เอาล่ะค่ะซิสหนมขอตัดฉับมาตอนนี้เลยค่ะตอนที่หนมตามเจ้หวานและพี่ ๆ ในบริษัทมาที่ห้องพักที่จองไว้ เพื่ออะไรรู้ไหมคะ เพื่อเปลี่ยนชุดไปแดนซ์ใน after party ไงคะ กรี๊ด~ หนมอยากแดนซ์มานานแล้ว ชุดที่เตรียมมาเพื่อการนี้เลือกยากกว่าชุดราตรีเมื่อกี้อีกนะบอกตรง ๆ อิอิ
อย่าว่างั้นงี้เลยนะคะ บรรยากาศในงานแต่งเมื่อกี้น้องเบื่อมาก เจ้าบ่าวเจ้าสาวมองตากันหวานฉ่ำ บอกรักกันหอมแก้มกัน ตัดมาที่โต๊ะหนมมีคุณพอร์ชกับเจ้หวานนั่งยิ้มจับมือกัน แล้วก็คุยกันว่างานเราเอาแบบนั้นแบบนี้ มองไปโต๊ะไม่ไกลเจอพี่มิลานกับพี่แอลฟ่าที่แต่งงานกันไปแล้วยังสวีทกันไม่เลิกอีก แล้วตัดมาที่อีหนม นั่งเป็นอีบ้าปากแดงกินข้าวเหนียวเปียกลำไยตบท้ายเมนูโต๊ะจีน!
เอ่อ...งานเขาไม่ได้เสิร์ฟโต๊ะจีนให้แขกซดกระเพาะปลาหรอกนะคะหรอกนะคะแต่บังเอิญมีข้าวเหนียวเปียกลำไยเลยเอามากินแล้วเปรียบเปรยเฉย ๆ แหะ ๆๆ
“หนมชุดสวยมาก~” พี่หวานหันมามองฉันที่ตอนนี้แปลงร่างเสร็จเรียบร้อย คนสวยชมแบบนี้หนมต้องถ่อมตัวไหมบอกเลยว่าไม่ค่ะ ยิ้มกว้าง ๆ พร้อมยืดของดีอย่าอกคัพ D รับด้วยความภูมิใจ
“อิอิ ขอบคุณค่า แต่ทำไมชุดพี่หวานเบาอ่ะ” ฉันยิ้มขอบคุณแล้วก็มองชุดพี่หวานที่ดูซอฟท์เหลือเกิน
“อย่าทักสิพี่ยิ่งเซ็งอยู่ คุณพอร์ชอ่ะเลือกให้” พี่หวานยู่หน้าแบบงอน ๆ แล้วก็บ่นเรื่องชุดที่มันดูซอฟท์เหลือเกินสำหรับ after party แต่สำหรับน้องที่ได้ฟังแบบนี้มันอิจฉาค่ะ มีแฟนหล่อแถมหวงมาก หนมอยากได้บ้างที่ไหนมีนะอยากสั่งกลับบ้าน
“งื้อดีอ่ะพี่หวาน แฟนรักแฟนหลง แถมหวงมาก หามาจากไหนคะหวานจะตามรอย”
“ฮ่า ๆๆ สวยเซ็กซี่แบบหนมเดี๋ยวก็มีน่า ไม่แน่อาจจะเจอคืนนี้แหละ วันนี้ผู้ในงานดีมาก~ พี่ยังมองเพลินเลย อิอิ” พี่หวานกระซิบบอกฉัน
“ฮ่า ๆๆ จริงค่ะ วันนี้ผู้ดีมาก เพื่อนเจ้าบ่าวงานดีแต่มีเจ้าของแล้วทั้งนั้น” ฉันบ่นกับพี่หวานแล้วก็ทำหน้าเซ็ง แต่เอาจริง ๆ หนมก็ไม่ได้ว้อนผู้ชายนะคะซิส หนมแค่เล่นไปบ่นเล่นไปตามประสาคนที่สนิทกับหนมรู้ดี
“เหลือนะ พี่เควินไงงานดีไม่แพ้คนอื่นเลย” พี่หวานทำหน้านึกแล้วก็พูดขึ้น แต่ทำให้น้องหนมชะงักแล้วก็เบ้ปากใส่ทันที
“อี๋~”
“เอ้า! ทำไมอ่ะ ไม่ชอบเหรอหล่อดีออก นิสัยดีด้วยถึงจะเจ้าชู้ไปหน่อยก็เหอะ” พี่หวานถามแล้วก็ทำหน้างงทันที
“เจ้คะ เจ้รู้ไหมว่าคนที่เจ้พูดถึงอ่ะต้นเหตุความสวยของหนม” ฉันบอกพี่หวานแล้วก็ยิ้มเฝื่อน ๆ ให้ แค่นึกถึงหน้าอีตานั่นหนมก็อยากขย้อนอาหารจากภัตตาคารสุดหรูทุกเมนูในวันนี้ทิ้งอย่างไม่คิดเสียดายใด ๆ ทั้งสิ้น
“เฮ้ย! จริงอ่ะ” พี่หวานได้ยินแบบนั้นก็อุทานตาโตแบบสวย ๆ ออกมาทันที ขอ How to ตะลึงยังไงให้สวยไม่สร่างด้วยค่ะ
“เยส~ รู้แล้วเหยียบไว้นะเจ้” ฉันพยักหน้าบอก ที่จริงเรื่องราวชีวิตฉันเพื่อนและพี่ที่สนิทรู้กันดีค่ะแต่จะไม่รู้ว่าใครคือคนที่ทำร้ายจิตใจให้หนมบอบช้ำเท่านั้น มีแค่แจนเพื่อนหนมคนเดียวที่รู้ว่าคน ๆ นั้นคือไอ้บ้าที่ชื่อเควิน ไอ้คนหล่อที่ตัดสินผู้หญิงจากหน้าตาไม่ใช่จิตใจ!
“ไม่น่าเชื่อ ปกติเวลาเจอพี่เควินเขาก็น่ารักเฟรนลี่นะ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเคยพูดจาทำร้ายจิตใจใคร” พี่หวานพูดออกมาเบา ๆ แต่ทำให้ฉันเบ้ปากทันที
“เฟรนลี่แค่กับคนสวยน่ะสิคะ”
“อย่าคิดมากน่า เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้สวยขึ้นแล้วลองจีบพี่เขาไหมล่ะ” พี่หวานยิ้มให้ฉันแล้วก็เสนอแนะแนวทางทำให้น้องนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยค่ะ
“เฮ้อ! หนมไม่เอาผู้ชายเหยียดหน้าตามาทำพันธุ์หรอกค่ะพี่หวาน ถ้าน่ารักนิสัยดีแบบคุณพอร์ชอ่ะว่าไปอย่าง” ฉันบอกแล้วก็ไม่วายแซะแอนท์แซวไปถึงคุณพอร์ชเจ้านายสุดหล่อทูนหัวของพี่รหัส
“คุณพอร์ชก็เคยเลวไหมล่ะ คนเรามันเปลี่ยนกันได้” พี่หวานพูดขึ้นมา มันก็จริงอย่างที่พี่หวานพูด ฉันรับรู้เรื่องของพี่หวานมาเหมือนกันเพราะเราสนิทกันแต่มันก็ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะเปลี่ยนตัวเองได้
“ไม่เอาอ่ะหนมขี้เกียจไปเปลี่ยนใคร อีกอย่างที่คุณพอร์ชเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ก็เพราะคุณพอร์ชรักพี่หวานจริง แต่หนมว่าอย่างผู้ชายคนนั้นไม่รักใครจริงหรอกหนมฟันธง”
“แต่ตอนนั้นพี่เขาก็ยังไม่โตเท่าไหร่อาจจะพูดอะไรไม่คิดก็ได้ไง ตอนนี้ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“ไม่เอาแล้วพี่หวาน ไม่พูดถึงอีตานั่นแล้วค่ะซิส ออกไปแดนซ์กันดีกว่า หนมอยากแดนซ์ หนมช้ำใจที่รับช่อดอกไม้ไม่ได้” ฉันรีบตัดบททันทีเพราะไม่อยากพูดถึงอีตานั่นยิ่งพูดยิ่งโมโห แล้วอีกอย่างฉันกับอีตานั่นก็ไม่ได้อยู่ในสถานะของคนรู้จักกันด้วยซ้ำไม่รู้จะพูดถึงเยอะแยะทำไม
“ไม่ลองหน่อยเหรอ” พี่หวานหันมาพูดอีกทีถึงแม้ว่าฉันจะตัดบทและดันหลังเจ้แกให้เดินนำหน้าออกจากห้องก็เถอะ
“ลองอะไรคะ” ฉันถามเพราะเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเจ้แกนี่แหละเลยอยากรู้
“ก็ลองทำให้เขาสนใจไง สวยมาขนาดนี้จะไม่ลองแก้แค้นเหรอจ้ะ” โอเคเก็ตแล้วค่ะ เจ้หวานผู้มีความร้ายพอตัวหันมายิ้มให้ ที่จริงน้องก็อยากจะลองแหละแต่ยังคิดแผนดี ๆ ไม่ออกก็เลยไม่อยากพูดอะไรมากแต่เหมือนจะมีคนช่วยคิดแล้ว
“มีแผนเหรอคะ” ฉันลองถามหยั่งเชิง เหมือนหยั่งเชิงศัตรูยังไงยังงั้น ก็อย่างว่าพี่น้ำหวานของขนมก็ไม่ได้ธรรมดานะคะ เห็นสวยน่ารักใส ๆ แต่ความจริงร้ายและไม่ยอมคนเหมือนกัน
“ไม่มีจ้ะ” พี่หวานยิ้มให้แล้วก็ส่ายหน้า
“อ้าว! เห็นถามแล้วยิ้มร้าย ๆ หนมก็นึกว่ามี”
“ไม่มีหรอกแต่พี่ว่า...พี่เควินชอบผู้หญิงสวยเซ็กซี่ แล้วหนมตอนนี้ก็สวยเซ็กซี่พุ่งทะลุผู้หญิงทุกคนที่พี่เคยเห็นพี่เควินนัวมาเลยล่ะ ถ้าอยากเอาคืนก็อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวเฮียแกก็มาแรดใส่หนมเอง หนมก็เชิด ๆ เข้าไว้นะลูก” พี่หวานแนะนำมาซึ่งมันก็โอเคเลยค่ะ อาจจะไม่ได้มีแผนการอะไรแต่อย่างน้อยก็พอรู้จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“แล้วหนมต้องทำยังไงต่อถ้าอีตานั่นมาสนใจ” ฉันถามต่อด้วยความอยากรู้เพราะเริ่มนึกสนุกขึ้นมาแล้ว
“ไม่รู้” พี่หวานยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“เจ้~” ตกลงหนมจะพึ่งเจ้แกได้ไหมเนี่ย! -_-!
“เออน่า ก็เดี๋ยวค่อยคิดไง เอาขั้นแรกก่อนทำให้เขาสนใจเราให้ได้เดี๋ยวขั้นต่อไปมันก็มาเอง”
“เอางั้นเหรอคะ” ฉันถามแบบไม่ค่อยมั่นใจแล้ว ทำอะไรมันต้องมีขั้นตอนการดำเนินการสิ แต่เจ้แกให้ทำขั้นแรกโดยไม่มีขั้นตอนต่อไปแบบนี้หนมก็หวั่นอยู่
“เอาแบบนั้นแหละ รึจะไม่ โอกาสมาเจอกันไม่ได้มีบ่อย ๆ นะคะขนม” พี่หวานพูดขึ้นมาแล้วก็จ้องตาฉันเพื่อส่งพลังงานความร้ายให้
“โอเคค่ะ หนมจะพยายาม” ฉันรับคำพี่หวานแล้วก็จัดการขยับเสื้อให้ดูม ๆ มันดันขึ้นมาอีกนิดแล้วเชิดหน้าเดินไปยังบริเวณที่จัดงานทันที
...เอาล่ะเควิน เตรียมเป็นทาสรักที่อีหนมจะสลัดทิ้งซะดี ๆ !!!
-1ชั่วโมงต่อมา-
งานสนุกมาก~ ทุกอย่างเพอร์เฟ็คที่สุด ตอนนี้ฉันกำลังขยับตัวสวย ๆ แบบที่ชอบซ้อมเต้นหน้ากระจกเอาไว้ตกสายตาผู้เวลาไปเที่ยว สายตามองเวทีที่มีศิลปินกำลังเอ็นเตอร์เทนแขกในงานอยู่ ดีอ่ะอยากแต่งบ้าง ขอผัวรวย ๆ แบบเจ้ ๆ แกทีเถอะค่ะขนมจะได้จัดงานช้างไปเลย
ส่วนแผนที่วางไว้กับพี่หวานนั้นเหมือนจะเละค่ะฮ่า ๆๆ อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เพราะตั้งแต่เข้ามาในงาน after party ร่วมชั่วโมงแล้วนั้นน้องหนมก็ยังไม่เห็นผู้ชายที่อดีตหนมเคยกรี๊ดกร๊าดเรียกเขาว่าพี่เควิน~ เลยแม้แต่เงา
“บักห่านี่หายหัวไปไสวะ!” ฉันยกแก้วคอกเทลสีฟ้าขึ้นมาจิบแบบดัดจริตแล้วก็สบถคนเดียวเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิด อุตส่าห์จะแก้แค้นแต่ศัตรูหมายเลขหนึ่งดันไม่อยู่ในสนามรบ โอ๊ย! สูนคัก!*
#KANOM END
#KEVIN TALK
“เชี่ยวินมึงหายหัวไปไหนมา after party เริ่มเป็นชั่วโมงแล้วไอ้ห่า” ผมเดินตัวปลิวด้วยความอารมณ์ดีเข้ามาในงาน after party ที่มีเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่สนิทกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังแดนซ์กันอยู่ก็เจอไอ้แอลฟ่าผู้หลงเมียทักทายทันที
“เสือกครับ”
“เดินยิ้มอารมณ์ดีแบบนี้ไปล่อใครมาล่ะมึง” ไอ้แอลฟ่าถามผมนิ่ง ๆ แต่แม่งเมื่อไหร่จะเลิกนิสัยรู้ทันเพื่อนวะ กูเบื่อครับ กูเกลียดการโดนรู้ทัน
“จันจิ” ผมตอบมันไปแค่นั้นแล้วก็หยิบแก้วเตกีล่าจากพนักงานมาจิบพร้อมกับมองไปยังมุมหนึ่งของงาน
“เสร็จแล้ว?”
“เออ” ผมตอบมันแต่ก็ยังคงจ้องมองอยู่ที่เดิม จันจิที่ผมตอบไอ้แอลคือผู้หญิงที่สวยหวานน่ารัก เป็นเพื่อนของมินตราครับ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นเพื่อนที่สนิทระดับไหนเพิ่งเจอกันเมื่อตอนงานเริ่มเมื่อหัวค่ำนั่นแหละเลยไม่ได้ใส่ใจถามอะไรมากมาย ภายนอกแม่งโคตรหวานแต่พอได้ลองปลอกเปลือกออกบบกเลยว่าโคตรเด็ด
“กูเห็นเขาเรียบร้อยออกมึงไปทำท่าไหนถึงได้ โม้รึเปล่าไอ้วิน”
“หึ ๆๆ มึงจะลองไหมล่ะ” ผมขี้เกียจตอบมันครับ เพราะทำท่าไหนให้ได้ก็ช่างเถอะแต่กูได้แล้วละกันได้หลายท่าแถมได้ง่ายด้วยเลยตอบมันไปแบบนั้น ซึ่งไอ้แอลก็มองหน้าผมนิ่งตามสไตล์ โคตรหมั่นไส้เลยว่ะ เวลาอยู่ต่อหน้ามิลานคุยกับมิลานไม่เห็นมึงนิ่งแบบนี้ไอ้ห่า ทำตัวอ้อนยังกับแมวเสียประสาท
“เชิญมึงแดกเอดส์คนเดียว” ไอ้แอลฟ่าตอบผมมาซะผมอยากถีบมันตรงนี้เลยครับ ตอบกูเหมือนจำสันดานเก่าตัวเองไม่ได้เลย เคยเอาผู้หญิงคนเดียวกันกับกูกี่สิบคนครับ
“มึงก็เคยเสี่ยงเอดส์มาพร้อม ๆ กูครับ” ผมตอกกลับไปแต่ไอ้แอลฟ่าแค่มองด้วยหางตาแล้วก็หันไปยืนจ้องเมียมันที่กำลังออกลีลาอยู่ด้านหน้าเวทีตาไม่กระพริบ ถือเป็นการจบการสนทนาที่ไร้มารยาทฉิบหาย
ผมเลิกสนใจมันแล้วก็หันไปมองที่เดิมที่ผมมองตั้งแต่เข้ามาแล้ว สวยเซ็กซี่ทะลุปรอฉิบผู้หญิงบ้าอะไรวะ แต่นอกจากความเซ็กซี่ของเธอที่มันมีเยอะมาก ๆ แล้วก็ยังมีอะไรบางอย่างในตัวเธอที่ทำให้ผมสนใจครับ แต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร
แค่ได้มองหน้าแล้วก็คุยกันนิดหน่อยตอนออกไปเดินเล่นเมื่อหัวค่ำก็ทำผมสนใจแทบอยากกระโจนเข้าใส่ ไหนจะท่าทางหยิ่ง ๆ ที่เธอแสดงออกมาต่อหน้าผมอีก
มันไม่ใช่หยิ่งเชิดแบบเรียกร้องความสนใจต่อหน้าผู้ชายนะครับ ผู้หญิงคนนี้เชิดใส่ผมแบบแปลก ๆ ว่ะ ผมรู้สึกเหมือนเธอเกลียดผมยังไงก็ไม่รู้ทั้งที่ผมมั่นใจว่าเราไม่เคยเจอกันแน่นอนเพราะสวยขนาดนี้ถ้าผมเคยเจอคงไม่มีทางลืม
“ขนม” เสียงไอ้แอลฟ่าดังขึ้นมา เป็นห่าไรวะหิวขนมรึไงผมเลยหันไปมองหน้ามันด้วยความสงสัย แต่มันกลับไม่มองผม สายตามันมองไปทางที่ผมกำลังมองอยู่เมื่อกี้ต่างหาก
“ที่มึงมองอยู่ชื่อน้องขนม” มันพูดขึ้นเพื่อไขความกระจ่าง แล้วก็เบนสายตาไปจ้องมองเมียรักของมันเหมือนเดิม ไอ้เชี่ยกวนส้นตีน แต่ไม่เป็นไรครับอย่างน้อยก็ถือว่ามันมีประโยชน์อยู่หนึ่งเรื่อง
“ขนมเหรอ?”
“อืม”
“หึ ๆๆ อยากกินขนมว่ะ”
_________
*สูนคัก แปลว่า โมโหมาก