ผิดชัดเจน

1422 คำ
“ฮือ ฮือ!! กองทัพชลลี่แค่เดินตามน้องแองจี้เพื่อที่จะกลับไปที่โต๊ะ แต่อยู่ดีๆก็ถูกตบเข้าที่หน้าอย่างแรงค่ะ ทำไมน้องแองจี้ต้องมาทำร้ายพี่ด้วยคะ” เสียงสะอื้นร่ำไห้ดังขึ้นในจุดที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน ทำให้กองทัพได้ยินอย่างชัดเจน หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นเป็นปมด้วยความสงสัย ว่าทำไมแองจี้จึงลงมือทำร้ายชลลี่แบบนี้ “แองจี้ ทำไมทำร้ายรุ่นพี่แบบนี้” น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้น เพราะใจก็เอนเอียงไปทางเชื่อเพื่อนสนิทของตนเองที่ได้รับบาดเจ็บ “เอ่อ ฉันตกใจนึกว่าใครกำลังจะมาสัมผัสตัว เลยเหวี่ยงข้อมือออกไปตามสัญชาตญาณค่ะ ไม่นึกว่าจะเหวี่ยงไปโดนหน้ารุ่นพี่ ขอโทษนะคะพี่ชลลี่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ” ถึงแองจี้จะรู้ว่าชลลี่ตั้งใจจะผลักเธอ แต่ตอนนี้หลักฐานไม่ชัดเจนจึงยอมรับผิดแต่โดยดี เพราะคนที่บาดเจ็บเป็นชลลี่ และด้วยภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเธอเป็นคนผิด “แต่ผมนั่งมองเหตุการณ์นี้ตั้งแต่แรก และมีคลิปหลักฐานทั้งหมดจากกล้องวงจรปิด” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองพร้อมกัน เขาชูโทรศัพท์มือถือขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่า มีคลิปหลักฐานจากกล้องวงจรปิดอยู่ในโทรศัพท์มือถือจริงๆ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างรอคอยที่จะได้รู้ความจริง ยกเว้นชลลี่ที่ตอนนี้กำลังหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม เธอยืนซวนเซเอนเอียงไปข้างหน้า แต่กองทัพที่ยืนอยู่ไม่ไกล รีบช่วยเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้นได้ทันเวลา “ชลลี่เป็นอะไร” “ชลลี่หน้ามืดจะเป็นลม กองทัพขับรถไปส่งที่คอนโดได้ไหมคะ ชลลี่ยืนไม่ไหวแล้ว ส่วนเรื่องคลิปหลักฐานชลลี่ไม่เอาเรื่องรุ่นน้องหรอกค่ะ คงเป็นอุบัติเหตุจริงๆ น้องแองจี้คงไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงอ่อนแรงพูดออกไป ร่างผอมบางเอนลงไปซบลงตรงอกของเพื่อนสนิท ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย กองทัพจึงจำยอมต้องพาคนป่วยกลับไปส่งที่คอนโดที่พัก สายตาของเขาเหลือบมองแองจี้ ที่ยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มหล่อเหลาไม่แพ้ตนเองเลย ออกจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ “หึหึ” เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของผู้ชายที่มีคลิปหลักฐานในโทรศัพท์ดังขึ้น แองจี้จึงเข้าใจในเรื่องราวทุกอย่าง เพราะเธอก็นึกสงสัยอยู่แล้วตั้งแต่แรก ว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ หลังจากที่กองทัพกับชลลี่เดินออกไปแล้ว แองจี้จึงก้มหัวลงขอบคุณผู้ชายที่ไม่รู้จัก ที่เข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทั้งหมด ถึงแม้ความจริงจะยังไม่ถูกเปิดเผยก็ตาม “ขอบคุณนะคะ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือฉัน” “คุณไม่ผิดทำไมถึงยอมรับง่ายๆ” “เพราะไม่มีใครเห็นเหตุการณ์อย่างไรล่ะคะ และที่สำคัญคนที่บาดเจ็บก็ไม่ใช่ฉัน ถึงแก้ตัวออกไปก็ยิ่งแย่ เพราะฉันก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น” “เธอตั้งใจจะผลักคุณ หากทำสำเร็จหน้าคุณคงล้มคว่ำไปกับโต๊ะพวกนี้ คงได้บาดเจ็บมากกว่าผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ” “เห้อ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่เข้ามาช่วยเหลือ ฉันต้องขอตัวกลับก่อนเพราะดึกมากแล้ว” “ผมชื่อชานนท์ คุณชื่ออะไร” “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณชานนท์ ฉันชื่อแองจี้ค่ะ” “ยินดีที่ได้รู้จักครับแองจี้” และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้าย ที่ชานนท์ได้พูดคุยกับแองจี้ ผู้หญิงที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น เมื่อครั้งพบเจอเธอบนรถประจำทางของมหาวิทยาลัย หลังจากวันนั้นแองจี้ก็เดินทางกลับเชียงใหม่ เธอทำเรื่องดรอปเรียนไว้แล้วตั้งแต่ต้นอาทิตย์ ทั้งยังติดต่อรุ่นพี่เกี่ยวกับการลงประกวดดาวมหาวิทยาลัย ว่าเธอไม่สามารถลงประกวดได้ เพราะติดปัญหาหลายอย่าง ทางรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพราะมีตัวสำรองให้เลือกอยู่หลายคน กองทัพรู้ข่าวเรื่องการดร็อปเรียนของน้องรหัส จิตใจของเขากระวนกระวาย เพราะนั่นหมายถึงเขาจะไม่ได้พบเจอเธออีก ซึ่งยังไม่มีกำหนดการที่เธอจะกลับเข้ามาเรียนอีกครั้ง แตกต่างจากชลลี่ที่รู้สึกดีใจ เมื่อศัตรูหัวใจออกไปพ้นทาง ต่อจากนี้เธอจะเดินหน้าบอกรักกองทัพ และไขว่คว้าเขามาเป็นคนรักให้ได้ เชียงใหม่ ประเทศไทย เป็นเวลาสามวันแล้ว ที่แองจี้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของครอบครัว เธอตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวการเจ็บป่วยให้พ่อกับแม่รับรู้ทั้งหมด พร้อมทั้งยื่นเอกสารการยินยอมผ่าตัด ให้พวกท่านลงรายชื่อเพื่อยินยอมให้เธอเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากแองจี้ตัดสินใจแล้วว่าจะเสี่ยงรักษาโดยวิธีการผ่าตัด เพราะเธอไม่อยากนอนรอความตาย เหมือนช่วงชีวิตก่อนอีกแล้ว “ฮึก ฮึก คุณคะการผ่าตัดจะสำเร็จใช่ไหมคะ ต้องจ่ายค่ารักษาแพงแค่ไหนฉันก็ยินดี” เอมอรร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของสามี ตั้งแต่รู้เรื่องการเจ็บป่วยของลูกสาวคนเดียว เธอก็แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนมีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด “เอมคุณต้องดูแลตัวเองด้วย จะได้อยู่เป็นกำลังใจให้ลูกไปนานๆ ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง แองจี้จะต้องหายการผ่าตัดจะต้องสำเร็จ” ภัทร เอ่ยปลอบใจภรรยา ทั้งๆที่ในใจของเขาก็อ่อนล้ามากเต็มที เรื่องค่าใช้จ่ายในต่างประเทศไม่ใช่ปัญหาของตระกูลศิริภัทร เพราะเขามีเงินเก็บในบัญชีมากพอที่จะให้ลูกสาวรักษาตัว และใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ จนกว่าเธอจะหายดี หรืออยากร่ำเรียนต่อที่นู่นก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ธุรกิจไร่ชาของครอบครัวศิริภัทร เติบโตและเจริญรุ่งเรืองมานานนับ20ปีแล้ว จึงมีเงินทุนหมุนเวียนในระบบมากกว่า 10,000 ล้านบาท ถือได้ว่าตระกูลศิริภัทรเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ “คุณพ่อคุณแม่คะ อย่าเศร้าเสียใจอีกเลย แองจี้สัญญาว่าจะกลับมาค่ะ เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแองจี้จะต้องเดินทางไปเยอรมันแล้ว วันนี้พวกเราออกไปทานข้าวนอกบ้านกันนะคะ” น้ำเสียงสดใสของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนดังขึ้น สองสามีภรรยาจึงคลายอ้อมกอดจากกัน แล้วโอบกอดลูกสาวคนเดียวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของพวกท่าน เวลานี้สามคนพ่อแม่ลูกต่างกอดเพื่อปลอบประโลมซึ่งกันและกัน และแล้ววันเดินทางก็มาถึง แองจี้เดินทางไปสนามบินพร้อมกับบิดามารดา เพราะพวกท่านทั้งสองตั้งใจจะไปอยู่ให้กำลังใจในการผ่าตัดของเธออย่างต่ำๆก็3เดือน เรื่องงานที่ไร่ชา ภัทรให้เลขาคนสนิทของเขาเป็นคนดูแลแทนไปสักพัก หากมีเรื่องด่วนที่เขาต้องตัดสินใจด้วยตนเอง ก็ใช้วิธีการประชุมออนไลน์ ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในเวลานี้ เพราะครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าโชคชะตาจะใจร้ายกับลูกสาวของพวกเขา จนเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น เขาทั้งสองคนขออยู่ร่วมทุกเหตุการณ์ในชีวิตของเธอ จะไม่ปล่อยให้เธอเผชิญกับความเดียวดายเป็นอันเด็ดขาด ในวันที่ออกเดินทางบินลัดฟ้าไปรักษาตัวที่เยอรมัน แองจี้ได้โพสต์รูปการจากลาลงสตอรี่ และลงรูปโบกมือลาในไอจีส่วนตัว เพราะครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอจะได้ร่ำลาคนที่รู้จักทุกๆคน เนื่องจากตอนที่ไปทำเรื่องดรอปเรียนเธอไม่ได้บอกกล่าวกับใครทั้งสิ้น เสียงแจ้งเตือนข้อความบางอย่างดังขึ้น ขณะที่กองทัพกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนสนิท อยู่ในห้องวีไอพีของคลับหรูใจกลางเมือง กองทัพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้หญิงที่ยังติดอยู่ในห้วงความคิดของเขา สายตาคมกริบอ่านข้อความที่เธออัฟเดตลงไอจีส่วนตัว ที่เขากดติดตามไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งได้รับรู้ว่าเขาเป็นพี่รหัสของเธอคนนี้ ‘ลาก่อนประเทศไทย หากแองจี้ไม่สามารถกลับมาได้อีกครั้ง แองจี้อยากจะกล่าวคำว่า ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนนะคะ’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม