ฮุยกูเหนียง 10

1498 คำ
หลังจากที่ฉีเทียนเหล่ยสั่งการให้ทหารไปสืบหาข้อมูลที่ตนเองต้องการ ทหารเหล่านั้นกลับมารายงานในยามเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทำให้เขาได้ทราบว่าหญิงสาวที่ตนเองตามหาอยู่เพียงแค่ปลายจมูกเขา เพราะนางอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ เพียงแต่เขาจะหานางได้ที่ไหนเล่า ฉีเทียนเหล่ยขมวดคิ้วทันที เขาคงไม่บ้าให้สาวใดแก้ผ้าอวดบั้นท้ายหรอก “เรียกเถ้าแก่เนี๊ยมาพบข้า ให้นางมาคนเดียว” คำสั่งเรียบหากแต่แฝงอำนาจอยู่ในที “ขอรับ” ทหารนายหนึ่งรับคำสั่งและรีบตรงไปด้านล่าง เพื่อไปบอกคนของร้านให้ตามเถ้าแก่เนี๊ยมาพบนายของตน “เรียนชินอ๋อง ข้าน้อยว่าสาวน้อยเมื่อคืนที่อยู่กับท่านอ๋องก็มีสิทธิ์เป็นไปได้นะขอรับ” เซียวหรูเอ่ยแสดงความคิดของตน ทำให้ฉีเทียนเหล่ยคิดตาม “อืม ทุกคนในที่นี่ย่อมมีสิทธิ์เป็นคู่หมายข้าด้วยกันทั้งนั้น มีทางเดียวคงต้องเป็นข้าพิสูจน์” หลังพูดจบไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น ฉีเทียนเหล่ยนั่งจิบชาไปเรื่อยๆ ผ่านไปราวสองเค่อ เถ้าแก่เนี๊ยเดินนวยนาดเข้ามาในห้องพักโดยมีทหารนายนั้นเป็นคนเดินนำทางมา “เรียนนายท่าน เถ้าแก่เนี้ยจูชุนลี่มาแล้วขอรับ” “ข้าน้อยจูชุนลี่ คารวะคุณชาย มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือเจ้าคะ” ฉีเทียนเหล่ย เหลือบมองเจ้าของหอผ่านดวงตาที่ถูกปิดบังจากถ้วยชาอีกฝ่ายที่ถูกประเมินจึงไม่รู้ว่านางถูกประเมินเข้าเสียแล้ว ฉีเทียนเหล่ยวางถ้วยชาลงส่งสัญญาณให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป เหลือไว้เพียงเขา เซียวหรูและตงเหลียนซึ่งยืนขนาบเขาด้านหลังซ้ายขวาเท่านั้น การกระทำของเขาทำให้จูชุนลี่กลัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ยังทำใจดีสู้เสือ “ข้าน้อยจะสั่งให้คนนำอาหารมาส่งให้ดีหรือไม่เจ้าคะ” นางยังคงพูดจาอ่อนหวานกับลูกค้ารายใหญ่ ฉีเทียนเหล่ยมองนางตรงๆ หนึ่งครั้งก่อนจะหันไปมองเซียวหรูครั้งหนึ่ง ชายที่ยืนด้านหลังรู้ทันทีว่าตนต้องทำอย่างไร “เรียนเถ้าแก่เนี๊ย คุณชายของข้ากำลังตามหาบุตรสาวของสหายบิดา ได้ข่าวว่าทั้งมารดาและบุตรสาวได้ย้ายมาอยู่ที่แคว้นนี้ ไม่ทราบว่าเมื่อประมาณสิบปีก่อน หรืออาจจะนานกว่านั้น มีสองแม่ลูกคู่ไหนมาอาศัยอยู่ที่แคว้นนี้บ้างหรือไม่” เซียวหรูเอ่ยถามเสียงเรียบ เขายังไม่ทิ้งมาดบุรุษผู้อ่อนน้อม ด้านจูชุนลี่ได้ฟังคำของเซียวหรูสีหน้าปรากฏแววตระหนกเพียงแวบหนึ่งก่อนกลับมาปกติดังเดิม นางเอ่ย “แหม คุณชายล่ะก็ ข้าน้อยเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ จะรู้ได้ยังไงเล่าเจ้าคะ" “เช่นนั้นหรือ แล้วเถ้าแก่เนี๊ยพอจะทราบหรือไม่ว่า พวกข้าจะถามใครได้บ้าง บิดาของคุณชายข้าได้ตั้งรางวัลให้กับคนที่บอกเบาะแสเสียด้วยสิ” เพียงแค่เซียวหรูเอ่ยว่ามีค่าตอบแทนจูชุนลี่ถึงกลับตาโตราวไข่ห่าน “มีค่าตอบแทนด้วยหรือเจ้าคะ สักเท่าไหร่สำหรับค่าตอบแทนน่ะเจ้าคะ" “ไม่มากหรอกเถ้าแก่เนี๊ย แค่ห้าสิบตำลึงทองสำหรับคนที่บอกเบาะแส และหากรู้ว่าตระกูลใดช่วยดูแลสองแม่ลูกไว้จะมอบให้อีกห้าร้อยตำลึงทอง” “ห๊า! มากขนาดนั้นเชียวหรือเจ้าคะ” นางแทบจะไม่เชื่อหูตนเอง ทั้งยังแอบคำนวณตัวเงินในใจนั่นไม่เท่ากับว่า... รวย! คนได้เงินจำนวนนี้ไปต้องรวยในชั่วข้ามคืน ในใจอดคิดไม่ได้ว่าจะใช่หลินโคว่เอ๋อหรือไม่ เพราะจำได้ว่านางกับมารดามาขออาศัยอยู่ที่ร้านของตนเมื่อสิบสี่ปีก่อน และช่วงนั้นนางก็เพิ่งจะเปิดร้านเล็กๆ ดีที่สองแม่ลูกมาขออาศัยอยู่กับนางและช่วยงานที่ร้านจนสามารถขยับขยายกิจการเปิดหอนางโลมแห่งนี้ได้เพราะหัวคิดของแม่โคว่เอ๋อ แต่ไม่กี่ปีต่อมานางเกิดมาป่วยหนัก หาหมอมารักษาจนเงินเก็บแทบจะหมดลง ใครใช้ให้นางป่วยและใครใช้ให้ตัวจูชุนลี่กลัวความยากจนกันเล่า นางเคยอดอยากมาก่อน เงินที่นางอุตส่าห์เก็บมาตั้งนานต้องมารักษาแม่ของโคว่เอ๋อ หึ! แน่นอน หากเป็นโคว่เอ๋อนางมีเบาะแส นางให้การช่วยเหลือแต่สองแม่ลูกยังใช้หนี้ที่นางควักเงินรักษาอาการป่วยเรื้อรังจนเกือบจะหมดตัว มันมากกว่าเงินค่าตอบแทนเสียอีกเมื่อคิดได้ดังนั้นจูชุนลี่จึงตอบกลับไป “ข้านึกออกพอดีเลยเจ้าค่ะ มีแม่ลูกมาขออาศัยอยู่กับข้าเมื่อสิบสี่ปีก่อน แต่เสียดายนักตอนที่ทั้งคู่มาขออาศัยอยู่กับข้า สองแม่ลูกก็ป่วยหนักเพราะต้องลมหนาวจากหิมะที่ตกหนัก ข้าช่วยเอาไว้ ไม่นานลูกของนางก็เสียไปก่อน และอีกหนึ่งปีให้หลัง นางจึงตายตามบุตรีของนาง ตอนนั้นข้าไม่รู้จะทำอย่างไรก็นำศพไปฝังแล้วเจ้าค่ะ” เงินรางวัลนางต้องได้ ส่วนนางโคว่เอ๋อก็ต้องอยู่กับนางเช่นกัน “เช่นนั้นหรอกรึ แล้วศพทั้งสองเถ้าแก่เนี๊ยนำไปฝังที่ใด ช่วยพาคนของข้าไปดูได้หรือไม่” เซียวหรูเอ่ยถามพร้อมสังเกตใบหน้าเพื่อจับพิรุธ ดูก็รู้ได้ทันทีว่านางนั้นเป็นคนเช่นไร “อ่ะ... เอ่อ... ศพมารดาและบุตรสาวมีคนมาล้างสุสานและเผากระดูกทำพิธีไปแล้วเจ้าคะ ท่านไปถามใคร ๆ ในหมู่บ้านก็ได้นะเจ้าคะ ว่าเมื่อสามปีก่อน มีนักบวชท่านหนึ่งมาทำพิธีให้กับหมู่บ้าน เพื่อส่งวิญญาณเร่รอนให้ไปผุดไปเกิด” นางอ้างเรื่องราวของการทำบุญหมู่บ้านเมื่อสามปีก่อนออกมาเป็นข้ออ้าง หากจะไล่ถามใครย่อมต้องรู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น “เช่นนั้นข้าขอบคุณเถ้าแก่เนี๊ยมากที่ให้เบาะแส” “เอ่อ.. แล้ว... แล้วรางวัลเล่าเจ้าคะ จะให้ข้าเมื่อไหร่” นางถามออกมาในที่สุด “เถ้าแก่เนี๊ยอย่าได้กังวลใจไป รอให้คนของคุณชายตามสืบก่อนเถิด หากเรื่องที่ท่านเล่ามาเป็นความจริง เงินรางวัลข้าจะให้คนนำไปมอบให้กับท่านเอง” เซียวหรูตอบใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม “อ๋อ...ได้ๆ ๆ เจ้าค่ะ.เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ประเดี๋ยวข้าให้คนนำของว่างมาให้นะเจ้าคะ” จูชุนลี่เอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนหมุนกายออกไป เมื่อเห็นว่าผู้รู้เบาะแสออกไปแล้ว เซียวหรูก็โน้มกายพูดเบาๆ “ชินอ๋องขอรับ ให้ข้าน้อยส่งคนไปสืบต่อหรือไม่ขอรับ” “ไม่ต้อง เรื่องทำบุญในหมู่บ้าน นางคงไม่โกหกเป็นแน่ มิฉะนั้นนางคงไม่กล้าท้าทายให้สืบ แต่เรื่องอื่นนางโป้ปด” “แล้วชินอ๋องจะทำอย่างไงขอรับ” “สืบ... อย่าให้มีพิรุธ คืนนี้ส่งคนไปดู ข้าต้องการรู้ภายในคืนนี้เท่านั้น” “ขอรับ” ทั้งตงเหลียนและเซียวหรูต่างน้อมรับคำสั่ง ทั้งคู่เดินตรงออกไปนอกห้อง ระหว่างนั้นก็มีเสี่ยวเอ้อร์ผู้หนึ่งเดินขึ้นมาพร้อมอาหารว่างให้กับเขา ฉีเทียนเหล่ยมองหน้าชายร่างผอมแต่ท่าทางคล่องแคล่ว ว่องไว เขาจึงเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร” “เอ่อ... ข้าน้อยสือเถาขอรับ” “เจ้าทำงานที่นี่นานแล้วรึ” “ขอรับ” “ข้าขอถาม เมื่อคืนหญิงร่างเล็กที่เก็บกวาดร้านนี่คือแม่นางเหมยซาน?” “เอ่อ...” สือเถาอึกอักไม่กล้าตอบ ฉีเทียนเหล่ยโยนเงินหนึ่งก้อนให้เขามองหน้าอีกฝ่ายพลันรีบโบกมือไม่รับ “ไม่ได้หรอกขอรับ ข้าน้อยรับไม่ได้” เขาฟังคำแล้วก็เอ่ยวาจาเรียบแต่แฝงความเยือกเย็นในน้ำเสียง “รับไปแล้วบอกข้า” สือเถาแค่สบนัยน์ตากอปรกับน้ำเสียง ในใจรู้สึกอึดอัดรู้สึกกริ่งเกรงอีกฝ่าย สุดท้ายจึงเปิดปากพูดออกมา “เอ่อ... เมื่อคืนนั่นคือโคว่เอ๋อขอรับ ไม่ใช่เหมยซาน แม่นางเหมยซานลางานไม่ได้มาแสดงหรอกขอรับ แต่... แต่ว่าคุณชายอย่าบอกเถ้าแก่เนี๊ยนะว่ารู้มาจากข้าน้อย ไม่เช่นนั้นนางต้องหักเงินข้าน้อยหมดแน่ๆ แค่นี้ข้าน้อยก็จะไม่เหลือสักอีแปะแล้ว” “ข้าอยากรู้เรื่องของเหมยซานและโคว่เอ๋อ เจ้าเล่าให้ฟังได้ไหม” เขาโยนเงินถุงหนึ่งในนั้นบรรจุเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้พร้อมจ้องหน้าสือเถาด้วยสายตาคมกริบราวกับคมมีด จนสือเถาพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม