EP.9 ตัววุ่นวายที่แสนน่ารำคาญ
หญิงสาวก้มลงมองเสื้อผ้าในถุงแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด หัวใจที่แห้งเหี่ยวราวกับต้นไม้ขาดน้ำรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ และคาร์โลก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี
เธอต้องทำตัวดีๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่เขา
หญิงสาวหยิบชุดเดรสออกมาแล้วมองอย่างครุ่นคิด เธอรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเสื้อผ้าพวกนี้เลย แต่เธอก็ชอบ เพราะเสื้อผ้าพวกนี้ให้ความรู้สึกถึงการเป็นผู้หญิง และทำให้เธอดูอ่อนหวานขึ้นกว่าแต่ก่อน
‘แต่ก่อน’ งั้นหรือ...หญิงสาวนิ่วหน้าราวกับจะนึกอะไรออก แต่เมื่อปวดศีรษะขึ้นมาเธอจึงหยุดคิดแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ
“ใจเย็นๆ สิ สักวันเราต้องจำทุกอย่างได้อย่างแน่นอน” หญิงสาวปลอบใจตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ หวีผมยาวสลวยอย่างเบามือแล้วมัดรวบทั้งหมดเป็นทรงหางม้ายกสูงเอาไว้ด้านหลังอย่างคุ้นเคย แต่ที่ไม่คุ้นเคยก็คือ คราวนี้เธอใช้ริบบิ้นสีเดียวกับชุดเดรส เธอรู้สึกพอใจกับตนเองในรูปแบบนี้ไม่น้อย อันที่จริงมันคือเสื้อผ้าที่เธอโหยหาอยากใส่มาโดยตลอด แต่ไม่มีโอกาสได้ใส่ เพราะปกติเธอใส่แต่...
แต่อะไรนะ...หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น เมื่อคิดไม่ออกก็หมุนตัวออกจากห้องน้ำแล้วเดินลงไปรอคาร์โลที่ล็อบบีด้านล่าง ถ้าลงไปช้าเดี๋ยวผู้ชายหน้ายักษ์อาจจับเธอหักคอเอาได้
ทว่าหญิงสาวกลับต้องนั่งรออยู่ที่ล็อบบีของโรงพยาบาลเกือบสองชั่วโมงโดยไร้วี่แววของคาร์โล ทั้งที่นางพยาบาลบอกกับเธอว่าคาร์โลน่าจะมาถึงอีกราวๆ สิบนาทีนับจากที่นางพยาบาลคุยโทรศัพท์กับเขาครั้งสุดท้าย หัวใจที่พองโตเมื่อครู่ห่อเหี่ยวลงราวกับลูกโป่งถูกเข็มเจาะรูปล่อยอากาศออกให้ฟีบแบนลงอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดว่าเขาอาจเปลี่ยนใจไม่มารับเธอแล้วก็เป็นได้
เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบ แล้วก็ต้องกะพริบตาถี่ๆ เมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงสาวเท้าเร็วรี่ตรงเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางรีบร้อน หญิงสาวรีบวางแก้วน้ำแล้วลุกขึ้นยืนทันที
“คุณคาร์โล”
เพราะต้องคุยงานกับดราโก้ มือขวาที่เขาส่งไปเป็นตัวแทนเจรจาธุรกิจที่อเมริกา จึงทำให้มารับหญิงสาวที่สูญเสียความทรงจำช้ากว่าที่คิดไว้ถึงสองชั่วโมง แน่นอนว่าเจ้าหล่อนต้องโกรธ โมโห และประชดประชันอย่างผู้หญิงที่เขาเคยพบ ทว่าใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงดีใจยามเอ่ยเรียกเขา ทำให้ชายหนุ่มถึงกับชะงักด้วยความประหลาดใจ
ประกายตาของหญิงสาวสดใส เรือนร่างบอบบางสวมชุดสีเขียวใบตองอ่อน ขับให้ผิวขาวอย่างคนเอเชียยิ่งขาวนวลขึ้นไปอีก เดรสแขนตุ๊กตา ชายกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย รองเท้าสีขาวส้นเตี้ยมีเชือกเส้นเล็กๆ สำหรับพันรอบข้อเท้า ผมยาวผูกริบบิ้นสีเขียวตองอ่อนไว้ด้านหลัง ขับให้ใบหน้าหวานดูหวานยิ่งขึ้นไปอีก เธอดูน่ารักราวกับดอกเดซี่ในทุ่งหญ้าฤดูร้อน
“ฉันติดธุระนิดหน่อย ฉัน...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ” หญิงสาวพูดขัดขึ้นแล้วยิ้มกว้าง “คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ ฉันเสียอีกที่ต้องขอโทษคุณ ขอโทษ
นะคะที่ทำให้คุณต้องเสียเวลาทำงานมารับฉัน” หญิงสาวเสียงเศร้าในตอนท้าย แล้วก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้นถือว่าหายกัน มาเถอะ ฉันจะพาเธอไปที่บ้านพัก”
“ค่ะ”
หญิงสาวก้าวเท้าออกเดินตามชายหนุ่มไป แต่จู่ๆ บรุษพยาบาลก็เข็นเตียงผู้ป่วยผ่านมาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวหมุนตัวจะหลบแต่กลับเซล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดท่า
“เป็นอะไรหรือเปล่า” คาร์โลเดินกลับมาแล้วเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าแล้วพยายามจะลุกขึ้น ทว่ามือใหญ่กลับยื่นมาช่วยพยุง เธอมองมือตรงหน้าอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะส่งมือให้เขาแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน หญิงสาวก้มหน้างุด รู้สึกได้ถึงกระแสบางอย่างที่ไหลจากมือเขามายังมือเธอ มันคล้ายกับกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นปราดเข้ามา
“อย่าก้มหน้าเดิน เดี๋ยวก็ล้มอีกหรอก” สั่งเสียงเข้มราวกับระอาก่อนจะเดินนำไปที่รถ
“อะ...ค่ะ” หญิงสาวรู้สึกราวกับตนเองเงอะงะไปเสียหมด เธอรีบสาวเท้าเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องหงุดหงิดกับเธอไปมากกว่านี้
“เชิญ” คาร์โลเปิดประตูรถข้างคนขับให้หญิงสาว แม้ว่าหน้าตาเขาจะบูดบึ้ง กระนั้นเขาก็ยังมีมารยาทอย่างสุภาพบุรุษพึงปฏิบัติต่อสุภาพสตรี
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเดินผ่านเขาเข้าไปนั่งในรถ คนตัวโตจึงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูและกลิ่นคล้ายแป้งเด็กจากตัวหญิงสาว กลิ่นที่ไม่น่าจะปลุกอารมณ์ร้อนในตัวเขาได้เลย แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อไม่สามารถบังคับความต้องการของร่างกายได้
เขาควรจะมีอารมณ์ร่วมกับกลิ่นน้ำหอมชั้นเลิศที่ประพรมบนตัวนางแบบหุ่นเซ็กซี่ขยี้ใจ ไม่ใช่ผู้หญิงตัวเล็กหุ่นบอบบางทาแป้งเด็กแบบนี้!
“จำอะไรได้บ้างมั้ย นี่คือทางเข้าบ้านของฉัน ตรงนั้นคือจุดที่ฉันพบเธอนอนสลบอยู่” คาร์โลเอ่ยถามเมื่อชะลอรถให้ช้าลง ก่อนจะจอดยังจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลากลางวัน
หญิงสาวมองออกไปนอกกระจก ก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวลงไปนอกรถ ลมเย็นพัดชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเข่าแนบลู่ไปกับเรือนร่างบอบบาง ผมยาวที่มัดไว้ก็พลอยสะบัดไปตามแรงลมเช่นกัน เธอหยีตากลมโตลงอย่างไม่อาจสู้แสงแดดจ้า รอบกายเธอเต็มไปด้วยป่าสนสูงไม่ต่ำว่าสิบเมตร ใบสนไม่ได้เขียวจัด เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนๆ น่ามอง
ด้านล่างจากจุดที่เธอยืนอยู่มองเห็นทะเลสาบลูกาโนที่สะท้อนประกายแดดระยิบระยับ เมื่อมองสูงขึ้นไปในป่าสนก็เห็นบ้านไม้หลังขนาดกะทัดรัดแทรกตัวกลมกลืนไปกับต้นไม้ เพราะบนหลังคามีหญ้าขึ้นคลุมเอาไว้จนทั่ว หากมองลงมาจากบนท้องฟ้า บ้านหลังนี้ก็จะถูกบดบังจากสายตาอยากรู้อยากเห็นจากภายนอกได้เป็นอย่างดี
เธอรู้สึกชอบที่นี่ ชอบความสงบและเป็นส่วนตัว แต่หากต้องอยู่ที่นี่โดยลำพังยามค่ำคืนก็คงวังเวงน่าดู หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปแล้วสาวเท้าไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายตัวโต ที่น่าจะสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ในขณะที่เธอสูงแค่เพียงหนึ่งร้อยหกสิบสี่เซนติเมตรเท่านั้น ดังนั้นเมื่อยืนใกล้ๆ แบบนี้เธอจึงสูงแค่เพียงไหล่ของเขา
“จำไม่ได้เลยค่ะ” เธอหันไปหาชายหนุ่มแล้วตอบเขาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย หัวใจของคนตัวโตกระตุกนิดหน่อย แต่ก็ควบคุมอาการไว้ได้อย่างดี