Prologue

1244 คำ
“ฉันบอกให้ไปจัดมาใหม่ก็ต้องจัดมาใหม่ เดี๋ยวนี้ด้วย ไปสิ ไป๊!” ภาษาท้องถิ่นและเสียงโครมครามที่ดังมาจากด้านหลังคฤหาสน์ ทำให้ชายหนุ่มชาวอิตาลีในชุดสูทสีดำสนิทนั้นชะงักเท้า เขามองผ่านหน้าต่างจากโถงทางเดินเห็นหญิงสาวร่างโปร่งบางอ้อนแอ้น ปัดจานชามบนโต๊ะสลักลวดลายอ่อนช้อยสีขาวสะอาดลงกับพื้นหินอ่อนริมสระว่ายน้ำ ข้างกันนั้น หญิงสาวร่างเล็กผอมในชุดยูนิฟอร์มสาวใช้กำลังเก็บจานชามและทำความสะอาดลนลาน ก่อนรีบวิ่งไปอีกทางทันที “ไอแซค ทำอะไรอยู่ รีบมาเถอะ เดี๋ยวเจ้าสัวคอยนาน” เสียงถามภาษาอังกฤษรัวเร็วนั้นดึงสายตาคมกริบให้หันกลับไปมองกลุ่มบอดิการ์ดที่เดินนำไปก่อนสองช่วงตัว เขาหันมองหญิงสาวอีกครั้ง เห็นเธอปัดผมอย่างหงุดหงิด ก่อนยกมือขึ้นกอดอก เธอสวมชุด เดรสสีขาวรัดรูปสั้นเหนือเข่า เผยให้เห็นช่วงขาเพรียวนวลเนียนและส่วนโค้งส่วนเว้างดงามไร้ที่ติ เมื่อไล่สายตามามองท้ายทอยที่ถูกปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลไหม้ยาวสยายถึงกลางหลัง ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ไอแซคโกกล้า ทุ่มหมดหน้าตักว่าชายหนุ่มทั้งแท่งที่ไหนได้เห็นต้องยอมสยบ ก็หันขวับกลับมามองสบตาเขาผ่านกระจกหน้าต่างและซี่ลูกกรงสีขาวทันควันเหมือนรู้ตัวว่าถูกจ้อง ดวงตาเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อน... มีแววดุดันราวแม่เสือ “ไอแซค” “ครับ” เขาตอบรับและเบือนหน้ากลับมามองตรง ก่อนก้าวเดินตามเพื่อนร่วมงานทั้งสี่คนไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์ เพียงไม่นาน สาวใช้ผู้นำทางก็พาพวกเขามาถึงห้องทำงานของเจ้าสัวที่ชั้นสอง เจ้าสัวภพ สุชาครีย์ เป็นชายแก่ร่างสูงใหญ่และอวบจัดตามวัย เขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ภาพวาดเสือคำรามขนาดใหญ่เท่ากำแพงด้านหลังเจ้าสัวนั้นดูมีอำนาจ ไอแซคโกมองออกว่าเจ้าสัวหวังจะใช้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ แต่ชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าเสือในภาพนั้นยังดูมีพลังยิ่งกว่าเจ้าของมันเสียอีก “สวัสดีครับ เจ้าสัว คุณนาย” เจมส์... หัวหน้าบอดิการ์ดเอ่ยภาษาไทยสำเนียงอเมริกันและ ก้มศีรษะให้เจ้าสัวภพ ก่อนหันไปก้มศีรษะทักหญิงวัยกลางคน ผู้สวมผ้าลูกไม้ฉลุลายซึ่งเงยหน้าจากนิตยสารบนตักมายิ้มทักอย่างมีไมตรี “ใช้ภาษาอังกฤษที่คุณถนัดก็ได้นะ” ประกายแก้วเอ่ยบอกด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงดีเยี่ยมไร้ที่ติ ขณะปิดนิตยสารและวางลงบนโต๊ะไม้ข้างกาย “บ้านเราใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอยู่แล้ว ฉันเองไปอยู่กับลูกชายคนโตที่อเมริกาก็เกือบสิบปี ส่วนลูกสาวคนเล็กก็เพื่อนฝรั่งเขาเยอะ พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ บางทีฉันฟังก็เวียนหัว ไม่เข้าใจคำศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้เลย” “ขอบคุณครับคุณนาย” เจมส์ตอบด้วยภาษาที่ถนัดอย่างประหยัดถ้อยคำ “คุณเตรียมคนมาตามรีเควสของผมแล้วใช่ไหม?” เจ้าสัวภพลุกเดินออกมาจากหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เมื่อเทียบกับชายชาวต่างชาติทั้งห้าคนในชุดสูทดำแล้ว เขายิ่งดูเตี้ยกว่าปกติจนต้องเงยหน้าคุย “รู้ใช่ไหมว่าผมอยากได้คนเก่งที่สุดในบรรดาพวกคุณคอยติดตาม? เพราะผมเป็นเป้าหมายหลักๆ ที่จะถูกเล่นงานง่าย ผมโชคดีที่ได้คุณพิชิตชัยแนะนำบริษัทของพวกคุณ เห็นว่าฝีมือดีกว่าบริษัทของคนไทยที่ผมดูๆ อยู่ หวังว่าจะเก่งสมคำคุยนะ” ไอแซคโกเหลือบมองเจมส์นิดหนึ่ง เห็นเขาก้มศีรษะให้เจ้าสัวอย่างนอบน้อม แต่ร่างใหญ่โตของหนุ่มอเมริกันก็ยังสูงค้ำหัวเจ้าสัวอยู่ดี “แน่นอนครับท่าน” เจ้าสัวขยับแว่นสายตาขณะมองประเมินชายหนุ่มทั้งห้าที่ยืนเรียงกันกระทั่งมาสบตากับไอแซคโก แววเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขป่ากระหายเลือดนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ในใจ แต่ภายนอกนั้นเขายังยืนนิ่งหน้าตายประหนึ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว “คนนี้ใช่ไหมคุณเจมส์ บอดิการ์ดของผม” ไอแซคโกยืนตัวตรงนิ่งยิ่งขึ้นเมื่อปลายนิ้วอ้วนป้อมจิ้มมาที่อกหนา “ไม่ใช่ครับ” เจมส์ตอบทันควัน ก่อนผายมือไปยังชายร่างใหญ่อดีตนักมวยปล้ำที่ยืนอยู่ข้างตน “ไมค์เป็นบอดิการ์ดที่ฝีมือดีที่สุดในทีมเราครับ” เขาผายมือต่อไปยังชายไว้หนวดทรงพู่กันที่ดูเจ้าสำอางและเนี้ยบไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว “นี่เฟรโด บอดิการ์ดที่สามารถถือถุงช้อปปิ้งให้คุณนายได้จำนวนมากโดยไม่ต้องเสียเวลาไปเก็บของในรถครับ” เจมส์ผายมือต่อไปยัง ชายหนุ่มร่างสันทัด กล้ามเป็นมัดจนเห็นได้ชัดแม้ใส่สูท “นี่เบน บอดิการ์ดที่เป็นคู่ซ้อมมวยกับคุณชายได้” หัวหน้าบอดิการ์ดลดมือลงกุมมือตัวเองไว้ และรายงานโดยสายตาก้มมองพื้น “ส่วนตรงหน้าท่านคือไอเซคโก... บอดิการ์ดที่จะไม่วุ่นวายกับชีวิตของคุณหนูตามคำสั่งคุณหนู แต่จะตามติดคุณหนูไม่ให้คลาดสายตาตามคำสั่งของท่านครับ” เจ้าสัวภพหันมองไอเซคโกอีกครั้งอย่างเสียดายและมีแววเสียหน้านิดหน่อยที่เดาผิด เขาหันไปสั่งคนรับใช้ให้เรียกลูกชายลูกสาวของบ้านมาทำความรู้จักบอดิการ์ดคนใหม่ เพียงชั่วครู่ ชายหนุ่มหญิงสาวก็เดินเข้ามาในห้อง ธัชธรรม์ สุชาครีย์ เป็นหนุ่มฉกรรจ์อายุรุ่นราวคราวเดียวกับไอแซคโก เขาตัวใหญ่ แต่เตี้ยตันเหมือนเจ้าสัว มัดกล้ามที่เห็นได้ชัดในเสื้อยืดทีเชิ้ตนั้นบ่งบอกว่าออกกำลังกายเป็นประจำ เขามีดวงตาเรียววาวแฝงความหยิ่งผยองในสีหน้า ทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิกเป็นประหนึ่งโคลนนิ่งของเจ้าสัวที่อายุน้อยกว่าร่างต้นสักสามสิบปี ส่วนหญิงสาวที่เดินตามหลังพี่ชายมานั้น เธอสูงโปร่งกว่า ดูเหมือนจะสูงที่สุดในบ้าน ไอแซคโกคะเนว่าเธอน่าจะสูงราวๆ ห้าฟุตกับอีกไม่เกินเก้านิ้ว เธอคือสาวสวยในชุดเดรสสีขาวที่ไอแซคโกเห็นจากทางกระจกหน้าต่างตอนเดินเข้ามา เธอคือ... พุดพิชญา สุชาครีย์ ผู้หญิงที่เขาต้องการให้เธอตกนรกทั้งเป็น!!! พุดพิชญาหยิบตุ้มหูไพลินล้อมเพชรขึ้นสวมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเรียบร้อยก็สำรวจตัวเองในกระจกนิดหนึ่ง ก่อนหยิบกระเป๋าชาแนลมาสะพายบ่าและหมุนตัวเดินออกจากห้อง เมื่อประตูถูกดึงเปิดออก เธอก็ได้เห็นบอดิการ์ดหนุ่มยืนตัวตรงเหมือนรูปปั้นอยู่หน้าห้องเธอดุจดังเดิมเหมือนเมื่อคืนก่อนเธอเข้านอน ใบหน้าคมสันที่ปกติสะอาดสะอ้านตอนนี้มีไรหนวดไรเครารกครึ้มอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวยกมือขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ สายแล้ว... คงไม่มีเวลาพอให้เขาไปแปรงฟันหรือโกนหนวดให้เรียบร้อยเพื่อตามเธอไปออฟฟิศเหมือนทุกวัน “วันนี้ไม่ต้องตามฉันไปนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม