“ฉันบอกให้ไปจัดมาใหม่ก็ต้องจัดมาใหม่ เดี๋ยวนี้ด้วย ไปสิ ไป๊!”
ภาษาท้องถิ่นและเสียงโครมครามที่ดังมาจากด้านหลังคฤหาสน์ ทำให้ชายหนุ่มชาวอิตาลีในชุดสูทสีดำสนิทนั้นชะงักเท้า เขามองผ่านหน้าต่างจากโถงทางเดินเห็นหญิงสาวร่างโปร่งบางอ้อนแอ้น ปัดจานชามบนโต๊ะสลักลวดลายอ่อนช้อยสีขาวสะอาดลงกับพื้นหินอ่อนริมสระว่ายน้ำ
ข้างกันนั้น หญิงสาวร่างเล็กผอมในชุดยูนิฟอร์มสาวใช้กำลังเก็บจานชามและทำความสะอาดลนลาน ก่อนรีบวิ่งไปอีกทางทันที
“ไอแซค ทำอะไรอยู่ รีบมาเถอะ เดี๋ยวเจ้าสัวคอยนาน”
เสียงถามภาษาอังกฤษรัวเร็วนั้นดึงสายตาคมกริบให้หันกลับไปมองกลุ่มบอดิการ์ดที่เดินนำไปก่อนสองช่วงตัว เขาหันมองหญิงสาวอีกครั้ง เห็นเธอปัดผมอย่างหงุดหงิด ก่อนยกมือขึ้นกอดอก เธอสวมชุด เดรสสีขาวรัดรูปสั้นเหนือเข่า เผยให้เห็นช่วงขาเพรียวนวลเนียนและส่วนโค้งส่วนเว้างดงามไร้ที่ติ
เมื่อไล่สายตามามองท้ายทอยที่ถูกปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ยาวสยายถึงกลางหลัง ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ไอแซคโกกล้า ทุ่มหมดหน้าตักว่าชายหนุ่มทั้งแท่งที่ไหนได้เห็นต้องยอมสยบ ก็หันขวับกลับมามองสบตาเขาผ่านกระจกหน้าต่างและซี่ลูกกรงสีขาวทันควันเหมือนรู้ตัวว่าถูกจ้อง
ดวงตาเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อน... มีแววดุดันราวแม่เสือ
“ไอแซค”
“ครับ”
เขาตอบรับและเบือนหน้ากลับมามองตรง ก่อนก้าวเดินตามเพื่อนร่วมงานทั้งสี่คนไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์ เพียงไม่นาน สาวใช้ผู้นำทางก็พาพวกเขามาถึงห้องทำงานของเจ้าสัวที่ชั้นสอง
เจ้าสัวภพ สุชาครีย์ เป็นชายแก่ร่างสูงใหญ่และอวบจัดตามวัย เขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ภาพวาดเสือคำรามขนาดใหญ่เท่ากำแพงด้านหลังเจ้าสัวนั้นดูมีอำนาจ ไอแซคโกมองออกว่าเจ้าสัวหวังจะใช้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่
แต่ชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าเสือในภาพนั้นยังดูมีพลังยิ่งกว่าเจ้าของมันเสียอีก
“สวัสดีครับ เจ้าสัว คุณนาย”
เจมส์... หัวหน้าบอดิการ์ดเอ่ยภาษาไทยสำเนียงอเมริกันและ ก้มศีรษะให้เจ้าสัวภพ ก่อนหันไปก้มศีรษะทักหญิงวัยกลางคน ผู้สวมผ้าลูกไม้ฉลุลายซึ่งเงยหน้าจากนิตยสารบนตักมายิ้มทักอย่างมีไมตรี
“ใช้ภาษาอังกฤษที่คุณถนัดก็ได้นะ” ประกายแก้วเอ่ยบอกด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงดีเยี่ยมไร้ที่ติ ขณะปิดนิตยสารและวางลงบนโต๊ะไม้ข้างกาย “บ้านเราใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอยู่แล้ว ฉันเองไปอยู่กับลูกชายคนโตที่อเมริกาก็เกือบสิบปี ส่วนลูกสาวคนเล็กก็เพื่อนฝรั่งเขาเยอะ พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ บางทีฉันฟังก็เวียนหัว ไม่เข้าใจคำศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้เลย”
“ขอบคุณครับคุณนาย”
เจมส์ตอบด้วยภาษาที่ถนัดอย่างประหยัดถ้อยคำ
“คุณเตรียมคนมาตามรีเควสของผมแล้วใช่ไหม?” เจ้าสัวภพลุกเดินออกมาจากหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เมื่อเทียบกับชายชาวต่างชาติทั้งห้าคนในชุดสูทดำแล้ว เขายิ่งดูเตี้ยกว่าปกติจนต้องเงยหน้าคุย “รู้ใช่ไหมว่าผมอยากได้คนเก่งที่สุดในบรรดาพวกคุณคอยติดตาม? เพราะผมเป็นเป้าหมายหลักๆ ที่จะถูกเล่นงานง่าย ผมโชคดีที่ได้คุณพิชิตชัยแนะนำบริษัทของพวกคุณ เห็นว่าฝีมือดีกว่าบริษัทของคนไทยที่ผมดูๆ อยู่ หวังว่าจะเก่งสมคำคุยนะ”
ไอแซคโกเหลือบมองเจมส์นิดหนึ่ง เห็นเขาก้มศีรษะให้เจ้าสัวอย่างนอบน้อม แต่ร่างใหญ่โตของหนุ่มอเมริกันก็ยังสูงค้ำหัวเจ้าสัวอยู่ดี
“แน่นอนครับท่าน”
เจ้าสัวขยับแว่นสายตาขณะมองประเมินชายหนุ่มทั้งห้าที่ยืนเรียงกันกระทั่งมาสบตากับไอแซคโก แววเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขป่ากระหายเลือดนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ในใจ แต่ภายนอกนั้นเขายังยืนนิ่งหน้าตายประหนึ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“คนนี้ใช่ไหมคุณเจมส์ บอดิการ์ดของผม”
ไอแซคโกยืนตัวตรงนิ่งยิ่งขึ้นเมื่อปลายนิ้วอ้วนป้อมจิ้มมาที่อกหนา
“ไม่ใช่ครับ” เจมส์ตอบทันควัน ก่อนผายมือไปยังชายร่างใหญ่อดีตนักมวยปล้ำที่ยืนอยู่ข้างตน “ไมค์เป็นบอดิการ์ดที่ฝีมือดีที่สุดในทีมเราครับ”
เขาผายมือต่อไปยังชายไว้หนวดทรงพู่กันที่ดูเจ้าสำอางและเนี้ยบไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว
“นี่เฟรโด บอดิการ์ดที่สามารถถือถุงช้อปปิ้งให้คุณนายได้จำนวนมากโดยไม่ต้องเสียเวลาไปเก็บของในรถครับ” เจมส์ผายมือต่อไปยัง ชายหนุ่มร่างสันทัด กล้ามเป็นมัดจนเห็นได้ชัดแม้ใส่สูท “นี่เบน บอดิการ์ดที่เป็นคู่ซ้อมมวยกับคุณชายได้”
หัวหน้าบอดิการ์ดลดมือลงกุมมือตัวเองไว้ และรายงานโดยสายตาก้มมองพื้น
“ส่วนตรงหน้าท่านคือไอเซคโก... บอดิการ์ดที่จะไม่วุ่นวายกับชีวิตของคุณหนูตามคำสั่งคุณหนู แต่จะตามติดคุณหนูไม่ให้คลาดสายตาตามคำสั่งของท่านครับ”
เจ้าสัวภพหันมองไอเซคโกอีกครั้งอย่างเสียดายและมีแววเสียหน้านิดหน่อยที่เดาผิด เขาหันไปสั่งคนรับใช้ให้เรียกลูกชายลูกสาวของบ้านมาทำความรู้จักบอดิการ์ดคนใหม่ เพียงชั่วครู่ ชายหนุ่มหญิงสาวก็เดินเข้ามาในห้อง
ธัชธรรม์ สุชาครีย์ เป็นหนุ่มฉกรรจ์อายุรุ่นราวคราวเดียวกับไอแซคโก เขาตัวใหญ่ แต่เตี้ยตันเหมือนเจ้าสัว มัดกล้ามที่เห็นได้ชัดในเสื้อยืดทีเชิ้ตนั้นบ่งบอกว่าออกกำลังกายเป็นประจำ เขามีดวงตาเรียววาวแฝงความหยิ่งผยองในสีหน้า ทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกเป็นประหนึ่งโคลนนิ่งของเจ้าสัวที่อายุน้อยกว่าร่างต้นสักสามสิบปี
ส่วนหญิงสาวที่เดินตามหลังพี่ชายมานั้น เธอสูงโปร่งกว่า ดูเหมือนจะสูงที่สุดในบ้าน ไอแซคโกคะเนว่าเธอน่าจะสูงราวๆ ห้าฟุตกับอีกไม่เกินเก้านิ้ว เธอคือสาวสวยในชุดเดรสสีขาวที่ไอแซคโกเห็นจากทางกระจกหน้าต่างตอนเดินเข้ามา
เธอคือ...
พุดพิชญา สุชาครีย์
ผู้หญิงที่เขาต้องการให้เธอตกนรกทั้งเป็น!!!
พุดพิชญาหยิบตุ้มหูไพลินล้อมเพชรขึ้นสวมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเรียบร้อยก็สำรวจตัวเองในกระจกนิดหนึ่ง ก่อนหยิบกระเป๋าชาแนลมาสะพายบ่าและหมุนตัวเดินออกจากห้อง เมื่อประตูถูกดึงเปิดออก เธอก็ได้เห็นบอดิการ์ดหนุ่มยืนตัวตรงเหมือนรูปปั้นอยู่หน้าห้องเธอดุจดังเดิมเหมือนเมื่อคืนก่อนเธอเข้านอน ใบหน้าคมสันที่ปกติสะอาดสะอ้านตอนนี้มีไรหนวดไรเครารกครึ้มอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ สายแล้ว... คงไม่มีเวลาพอให้เขาไปแปรงฟันหรือโกนหนวดให้เรียบร้อยเพื่อตามเธอไปออฟฟิศเหมือนทุกวัน
“วันนี้ไม่ต้องตามฉันไปนะ”