบาใจไปได้ไม่น้อย
ดิสมองข้ามหัวไหล่ชายตรงหน้า ภาพที่เห็นทำเขาตื่นเต้นพอสมควร พรานทมิฬที่อยู่ในห้องนี้ซ้อมต่อสู้กันด้วยพรสวรรค์ที่มี นี่น่ะเหรอคือการซ้อมของผู้มีพรสวรรค์
ดิสยิ้มมุมปากเล็กๆ ก่อนจะหันไปทางอดีตบอดี้การ์ด “คุณก็ ไม่สิ นายก็มาซ้อมกับคนพวกนี้เหรอ?”
มิกส์หันมองไปทางด้านหลัง เขายิ้มนิดหน่อยเพราะเห็นดิสยังไม่ชินกับการพูดเป็นกันเองกับตน
“ใช่… มาซ้อม แต่ก็ไม่ค่อยมีคนอยากซ้อมด้วยหรอก”
เมื่อดิสเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ?”
มิกส์หัวเราะเบาๆ “ถ้ากิลด์นี้เป็นโรงเรียน เราก็เหมือนหมาหัวเน่าเลยล่ะ พวกนั้นเกลียดขี้หน้าเราเพราะมองว่าฉันกับนายเป็นเด็กเส้น”
ดิสพยักหน้าเข้าใจได้ในทันที จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผนวกกับเรื่องราวทั้งหมด ดิสไม่แปลกใจหรอกที่คนพวกนี้จะเหม็นหน้าเพราะกิลด์ใหม่มาทาบทามให้พวกเขาเข้าร่วม
‘อิจฉาแหละดูออก…’
แต่…
ดิสมองมองมิกส์ก่อนจะคลี่ยิ้มบาง อดีตบอดี้การ์ดที่เป็นเพื่อนเขาดูไม่ได้แคร์เลยสักนิด ดูจะออกไปทางตลกซะด้วยซ้ำ
‘ถึงจะเป็นคนกวนส้น แต่มีความเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ’
ดิสคิดแบบนั้นก่อนจะเดินผ่านหัวไหล่ชายตรงหน้า ‘แต่เราไม่ได้มีความเป็นผู้ใหญ่ขนาดเขาสักหน่อย’
มิกส์เอื้อมไปแตะหัวไหล่อดีตนายจ้างตนไว้ ทำดิสชะงัก “จะทำอะไรน่ะ?”
ดิสหันมามองอีกฝ่ายก่อนจะฉีกยิ้ม เขาตื่นเต้นจากพลังใหม่ที่ได้รับ ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสประจวบเหมาะที่จะได้ลองใช้ของใหม่ในการต่อสู้พอดีเลย
ดิสหันไปทางกลุ่มพรานก่อนตะโกนเรียกให้ทุกคนหันมาสนใจเขา
“มีใครอยากจับคู่ซ้อมกับผมมั้ย!?”
เป็นตามจุดประสงค์ ทุกคนหันมามองที่ดิสเป็นตาเดียว จะว่าเขาเป็นพวกอวดดีก็ได้ แต่จะมีโอกาสไหนดีกว่าตอนนี้ซะอีก
มีอย่างหนึ่งที่ดิสสงสัยแต่ยังไม่ได้เอ่ยถาม เขาหันไปมองมิกส์ “เขาห้ามใช้พลังนอกดันเจี้ยนไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อมิกส์ได้ยินแบบนั้นก็ชี้นิ้วไปที่ผนัง มันมีกระดาษใบหนึ่งแปะไว้ “มันคือใบอนุญาตให้ใช้พรสวรรค์ ห้องนี้ถูกอนุญาตอย่างถูกกฏหมายเพื่อใช้ในการฝึกซ้อม”
เมื่อได้ยินอดีตบอดี้การ์ดตอบแบบนั้น ดิสก็หันไปมองทางกลุ่มพรานทมิฬ และยกมือขึ้นถูกันไปมา
“งั้นก็เจ๋ง”
กลุ่นพรานทมิฬทั้ง 5 มองเขม่นมายังดิส เขาอดไม่ได้เลยจริงๆ ที่จะส่งยิ้มยียวนให้
มิกส์เลิกคิ้วสูง “เฮ้ คงไม่ได้คิดอะไรบ้าๆ หรอกใช่มั้ยพวก?”
ดิสพยักหน้า “อะไรสนุกๆ ต่างหาก”
พอกล่าวตอบคำถามจบ เขาก็หันไปทางกลุ่มพรานทมิฬอีกครั้ง “พวกคุณเหม็นขี้เราอยู่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้ตั้นหน้าพวกผมอย่างถูกกฏหมายแล้วนะ อย่าปล่อยโอกาสหลุดลอยสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดยียวนแบบนั้น พรานทมิฬทั้ง 5 ก็เลือดขึ้นหน้าไปตามๆ กัน ซึ่งมีพรานทมิฬคนหนึ่งที่ทนต่อโทสะของตนไม่ไหว เดินตรงมาหาดิสทันที
มิกส์ทำท่าทางเลิ่กลั่ก เขารีบตรงไปผลักอกพรานคนนั้นที่พุ่งเข้ามาจนผละถอย
“ใจเย็นพ่อหนุ่ม”
มิกส์ว่าพร้อมกับมองกลุ่มพรานที่ตอนนี้เขม่นพวกเขาหนักซะยิ่งกว่าเก่า
อดีตบอดี้การ์ดที่เห็นแบบนั้นถอนหายใจ เขาหันมองไปดิสเล็กน้อย “นายก็ห่ามไป”
ขณะมิกส์กำลังพยายามยุติความขัดแย้ง ก็มีพรานทมิฬคนหนึ่งพูดขึ้น
“ฉันจองไอ้ลูกกระจ๊อกนั่น!”
มิกส์กระตุกคิ้วเล็กน้อย ไม่ต้องตีความไรให้มาก เขารู้ได้เลยว่าไอ้ลูกกระจ๊อกที่ว่าหมายถึงเขา
มิกส์เลิกแขนเสื้อขึ้นสูงก่อนจะหันไปมองกลุ่มพราน เส้นเลือดปูดตรงขมับแสดงได้ถึงความไม่พอใจที่มี
พอกันทีกับการทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้เขาของขึ้นแล้ว
มาด่าว่าเป็นลูกกระจ๊อกแบบนี้มันยอมไม่ได้ เขาไม่ใช่ตัวประกอบนะเฮ้ย!
มิกส์ตะคอกเสียงดังใส่กลุ่มพราน “ไม่ทราบว่าหมาตัวไหนพูดครับ เดี๋ยวจะบริการถอนฟันฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายให้”
ดิสยกมือปิดปากกลั้นขำ ตอนนี้ความเป็นผู้ใหญ่ของอดีตบอดี้การ์ดหายไหนแล้วเนี่ย?
‘ดูเหมือนความเป็นผู้ใหญ่จะควรใช้กับแค่คนบางคนสินะ’
ดิสยิ้มมองไปทางกลุ่มพรานเช่นกัน “ถ้าพวกคุณชนะเราจะยอมเป็นเบ๊ให้ แต่ถ้าเราชนะทุกคนต้องกลายเป็นคนติดตามของเราสองคน”
พรานทมิฬกลุ่มนั้นหัวร้อนกันยกใหญ่ ไอ้เด็กใหม่นี่มันอวดดีเกินไปแล้ว พรานทมิฬที่อยู่ตรงนี้ทุกคนเป็นคลาส A กันทั้งนั้น
To be continued →