เมื่อเดินมาถึงห้องอาหารส่วนตัว ชานนท์ก็เลื่อนเก้าอี้ให้แองจี้นั่ง จากนั้นเขาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามเธอ เพื่อจะได้มองเห็นใบหน้าสวยหวานที่เขาคิดถึงมาโดยตลอดอย่างชัดเจน
“เอ่อ พี่นนท์ก็อายุขนาดนี้แล้วยังไม่เคยมีแฟนจริงหรือคะ”
แองจี้ที่ได้รับรู้ว่าตอนรู้จักกันในครั้งแรกนั้น เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปี6 ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอก็น่าจะมีอายุราวๆ32ปี จึงไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เมื่อเขาบอกว่าไม่เคยมีแฟนเลยสักคน
“เรากำลังบอกว่าพี่แก่หรือครับ”
“อ๊ะ!! เปล่านะคะ พี่นนท์ยังหน้าเด็กและรูปหล่อมาก แองจี้แค่นึกสงสัยว่าผู้ชายอายุ32ปี จะไม่เคยมีแฟนสักคนจริงหรือ”
“จริงครับ พี่ตั้งใจเรียนให้จบและทำแต่งาน ส่วนเรื่องผู้หญิงพี่ยังไม่เคยถูกใจใคร ก็เลยไม่คบใครเป็นแฟนครับ อ้อ!!จะว่ายังไม่เคยถูกใจเลยก็ไม่ใช่ เพราะพี่ถูกใจอยู่คนหนึ่งเมื่อ8ปีที่แล้ว แต่เธอก็หายหน้าไปนานจนพึ่งได้มาพบกันอีกครั้ง”
ชานนท์จ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตแวววาว ที่มีแพขนตาหนาเรียงกันอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อต้องการให้เธอรับรู้ว่าเขาหมายถึงใคร
“เอ่อ พนักงานมาเสิร์ฟอาหารแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ แองจี้ก็ชักจะเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
คนที่เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าชายหนุ่มหมายถึงใคร จึงรู้สึกเขินอายกับสายตาที่ถูกจ้องมองอย่างซึ่งหน้า เพราะถึงแม้เธอจะเรียนและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมานานถึง8ปี แต่ก็ไม่เคยออกเดตกับใครเลยสักครั้ง เนื่องจากมุ่งมั่นที่จะเรียนให้จบโดยเร็ว จึงไม่ได้สนใจคบหากับเพื่อนต่างเพศเลยสักคน
“หึหึ กินข้าวกันเถอะครับ เรื่องอื่นค่อยเอาไว้พูดคุยกันต่อในรถ”
เมื่อเห็นว่าคนสวยตรงหน้า มีอาการเขินอายเขาอย่างเห็นได้ชัด ชานนท์จึงยอมเปลี่ยนเรื่อง เพื่อให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดในการพูดคุยกับเขา
หลังจากรับประทานอาหารกันแล้วเสร็จ ทั้งสองจึงเดินออกมายังลานจอดรถเพื่อขับรถกลับที่พัก แองจี้มองไปยังซุ้มที่นั่งของร้านอาหาร ที่เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองเธอด้วยสายตาน่ากลัวก็ไม่พบใครแล้ว จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะไม่ชอบความวุ่นวาย ยิ่งเป็นการทะเลาะเบาะแว้งเรื่องผู้ชายเธอยิ่งขอถอยห่างให้ไกล
ขณะนี้ชานนท์ ได้นั่งประจำที่คนขับรถของแองจี้แล้วเรียบร้อย เมื่อสอบถามเส้นทางกลับคอนโดที่พักของผู้หญิงข้างกาย เขาก็ขับรถออกไปทันทีด้วยความชำนาญในเส้นทาง ใช้เวลาขับรถประมาณ30นาที ชานนท์ก็เลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านใจกลางกรุงเทพฯ
“แองจี้พักที่เดียวกับพี่เลย แบบนี้พี่คงไม่ต้องนั่งแท๊กซี่กลับที่พักแล้ว”
ชานนท์เคยซื้อห้องพักอยู่ที่โครงการแห่งนี้ เพราะชื่นชอบที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล และมีบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวดี แต่ยังไม่เคยเข้าพักเลยเพราะเขาชอบอยู่บ้านกับพ่อแม่มากกว่า ทว่าหลังจากนี้คงต้องเข้ามาพักบ่อยๆเสียแล้ว หรืออาจจะมาพักอย่างถาวร
“อ้าวบังเอิญจังเลยค่ะ”
“ครับ หากแองจี้มีปัญหาอะไร โทรตามพี่ให้มาช่วยเหลือได้นะครับ เช่นน้ำไม่ไหล ไฟดับ พี่ช่วยจัดการได้ทั้งนั้นครับ”
“เป็นคุณหมอ ซ่อมน้ำ ซ่อมไฟได้ด้วยหรือคะ”
ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มตาแป๋วอย่างน่ารัก จนเขาแทบเก็บอาการหมั่นเขี้ยวเอาไว้ไม่ไหว
“ไม่เป็นครับ แต่พี่มีเบอร์โทรศัพท์ช่าง แล้วช่างทุกคนที่รู้จักก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น พี่เลยต้องมาอยู่เป็นเพื่อนแองจี้ เพื่อความปลอดภัยครับ”
“อ้อ ใจดีจังเลยค่ะ”
“หึหึ โสดด้วยนะครับ ประวัติขาวสะอาดยิ่งกว่าผงซักฟอก ไม่เคยมีสัมพันธ์ชั่วคราวกับใครทั้งนั้น แองจี้จะรับไว้พิจารณาไหมครับ”
“พิจารณาเรื่องอะไรหรือคะ”
ใบหน้าสวยหวานเอียงคอจ้องมองชายหนุ่ม ที่ไม่ยอมลงจากรถของเธอด้วยความยียวน เพราะเข้าใจในคำถามของเขาดี แต่อยากได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาไม่ต้องคิดไปเองแบบนี้
“แองจี้มีแฟนหรือยังครับ ถ้ายังไม่มี จะลองคบหาดูใจเป็นแฟนกับพี่ได้ไหม”
ชานนท์เห็นอาการยียวนจนน่าหมั่นเขี้ยวของคนสวยข้างกาย จึงสอบถามออกไปตามตรง และพูดจาให้ตรงประเด็นโดยไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เพราะเขาเสียเวลามานานถึง8ปีแล้ว
“แองจี้ยังไม่มีแฟนค่ะ เพราะมัวแต่ตั้งใจเรียนให้จบไวๆ เนื่องจากใช้เวลาไปกับการรักษาตัวให้หายขาดก็นานหลายปีแล้ว ส่วนเรื่องคบหากับพี่นนท์นั้น แองจี้ขอดูพี่นนท์อีกสักนิดได้ไหมคะ ถ้าพี่นนท์ดีอย่างที่โฆษณาขายฝันเอาไว้ แองจี้ก็ไม่ขัดข้องเลย”
หญิงสาวตอบออกมาอย่างมั่นใจ เพราะเธอก็ไม่เคยคบใครมาก่อนจนกระทั่งอายุ26ปี หากจะลองคบหาดูใจกับชายหนุ่มโปรไฟล์ดีขนาดนี้ ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
“อีกไม่นานแองจี้จะมั่นใจในตัวพี่ครับ เตรียมตัวเป็นแฟนพี่ได้เลยเพราะพี่จองเราไว้แล้ว”
รอยยิ้มอ่อนโยนเผยออกมา จากใบหน้าที่หล่อเหลามากอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก จนหญิงสาวที่จ้องมองอยู่ดวงตาพร่ามัวกันเลยทีเดียว
“มีระบบจองกันด้วยหรือคะ แองจี้ไม่รู้เลย”
ใบหน้าสวยใสยังคงเอียงคอจ้องมองเขาตาแป๋ว ชานนท์รู้สึกอดทนไม่ไหวจึงขยับเข้าไปใกล้ๆร่างอวบอัด ที่เขาพยายามไม่จ้องมองเพราะกลัวขาดสติ เสียงนุ่มทุ้มกระซิบข้างใบหูของแองจี้ ลมหายใจอุ่นๆเป่าข้างใบหูของเธอจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
“หึหึ หากยังแกล้งพี่อยู่แบบนี้ ระวังจะถูกจองก่อนเวลานะครับ”
“พี่นนท์ขยับไปเลยค่ะ อยู่ใกล้แองจี้มากเกินไปแล้ว”
แองจี้ใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงอย่างเห็นได้ชัด เพราะพึ่งเคยอยู่ใกล้ผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อและคุณหมอที่รักษาเป็นครั้งแรก อีกทั้งเขายังมีลักษณะที่ตรงใจเธอทุกอย่าง
“หากต้องจองกันเป็นกิจจะลักษณะ ต้องอยู่ใกล้กว่านี้นะครับ”
ชายหนุ่มที่ยังไม่ยอมขยับตัวออกห่างจากร่างอวบอัด และเมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากซอกคอขาวผ่อง เขายิ่งไม่อยากขยับกายถอยห่าง ในทางกลับกันเขาอยากขยับเข้าไปใกล้มากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ
“จองแค่คำพูดก็พอแล้วค่ะ เดี๋ยวแองจี้จะพิจารณาเอง หากมั่นใจว่าพี่นนท์ไม่เจ้าชู้ แองจี้ถึงจะตกลงคบหาด้วยนะคะ”
น้ำเสียงหวานกล่าวออกมาอย่างใสซื่อ หากไม่มีผู้หญิงที่ไหนมาทวงความเป็นแฟน เป็นคู่หมั้น หรือเป็นสามีเหมือนในนวนิยายรักที่เธอเคยอ่านก็ถือว่าเขาสอบผ่าน และเวลานั้นก็คงไม่มีอะไรให้ขัดข้องอีก
“จะเอาเบอร์โทรศัพท์ของนักสืบไหมครับพี่มีนะ จ้างมาสืบดูชีวิตประจำวันของพี่ก็ได้ และสืบให้หมดย้อนไปจนวัยรุ่นเลยก็ยิ่งดี”
ชายหนุ่มอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อการเจรจาในครั้งนี้ดูท่าจะเห็นผลในทิศทางที่ดี คนสวยของเขาท่าทางจะใจอ่อนในเร็ววัน เห็นทีเขาต้องขยันรุกจีบให้มากกว่านี้เสียแล้ว จึงได้เสนอวิธีที่ได้ข้อมูลของเขาได้อย่างรวดเร็วให้แก่เธอ เพราะเขาก็ใจร้อนมากแล้ว
“เอ้า แล้วแองจี้จะได้ความจริงไหมล่ะคะ ถ้าใช้นักสืบที่พี่นนท์รู้จัก คงต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว”
แองจี้เกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว เมื่อได้ยินชายหนุ่มแนะนำวิธีการสืบหาข้อมูลของเขาให้แก่เธอ มีที่ไหนแนะนำนักสืบที่ตัวเองรู้จัก ให้มาสืบข้อมูลของตัวเอง
“เอ่อ นั่นสิครับ นักสืบคนนี้ก็เพื่อนสนิทพี่ด้วย”
ชานนท์เกาท้ายทอยแก้เขินที่เขาใจร้อนอยากมีแฟน จนแนะนำเพื่อนสนิทของตัวเอง ให้มาสืบข้อมูลของตัวเอง!!