ปภังกรเจ้าของตำแหน่งดาราชื่อดัง ซึ่งหญิงสาวทั้งหลายต่างมอบฐานะให้เขาอยู่ในตำแหน่ง ‘ชายหนุ่มน่ากอดแห่งปี’ มาหลายปีซ้อนกำลังเดินเข้าไปในบริษัทโลจิกส์รายใหญ่ของประเทศ
พนักงานทุกคนตั้งแต่ยามเฝ้าหน้าประตูไปจนถึงพนักงานต้อนรับต่างก็พากันโค้งทักทายเขาด้วยความนอบน้อม โดยที่ชายหนุ่มเพียงผงกศีรษะรับคำทักทายเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่พนักงานดูนอบน้อมกับเขามากเป็นพิเศษเพราะอันที่จริงชายหนุ่มเป็นทายาทเพียงคนเดียวของประธานบริษัท WA logistics และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้ามาเรียนรู้งาน เพราะเขาจะเข้ารับตำแหน่งแทนพ่อของเขาในไม่ช้า
เนื่องจากพ่อของเขาท่านอยากวางมือเรื่องธุรกิจเต็มทีแต่ติดตรงที่เขายังไม่สามารถมาทำงานตรงนี้แบบเต็มตัวได้ เพราะเขายังไม่หมดสัญญากับทางบริษัท ที่ป้อนทั้งงานนายแบบและนักแสดงให้เขา แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่เคยประกาศออกสื่อเรื่องที่ว่าเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของบริษัทที่ติดท็อปสิบของบริษัทที่รวยที่สุดในไทยก็ตาม
“ท่านประธานรออยู่บนห้องทำงานแล้วครับ” พนักงานหน้าลิฟต์เอ่ยบอกชายหนุ่ม เขาพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะเข้าไปแล้วกดตัวเลขชั้นที่คุ้นเคย รอเพียงครู่เดียวมันก็พาเขาขึ้นมาจนถึงชั้นที่ต้องการ เขาก้าวออกจากประตูลิฟต์ที่เปิดกว้างแล้วตรงไปยังห้องทำงานของประธานบริษัทหรือคุณพ่อของเขาในทันที
มือหนากดแสกนลายนิ้วมือเพื่อให้ประตูเปิดออก ภายในห้องยังคงเหมือนเดิมแทบทุกอย่างไม่ต่างจากครั้งล่าสุด ห้องที่มักจะมีแต่เฟอร์นิเจอร์สีเข้มเป็นส่วนประกอบ บานหน้าต่างประจกใสมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองหลวงได้เกือบรอบทิศทาง รวมถึงที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งมีร่างของชายวัยกลางคนนั่งอยู่ ทุกอย่างไม่เปลี่ยนไปเลย มีเพียงใบหน้าของท่านที่ดูโรยราไปตามกาลเวลา
“พ่อเรียกผมมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกไปทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอีกฝ่าย ผู้เป็นบิดาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารก่อนจะชี้ไปทางห้องซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันขณะเอ่ยบอกลูกชายเพียงคนเดียว “ห้องนั้นจะเป็นห้องทำงานของลูก พ่อเตรียมไว้ให้แล้ว...ถ้าต้องการเปลี่ยนตรงไหนก็สั่งได้เลย แต่ตอนนี้ช่วยพ่อดูเอกสารในห้องนั้นก่อน”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว”
“จินนี่แฟนเก่าของลูกเขาติดต่อมาหาพ่อขอให้ลูกรับสายเธอด้วย” พอได้ยินจากพ่อของเขา ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คนรักเก่าของเขาต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อให้เขาสนใจเลยหรือ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมากกว่าเดิม เพราะเธอกำลังล้ำเส้นเขาอยู่
“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ คุณพ่อไม่ต้องสนใจเธอหรอก บล็อกเบอร์เธอไปได้เลยครับ เพราะผมไม่อยากให้เธอโทรมารบกวนพ่ออีก” ชายหนุ่มบอกพ่อของเขาอย่างไร้ความรู้สึก
“ดี พ่อรู้ว่าลูกจัดการได้” ชายวัยกลางคนซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงกับดาราหนุ่มยืดหลังตรงขณะยิ้มเล็กน้อยให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ทำเอาคนอ่อนวัยกว่าหลายปีต้องเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ เขาไม่รู้เลยว่าพ่อของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะพ่อคือคนที่รู้จักเขาดีที่สุด แม้ว่าจะดูเหมือนท่านงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ท่านก็ส่งคนมาคอยตามดูแลเขาจนหลายครั้งก็อดที่จะอึดอัดไม่ได้
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาก้มศีรษะให้บิดาของตนก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้องโดยมีสายตาเป็นห่วงเป็นใยของคนในห้องมองตามจวบจนประตูอัตโนมัติปิดลง
ร่างสูงสง่าเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองซึ่งผู้เป็นพ่อจัดการทำไว้ให้ สายตาคมกวาดมองไปรอบห้องซึ่งโทนสีส่วนใหญ่ไม่ต่างจากห้องของท่านประธานบริษัท เพียงแต่เพิ่มสีขาวขึ้นมาบ้างเพื่อให้ดูสบายตาไม่มืดทึบจนเกินไป แน่นอนว่าเขาค่อนข้างถูกใจพอสมควร พ่อคงรู้ว่าเขาชอบโทนสีแนวนี้อยู่แล้ว เหลือเพียงนำภาพวาดที่เขาชอบมาติดที่ผนังเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ทำงานชายหนุ่มก็เลือกหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านเพื่อทำความเข้าใจก่อนเพื่อเซ็นอนุมัติ งานเอกสารไม่ใช่งานที่เขาถนัดเอาเสียเลยแต่ก็จำต้องทำเพื่อให้ธุรกิจของครอบครัวสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชายหนุ่มตรวจสอบเอกสารท่ามกลางความเงียบและท้องฟ้าภายนอกซึ่งเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งไฟในห้องเปิดขึ้นอัตโนมัติ เขาจึงหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่เมื่อมันเสร็จไปเกือบทั้งหมดแล้ว และเมื่อเงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาอีกทีก็ถึงเวลาหกโมงเย็นพอดี ได้เวลาออกไปหาอะไรทาน...ก่อนกลับคอนโด
เสียงรองเท้าส้นสูงย่ำน้ำหนักอย่างมั่นคงตรงมายังห้องทำงานของเขา ปภังกรเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ ขณะนิ่งฟังเสียงนั้นด้วยหัวใจสั่นรัวแม้จะฉาบทับด้วยสีหน้าเรียบเฉย...เขาย่อมจำได้ว่านั่นคือจังหวะการก้าวเดินของใคร จวบจนเสียงรองเท้านั่นหยุดลงตรงหน้าห้องเขาตามด้วยเสียงเคาะประตู เขานิ่งคิดอยู่นานเกือบนาทีแล้วจึงเอ่ยอนุญาตคนหน้าห้องให้เข้ามา
“เชิญครับ”
หญิงสาวคนนั้นเปิดประตูเข้ามาเผยให้เห็นใบหน้าสวยจัดแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงและชุดรัดรูปซึ่งรับกับรูปร่างของเธอได้เป็นอย่างดี ใช่เธอจริง ๆ ...อดีตคนรักของเขา
“พี่โฟมเป็นยังไงบ้างคะ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน” จินนี่เอ่ยทักขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่พยายามยิ้มแย้ม
“สบายดีครับ แล้วนึกยังไงถึงมาหาผมที่นี่...” เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่านอารมณ์ไม่ออกเพื่อปกปิดความรู้สึกของตัวเอง หญิงสาวระบายยิ้มเจือความเศร้าขณะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเขา