เรียกน้ำย่อย...

1255 คำ
"ยัยหม้อแกง หม้อแกง หม้อแกงโว้ย!" เสียงตะโกนของเพื่อนรักดังขึ้นใกล้ใบหู หญิงสาวเอามือปิดไว้แทบไม่ทัน เนื่องจากว่าเสียงแหลมตะโกนโหวกเหวกใส่ จนรู้สึกสะดุ้งตกใจ เรียกภาษาปกติก็ได้ไหมล่ะ เธอก็ไม่ได้หูหนวกสักหน่อย "อะไรของแกเนี่ย เสียงดังอะไรขนาดนั้น แล้วมีอะไรล่ะ" หม้อแกงเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด รู้สึกว่าตอนนี้เริ่มอารมณ์เสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับหนุ่มหล่อ เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาโยธา ผู้ชายคนนั้นเขาชื่อปอร์เช่ เธอแอบชอบเขามานานตั้งแต่เรียนอยู่ปี 2 แต่ด้วยลุกสาวเนิร์ดของเจ้าหล่อนที่แม้แต่หมาสักตัวยังไม่ชายตาแลมอง ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น "แกจ้องมันจนจะเกินกินไปทั้งตัวเลยนะยะ มองขนาดนั้นจับทำผัวเลยดีไหม" ยัยเพนตี้เพื่อนร่วมคณะของเธอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทมากอีกคน แต่ไม่น่ามาคบกันได้หรอก คนนึงดีกรีดาวคณะมนุษยศาสตร์ สวยมากถ้าเทียบกับเธอถือว่าห่างกันโขเลย "ก็ฉันชอบอยากมองนี่นา มันผิดมากเลยหรือไง" หญิงสาวเอ่ยถามออกไปตามตรง การที่เราชอบใครสักคนก็อยากที่จะมองเขาให้นานที่สุด มันผิดมากนักหรือยังไง "เฮ้อ! เลิกชอบมันเถอะยัยหม้อแกงเอ้ย มันไม่สนใจแกเลยสักนิด หยิ่งก็หยิ่ง มีตรงไหนที่มันน่าชอบล่ะ" และเมื่อเพื่อนสาวพูดออกมาแบบนั้นเธอก็คล้อยตามคำพูด มันก็จริงอย่างที่ว่าแหละ เธอพยายามยิ้มให้เขาอยู่ตลอด แต่ทว่าชายหนุ่มกลับทำเหมือนไม่สนใจ เดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี ก็ใช่สิเรามันไม่สวยนี่ ใส่แว่นหนาเตอะ หน้าตาเฉิ่มเบ๊อะ จะมีดีหน่อยก็ตรงที่เรียนเก่งมาก จบไปเกียรตินิยมอันดับ 1 แน่นอน ถือว่าน่าภูมิใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน "เอาเถอะได้แค่มองก็พอแล้วแหละ ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรเยอะเลย คนเราจะรักใครสักคน แค่ได้แอบรักก็พอแล้วนี่ ไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้คบหรอก" ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเธอ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คบกับเขาหรอก อีกอย่างผู้หญิงที่ปอร์เช่ควงแต่ละคนนั้น แค่หน้าอกหน้าใจเธอก็สู้ไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น โดยเฉพาะสาวเฉิ่มแบบเธอไม่ใช่สเปคหรอก "แล้วแต่แกเหอะ ป่ะ! ไปเรียนกันได้แล้ว วันนี้อาจารย์สอบสนทนาด้วย เดี๋ยวสายอีก" เมื่อเพนตี้พูดจบก็ถือกระเป๋าขึ้นมาไว้ในมือ ก่อนจะลากคอเพื่อนรักพาไปยังตึกเรียนทันที ย้ำเลยนะว่าลาก... หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เดินตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราสองคนเรียนอยู่สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัย NRU ที่บ้านเปิดร้านขนมไทย ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าชื่อนี้ได้มาจากไหน แล้ววันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก เข้าเรียนตอน 10 โมงเช้า แต่เธอชอบมาเช้ากว่าปกติ เพราะว่ามานั่งดูผู้ชายที่ชอบรับน้องที่หน้าตึกคณะวิศวะ พอนึกถึงเขาทีไรหัวใจมันก็เต้น รู้สึกเขินจนตัวบิด "แกมโนอะไรอยู่ยัยหม้อแกง" เสียงแหลมทำลายฝันอันแสนหวานของเธอ เหมือนกำลังหลับตามองเห็นภาพอันสวยงาม แต่ทว่าถูกบางสิ่งบางอย่างปามา และมันแตกสลายลงตรงหน้า หญิงสาวเกือบสายตาหันไปมองเพื่อนสนิท ก่อนจะเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ "แกนี่มันมารขัดขวางความสุขในจินตนาการของฉันจริง ๆ เลยนะ นี่แหนะ!" หม้อแกงหยิบปากกาไปตีหัวเพื่อนหลายที จนเพนตี้ร้องลั่นหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานเต็มห้องเรียน "โอ๊ยยัยบ้า หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย" เพนตี้ยื่นมือมาตีเพื่อนสนิทคืน สู้รบกันอยู่แบบนั้นจนอาจารย์เดินเข้ามา ทั้งสองคนจึงรีบวิ่งไปนั่งลงที่โต๊ะ ไม่อย่างนั้นจะโดนลงโทษเอาได้ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ตั้งใจเรียนหนังสือ ตั้งใจสอบตามที่อาจารย์สั่ง และกว่าที่จะหมดคาบเรียนก็เล่นเอาพวกเธอรู้สึกเหนื่อยล้า "เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ส่งรายชื่อสถานที่ฝึกงานให้ครูด้วยนะ" พูดจบอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องทันที ลืมบอกไปเลยสินะว่าตอนนี้พวกเธอเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 แล้ว เทอมหน้าจะต้องทำการฝึกงาน อาจารย์ถึงบอกให้ส่งรายชื่อสถานที่ฝึกงานไงล่ะ แล้วจะอยู่ทำไมเล่า ไปกินข้าวที่โรงอาหารตึกวิศวะดีกว่า "เพนตี้จ๋า" หม้อแกงเอ่ยออกมาเสียงอ่อนเสียงหวาน และเมื่อเพนตี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจใส่ทันที "ไปทานข้าวที่ตึกวิศวะกัน" และเมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที ก่อนจะกระโดดกอดเพื่อนด้วยความดีใจ "รู้ใจฉันที่สุดเลย น่ารักมากเลย จุ๊บ" หม้อแกงดึงเพนตี้ออกมาจากห้องเรียน จากนั้นก็พากันมาที่โรงอาหารของตึกวิศวะ ซึ่งตอนนี้เห็นปอร์เช่กับแก๊งเพื่อน ๆ นั่งอยู่ เธอจึงรีบเข้าไปหาที่นั่งให้อยู่ใกล้ชายหนุ่มมากที่สุด จะได้เห็นหน้าตลอดเวลา ทางด้านของปอร์เช่หลังจากที่เขารับน้องเสร็จ ก็มานั่งเล่นตรงโรงอาหารของตึกวิศวะ วันนี้เขาไม่ได้มีเรียน แต่ต้องมาดูการรับน้องจึงจำเป็นต้องมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วตอนนี้เขากำลังนั่งกินข้าวอยู่ ทว่าเสียงของเพื่อนที่นั่งอยู่เคียงข้างก็เอ่ยขึ้น "เฮ้ยพวกมึง นั่นน้องเพนตี้ดาวคณะมนุษย์เปล่าวะ" ชายหนุ่มหันไปมองตามที่เพื่อนชี้ ก่อนจะสบตาเข้ากับยัยแว่นสุดเนิร์ดที่นั่งอยู่เคียงข้างดาวคณะมนุษยศาสตร์ แต่ทว่าเมื่อสบตากันหญิงสาวก็รีบก้มหน้าหลุบมองต่ำ หึ... ไม่แน่จริงนี่หว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าเธอคิดอะไร เจอกันทีไรก็แอบมองตลอด เขารู้ตั้งแต่เรียนอยู่ประมาณปี 2 แล้ว นั่งอยู่ที่ไหนก็ตามไปเฝ้า ทำขนาดนี้ใครไม่รู้ก็โง่แล้ว "ใช่! โคตรน่ารักเลยอ่ะมึง ส่วนคนข้าง ๆ นั่นอย่าไปยุ่งนะมึงของไอ้ปอร์เช่มัน" ไทเกอร์เอ่ยออกมาพร้อมกับหันมามองสบตากับเพื่อนรัก และไม่ใช่แค่เขาที่รู้ เพื่อนคนอื่นก็รู้เหมือนกัน "ไอ้สัส! ยัยนั่นไม่ใช่ของกูโว้ย" และเมื่อปอร์เช่เอ่ยปฏิเสธแบบนั้น บรรดาพวกเพื่อนที่นั่งอยู่ก็หัวเราะกันรวน แซวแบบนี้ตั้งแต่เรียนปี 2 แล้วละมั้ง คงเพราะว่ายัยแว่นนั้นตามติดอย่างกับผีสิง มีเขาอยู่ที่ไหนเธอจะต้องโผล่มาอยู่ที่นั่นตลอด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเดินมาบอกชอบเขาตามตรง แต่ก็ใช่ว่าคนปกติจะไม่รู้ โดยเฉพาะไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายเนี่ยแหละ ช่างสังเกตกันมาก "ฮ่า ๆ" "ขำวะ!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม