Chapter 3

3346 คำ
วันรุ่งขึ้นต้นหอมตื่นขึ้นมาเพราะแดดที่แยงตา เขาหยิบมือถือมาดูเวลาก็พบว่าเป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว เช้ากว่าเวลาตื่นในช่วงที่ยังทำงานกลางคืนอยู่มาก แต่เมื่อนึกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ตนไม่ได้ไปทำงานคืออะไรก็รีบลุกพรวดดอกไปหาขนมรองท้องทันที “พี่เปรม…” คนที่ไม่ได้หวังว่าจะได้เห็นนั่งหันหลังให้อยู่บนโซฟา แต่เพียงข้างหลังนั่นเขาก็จำได้แล้ว ก็จะมีมนุษย์บนโลกนี้สักกี่คนที่ตัดสกินเฮดแล้วยังย้อมผมสีน้ำเงิน ต้นหอมมองข้ามพ่อของลูกในท้องที่นั่งอยู่ด้วย วิ่งไปกระโดดกอดพี่ชายคนสนิทพร้อมโวยวายใหญ่เรื่องหมอบอกให้ทำแท้ง และเรื่องที่ กัษษภาคย์โยนการตัดสินใจทั้งหมดมาให้เขาด้วย “อย่างนั้นผมไปทำงานก่อน ฝากคุณดูแลเขาทีนะครับ” เมื่อเห็นว่าอยู่ไปอีกฝ่ายจะนินทาไม่สะดวกเปล่า ๆ จึงขอตัวแยกออกมา เขาเองก็ยังไม่พร้อมรองรับอารมณ์คุณแม่ในวันนี้ แค่คิดว่าต้องหาข้ออ้างไปบอกกับคนที่ทำงานถึงเหตุผลที่มาสายแล้วก็ปวดหัวจะแย่ ฝั่งต้นหอมเองพอพ้นสายตาเจ้าของห้องแล้วก็นอนแผ่หลาลงบนโซฟา บ่นงุ้งงิ้ง ๆ เรื่องเวียนหัวคลื่นไส้ แถมยังสั่งให้เปรมไปหาของกินมาเสิร์ฟอีก “กูซื้อโจ๊กมา แต่มึงต้องกินเอง” “ก็ต้องกินเองอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าพี่จะมาป้อนกันหรอก” “จะไปรู้เหรอ ทำเหมือนเป็นง่อยจนกูคิดว่าคุณภาคย์เขาป้อนมึงทุกมื้อน่ะ” “ป้อนก็แย่แล้ว” “แล้วยังไง” เปรมส่งเสียงถามจากห้องอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกล “ยังไงอะไร” “ได้สานสัมพันธ์อันดีอะไรกันไหม” “พี่หมายถึงได้เอากันอีกรอบไหมเหรอ” ว่าอย่างนั้นระหว่างเดินไปนั่งรอรุ่นพี่เทโจ๊กลงชาม “ไม่ได้ทำหรอก งงมาก หน้านิ่งเหมือนตายด้าน คนแบบนี้เหรอมาทำหอมท้อง” “ปากมึงนี่นะ ท้องไม่ท้องหลักฐานก็อยู่ในท้องมึงแล้ว” “ไม่รู้ ๆ ๆ หิว” เปรมเลื่อนชามอาหารมาให้คนตรงหน้าก่อนจะถามต่อ “แล้วจะได้เป็นสะใภ้วิสุทธิ์โยธินเลยไหม” “นั่นนามสกุลเขาเหรอ ยาวจัง” เด็กหนุ่มส่งหมูก้อนชิ้นโตเข้าปาก วันนี้เขาไม่เหม็นแล้วแฮะ “มึงช่วยคิดถึงอนาคตตัวเองให้มากทีเถอะหอม กูไหว้” “พี่ มันเป็นไปไม่ได้เปล่า ถึงหอมจะไม่รู้ว่าเขารวยมาจากไหนแต่ก็บอกได้เลยว่าคนละชั้นกับเรา คนละชั้นแบบ... แบบที่ลิฟต์ก็วิ่งไม่ถึงอ่ะ” “แต่มึงท้องลูกเขา” “คลอดเสร็จก็ไป แค่นั้น” “หอม” “อะไร” โอเมก้าหนุ่มหน้างอ “พี่ หอมไม่รู้ ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น” “เฮ้อ... เออ ๆ กูขอโทษ” “ไถ่โทษยังไงดี” “ยังจะเล่นอีก” “เด็กแฝดอยากกินหมูกระทะ” “ไอ้หอม เดี๋ยวท้องเสีย” “หมูปิ้งก็ได้” “เดี๋ยวกูบอกคุณภาคย์ให้เตรียมไว้” “ทำไมต้องบอก คนแบบนั้นเหรอจะไปซื้อให้หอม” “เขาก็สั่งแม่บ้านได้ไหม หรือมึงจะไปซื้อเองล่ะ” “มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา แค่ยังไม่คุ้นทางแถวนี้” “พอเลย เดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาจะยุ่ง ยิ่งคิดน้อยอยู่” “หอมคิดเหอะ ไม่ใช่ไม่คิด” “ก็คิดไง แต่น้อย” “พี่เปรม มาเลคเชอร์อะไรเนี่ย หอมเรียนจบแล้วนะ” “มึงไม่คิดอยากจับเขาบ้างเหรอ” พี่ชายเปลี่ยนเรื่อง “ละครไปไหม เออก็รู้แหละว่าเป็นหนูตกถังข้าวสารมันดี แต่หอมเนี่ยมันวรรณะต่ำสุดของหนูท่อ ส่วนเขาก็เป็นข้าวไรซ์เบอร์รีสีทองเกรดพรีเมียม…” “ข้าวไรซ์เบอร์รีสีม่วง” “ก็เปรียบเทียบ” ต้นหอมพ่นลมออกปากอย่างไม่สบอารมณ์ที่จินตนาการถูกขัด “วันนี้กูจะได้สาระจากมึงไหม” เปรมถอนหายใจ “ไปอาบน้ำแต่งตัวไป คุณภาคย์เขาฝากให้กูพามึงไปซื้อของใช้ส่วนตัว” “ซื้อทำไม ไปขนจากที่ห้องเก่ามาก็ได้” “ห้องเก่ามึงมีเหรอ หมอนคนท้องกับอาหารเสริมน่ะ” และเพราะคำพูดนั้น ตอนนี้ทั้งคู่จึงได้มาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโดฯ ที่พักด้วยกัน ต้นหอมกำลังเพลินเพลินกับไอศกรีมฟรีที่พี่เปรมเลี้ยงเขา เนื่องจากก่อนออกจากบ้านก็อ้วกเอาอาหารเช้าออกไปอีกรอบ ท้องก็เลยว่าง ต้องการเติมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด “ในเน็ตบอกต้องเสริมแคลเซียมกับธาตุเหล็ก แล้วก็โปรตีน กรด โฟลิกคืออะไรนะ” มือเรียวเลื่อนหน้าจออ่านบทความอย่างรวดเร็ว “โห วุ่นวายจัง วิตามินบี 1 โอเมก้า 3 อีก เอ้า แต่พอสามเดือนให้เลี่ยงตับเพราะมีวิตามินเอ แต่ตับมีธาตุเหล็กไม่ใช่เหรอ” “ซื้อผลไม้ไหม ที่ผ่านมามึงไม่ค่อยกินนี่” “เอาส้มเปรี้ยว ๆ ใช่ ๆ ต้องซื้อของเปรี้ยวติดไว้” แต่พูดไปแล้วก็น้ำลายสอ “อยากกินยำอ่ะ” “ผงชูรสทั้งนั้น” “แต่มันเซ่บอ่า เข้าใจไหม ของเซ่บบบ” “กูชักสงสารคุณภาคย์แล้วนะ งานเขาก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้วยังต้องกลับบ้านมาเจอมึงอีก” “แค่แชร์ห้อง ต่างคนต่างอยู่” “ทำให้ได้อย่างปากพูดเถอะ เดี๋ยวก็ต้องทำรัง พึ่งกลิ่นเขา เอาไรมาต่างคนต่างอยู่” คนฟังชะงักไปกับความจริงข้อนั้น เขาเองที่ใช้ชีวิตอย่างไม่เคยมีแม้กระทั่งคนที่แอบชอบย่อมไม่เคยจินตนาการถึงวันที่จะมีลูก เพราะฉะนั้นถึงจะเป็นโอเมก้าแต่ก็มีหลายเรื่องที่หลงลืมไป “หอมจะเผลอชอบเขาไหมเนี่ย” หัวเราะแห้ง ๆ พลางเลือกซื้อนมผงสำหรับคุณแม่ต่อ “กูอยากให้มึงลงเอยกับเขานะ จะได้มีคนดูแล” เปรมพูดตามตรง “ แต่ถ้าเป็นมึงที่รักก่อนแล้วเขาไม่รักเนี่ย ก็ลำบากอีก” “งั้นหอมควรอ่อยเขาเนอะ แต่ว่าต้องทำไงอ่ะ ถ้าไม่มีเหล้าก็ไปไม่ถูก” “ก็ทำตัวน่ารัก ๆ” “ก็น่ารักตลอด” “เหรอ แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่นะ” “อะไรอีกล่ะ แซะเก่งจังนะ หัวใจหอมบอบบางนะช่วงนี้” “เอาแค่คำว่าขอโทษกับขอบคุณง่าย ๆ เนี่ย พูดให้ดังเหมือนตอนโวยว่าเขาโยนภาระการตัดสินใจให้ได้ไหมล่ะ” “มันคนละเรื่องกัน” “เห็นไหม มึงเถียงอีกแล้ว” “พี่เปรม!” “กับกูมึงไม่มีมารยาทได้ เล่นหัวได้ แต่คุณภาคย์น่ะ มึงพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเขาอยู่คนละชั้นกับเรา” ต้นหอมทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้นแล้วเดินไปยังชั้นขายซีเรียลต่อ ทำเป็นอ่านฉลากส่วนผสมทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้แพ้อาหาร ไม่ต้องการรับฟังบทสนทนาหนักอึ้งในตอนนี้ หลังทานอาหารกลางวันด้วยกันอีกมื้อพี่เปรมก็มาส่งเขาและช่วยขนของขึ้นมา คีย์การ์ดที่คุณกัษษภาคย์ฝากไว้ก็ยัดคืนใส่มือเขามาอีก โอเมก้าหนุ่มนอนเล่นที่โซฟาสักพักก็เริ่มง่วงจึงย้ายร่างกายเข้าห้องนอน และเพราะเขากลัวจะถูกบ่นว่าไม่ยอมเก็บของที่ซื้อมาให้เป็นระเบียบจึงจัดการหิ้วถุงเข้าห้องไปด้วยเลย กัษษภาคย์กลับห้องมาในตอนค่ำ แต่ถึงจะค่ำแต่ก็ถือว่าเร็วกว่าเวลาทำงานปกติแล้ว เปิดประตูมาไม่เจอใครแต่ไฟที่สว่างโร่ทั้งห้องก็เป็นเครื่องยืนยันว่าอีกคนถึงห้องนานแล้วตั้งแต่เปรมส่งข้อความมาแจ้งเขา และก็คงไม่ได้ออกไป เถลไถลคนเดียวที่ไหน เสียงบานประตูถูกเปิดออกทำให้ชายหนุ่มเบนสายตาไปมอง คนตัวขาวยืนขยี้ตางัวเงียพร้อมถือถุงพลาสติกใบใหญ่พิมพ์ชื่อซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังเด่นหราอยู่หลายถุง “ค่าอาหารบำรุงครรภ์พร้อมนมเสริมแคลเซียมทั้งหมดสองพันหนึ่งร้อยแปดสิบสี่บาท” ต้นหอมวางถุงพลาสติกลงบนโต๊ะทานข้าวก่อนยื่นบิลใบยาวให้ “แล้วก็มีพวกอาหารแห้งด้วย ผมเห็นคุณไม่ค่อยมีอะไรติดบ้านเลย” กัษษภาคย์เพียงกวาดสายตาผ่าน ๆ จำได้ว่าตอนเช้าเขาบอกให้เปรมพาอีกฝ่ายไปซื้อของ ส่วนของเก่าก็ให้วางติดห้องเก่าไว้อย่างนั้น ตอนย้ายออกจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขนไปมา “นั่นของนาย?” เขาถามถึงขวดแชมพูยี่ห้อที่ไม่คุ้นตาในถุง “อ้อ ใช่ ของคุณดูแพง ผมไม่กล้าใช้หรอก” “แต่ก็มาเบิกกันอยู่ดี” “เบิกที่ไหน” คนตัวเล็กโยนใบเสร็จอีกใบใส่ “เห็นไหม ผมแยกบิลเลยนะ คุณจะได้เอามาว่ากันไม่ได้” “แชมพูไม่กี่ร้อย คิดว่าฉันจะงกหรือไง” ว่าพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา “เอาไปเลยสองพันห้า” “ไม่” “ไม่ได้หิวเงินเหรอ จู่ ๆ มาปฏิเสธอะไร” “ผมพูดหรือไงว่าให้คุณมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนตัวน่ะ บอกแล้วไงว่าทำด้วยกันก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมาเกาะคุณกิน แค่ขอเงินเดือนทดแทนเท่าเดิม” คนเด็กกว่าถอนหายใจยาว “แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ใครจะมาเชื่อ ก็ผมทำงานแบบนี้” “แล้วไม่อยากสบายเหรอ” ชายหนุ่มเก็บแบงก์ห้าร้อยลงกระเป๋า พยายามควานหาแบงก์ย่อยให้พอดีที่สุด “สี่พันเท่าไรนะ” “สองพันสอง อะไรของคุณเนี่ย” “โทษที พอดีฉันเบลอ” “งานเหนื่อยเหรอ” ต้นหอมว่าเสียงอ่อนลงยามเห็นความอ่อนล้าฉายผ่านดวงตาคม “อาบน้ำไหม หมายถึงในห้องผม มันมีอ่างอยู่” “ไว้ก่อน ไว้วันศุกร์ค่อยแช่ดีกว่า” “วันนี้วันศุกร์” กัษษภาคย์ยืนบื้อไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ กับอาการทำงานจนลืมวันลืมคืนของตัวเอง เห็นอย่างนั้นต้นหอมกลับคิ้วขมวดเป็นปมหนัก บ่นคนแก่กว่าเสียยกใหญ่ “จะมาโหมทำงานจนตายไม่ได้นะ เราไม่ได้จดทะเบียนกัน ถ้าคุณตายแล้วลูกจะเอามรดกจากไหน” “ก็ไปฟ้องเอากับบ้านฉันสิ ยังไงนายก็มีดีเอ็นเอเด็ก” “จริงด้วยแฮะ” เด็กหนุ่มชะงักขาที่กำลังเตรียมเดินไปเตรียมน้ำอุ่น “หาทางออกได้แล้ว งั้นผมไม่เอาใจคุณแล้วนะ บ๊ายบาย เจอกันพรุ่งนี้” “เฮ้! เดี๋ยวสิ” กัษษภาคย์คว้ามืออีกคนเอาไว้ และต้นหอมก็หันกลับไปยิ้มเผล่ “ล้อเล่น ใครจะใจร้ายกับพ่อของลูกได้ขนาดนั้น เดี๋ยวผมรองน้ำให้ คุณหาไรกินรอไปก่อน” “จะไม่อ้วกใส่อ่างใช่ไหม” “ผมอ้วกมาเยอะแล้ว แต่วันนี้ได้นอนเต็มอิ่ม คงไม่เป็นไร” ต้นหอมเดินลิ่วเข้าห้องนอนอีกครั้งอย่างกับเป็นเจ้าของบ้านทั้งที่เพิ่งย้ายเข้ามาได้เพียงหนึ่งวัน และกัษษภาคย์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นอีกครู่ใหญ่ ปกติเขาเพียงมีห้องไว้ซุกหัวนอนหนีความวุ่นวายของคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงกันเกินเหตุ แต่มันก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านเมื่อไร้ตัวตนของคนอื่นนอกจากเขา กัษษภาคย์ไม่เลี้ยงสัตว์ ไม่ปลูกต้นไม้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอเขากลับบ้านเพราะอย่างนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่หวั่นไหวกับคนคนนี้ ‘เกิดผมตกหลุมรักคุณขึ้นมาทำไง’ ต้นหอมเคยพูดอย่างนั้น แต่คนที่กล้าพูดออกมาตรง ๆ แบบนั้น ก็มีแต่คนที่รู้ตัวว่าจะไม่มีวันตกหลุมไม่ใช่หรือไง ต้นหอมไม่เคยลงอ่างกับใครก็จริง แต่แน่นอนว่าเขาเคยเตรียมอ่าง เพราะฉะนั้นการรองน้ำอุ่นหรือผสมฟองโฟมบาธบอมบ์ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ แม้จะแปลกใจเล็กน้อยที่ห้องของคนโสดแบบนี้มี บาธบอมบ์สีหวานอยู่ก็เถอะ “เสร็จแล้วครับคุณภาคย์” ลองเยี่ยมหน้าออกจากห้องพร้อมแกล้งเรียกเสียงสุภาพปนหยอกเย้าอย่างที่ใช้ในการทำงาน ทว่าห้องรับแขกกลับไร้เงาเจ้าของห้อง “คุณ” ต้นหอมเดินเข้ามาในห้องนอนเล็กที่ถูกเปิดประตูทิ้งไว้ อีกฝ่ายกำลังนั่งทุบบ่าตัวเองอยู่บนเตียง “เสร็จแล้วเหรอ” กัษษภาคย์ลุกยืนขึ้น ทว่าคนเด็กกว่ากลับตรงเข้ามากดไหล่เขาเป็นเชิงให้นั่งต่อ “ผมนวดให้ไหม” “ไม่เป็นไร รีบอาบน้ำนอนดีกว่า” “ให้ไปนวดในอ่างก็ได้นะ” พูดทีเล่นทีจริงพลางแกล้งม้วนปอยผมทิพย์ ทว่าอัลฟ่าตรงหน้ากลับกระตุกยิ้มน้อย ๆ กลับมา “ก็มาสิ” ก็เลยต้องตามมาบริการอย่างที่พูดไว้นี่ไง เขาปล่อยให้อีกฝ่ายลงแช่อ่างไปก่อน ส่วนตัวเองก็ขอตัวออกมาดื่มน้ำส้มรองท้อง กลัวว่าจะเผลออ้วกใส่พ่อของลูกอยู่เหมือนกัน ต้นหอมกลับมาพร้อมกางเกงขาสั้นที่ม้วนเอวขึ้นไปสูงจนขากางเกงปิดก้นนิดเดียว นั่นก็เพราะว่าเขาตั้งใจจะนั่งที่ขอบอ่างเพื่อคอยนวดให้เจ้านายชั่วคราว กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยของคนในอ่างเล่นเอาเลือดสูบฉีดหนักหน่วง คนเด็กกว่าพยายามเสสายตาไปทางอื่น อยู่ดี ๆ ภาพความทรงจำคืนนั้นก็แทรกทะลักเข้ามาจนเขาเขินอายอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย “คุณ… ขยับไปหน่อย” โอเมก้าว่าขณะหย่อนขาลงในอ่าง พยายามไม่ให้กางเกงเปียก กัษษภาคย์ขยับตัวตามคำบอก รู้สึกว่าวันนี้อีกฝ่ายยอมอ่อนลงให้เขาเล็กน้อย คิดว่าเปรมคงสอนอะไรกันมา เพราะอย่างนั้นเลยอยากจะรอดูท่าทีคนปากแจ๋วคนนี้ต่อไป ต้นหอมนั่งลงที่ด้านหลังของชายหนุ่ม สองขากางออกอยู่ด้านหลังอีกฝ่าย บ่ากว้างของเขาพอได้มาเห็นใกล้ ๆ แล้วยิ่งสะท้อนใจ ลูกอัลฟ่าคนนี้จะออกมาเป็นลูกยักษ์ไหมนะ หวังว่าท้องเขาคงไม่ใหญ่จนลากพื้น “คุณนี่วุ่นวายจริง ๆ จะทำแฝดทำไมก็ไม่รู้” พูดไปเรื่อยขณะเทสบู่เหลวลงในมือเตรียมใช้ต่างน้ำมันนวด “อะไรนะ” “อย่าหันมาสิ ผมจะนวดบ่าให้” คนแก่กว่าถอนหายใจ ก็คิดอยู่แล้วว่าจะทำตัวดีไปได้สักกี่นาที แต่น้ำหนักมือกำลังดีพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ นั่นก็ทำให้ผ่อนคลายจนเผลอเคลิ้ม สบู่ที่ใช้ทุกวันกลับเหมือนมีกลิ่นที่เปลี่ยนไปยามมีกลิ่นของโอเมก้ามาผสม จริงสิ… “ทำไมไม่ใส่ปลอกคอ” “ช่วงนี้กลิ่นไม่ค่อยออกเลยไม่ใส่น่ะ รำคาญตอนอ้วกด้วย” “ฉันว่าฉันได้กลิ่นนายนะ” ชายหนุ่มพูดเตือน แต่แน่นอนว่าคนอย่าง เจ้าโอเมก้าคนนี้ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น “อืม ผมก็ได้กลิ่นคุณ ก็ใกล้กันขนาดนี้อ่ะนะ” “ระวังตัวบ้างเถอะ” “ยังจะให้ระวังอะไรอีก ไม่ทันแล้ว” ต้นหอมหัวเราะ ก้มลงล้างมือหนึ่งรอบพร้อม ๆ กับวักน้ำขึ้นมาล้างบ่ากว้างด้วย หลังนวดเสร็จเขาก็เตรียมเปลี่ยนเป็นสับถึงได้กลัวสบู่กระเด็นเข้าตา ต้นหอมยังคงขะมักเขม้นกับการทุบบ่าเหมือนสับหมูต่อไป อยู่ ๆ คำพูดของรุ่นพี่ก็ย้อนเข้ามาในหัว ไม่ใช่เรื่องให้จับผู้ชายคนนี้ แต่เป็นเรื่องที่เขาทำตัวไม่น่ารัก “ผมไม่น่ารักเหรอ” “ฮะ?” “พี่เปรมบอกว่าผมไม่น่ารัก ไม่พูดขอโทษขอบคุณ แถมยังไม่มีหางเสียง” “...” “ไม่ตอบแปลว่าใช่สินะ” “ก็ใช่แหละ” “แย่จัง แต่เวลาพูดอะไรแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนกำลังทำงานอยู่ตลอดเลย” “หมายความว่าไง” “ก็กับแขกน่ะ จำเป็นต้องทำตัวอ่อนหวานแบบนั้นตลอดเวลาไง พอนอกเวลาผมเลยขยาด อยากเป็นคนห้าว ๆ” ต้นหอมหัวเราะเสียงใส “นายนี่มีข้ออ้างกับทุกเรื่องเลยจริง ๆ” ให้ตายสิ แล้วแบบนี้เขาจะโกรธลงได้ยังไง “คุณหายเมื่อยหรือยัง” “อืม” “งั้นผมขอขึ้นก่อนนะ หนาว ๆ ยังไงไม่รู้” โดยไม่รอคำอนุญาตเจ้าตัวก็ลุกขึ้น เดินเข้าห้องอาบน้ำสี่เหลี่ยมเพื่อล้างขา แต่ตอนที่ก้มลงไปนั่นชายกางเกงก็เลิกขึ้นสูงจนเห็นบั้นท้ายวับแวม จนกัษษภาคย์ต้องแหวใส่อีกครั้ง “นี่นายไม่ใส่กางเกงในเหรอ!” “เห็นเหรอ แย่จัง” โอเมก้าหนุ่มเปลี่ยนเป็นหันหลังเข้ากำแพง “ก็อยู่บ้านใครเขาใส่ชั้นในกันบ้างเล่า” “แต่นี่…” “คุณก็อย่าแอบดูสิ แน่ะ หรือว่า…” “ต้นหอม” “โอเค ๆ ผมไปนอนก่อน เสร็จแล้วฝากคุณปิดไฟได้เลย” “...” “ฝันดีนะครับคุณกัษษภาคย์” ช่วงเวลาวันหยุดเช่นนี้เป็นวันที่กัษษภาคย์จะได้ตื่นสายกว่าปกติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะสบาย เพราะเขามีหน้าที่ที่ต้องกลับไปทานข้าวที่บ้านทุกวันเสาร์ และแม้จะมั่นใจว่ายังไม่มีใครในบริษัทรู้เรื่องที่เขาพลาดแต่ก็อดกลัวไม่ได้ ที่ผ่านมากัษษภาคย์ไม่มีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้จนต้องโกหกพ่อแม่ และเขาก็เชื่อว่าบุพการีทั้งสองย่อมจับสังเกตได้หากมีอะไรเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย “อ้าว ตาภาคย์ ทำไมวันนี้มาเร็วล่ะ” มารดาเอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามายังห้องโถง “ไม่มีอะไรทำน่ะครับ” เขานั่งลง พยายามไม่สบตาผู้เป็นแม่ เพราะความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้ออกจากบ้านแต่เช้าเป็นเพราะกลัวว่าหากใช้ชีวิตอยู่กับโอเมก้าในห้องนาน ๆ ไปแล้วกลิ่นจะติดตัวมา ถึงแม้แม่ของเขาจะเป็นเบต้ากัษษภาคย์ก็ยังกลัว “พ่อเราเขาไปออกรอบอีกแล้ว ไม่รู้ว่าภาคย์จะมาเร็ว” ณัฐรีเข้ามากอดลูกชาย “ไปห้างฯ กับแม่ไหม” “ไปก็ได้ครับ” “ดี ๆ ไปซื้อของกัน อยากกินอะไรเดี๋ยวแม่ทำให้ เอากลับไปกินที่คอนโดฯ ด้วยดีไหม” และกัษษภาคย์ทำเพียงยิ้มรับไม่หือไม่อืออื่นใด แต่ณัฐรีเพียงคิดว่าลูกชายเหนื่อยล้าจากการทำงานเท่านั้น “ลำบากแย่เลยสินะ แม่น่าจะมีลูกหลาย ๆ คนไว้ช่วยงานที่บริษัท” รู้สึกขนลุกขึ้นมายามได้ยินคำว่ามีลูก แต่กระนั้นก็เก็บท่าทีให้สงบก่อนขอแม่ไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ซึ่งคุณนายก็ไม่ได้เอะใจ ยังคงมัวแต่ดีใจที่จะได้ใช้เวลากับลูกชาย เพราะกัษษภาคย์เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ถึงจะเป็นลูกที่ดีแต่ก็ไม่ใช่คนขี้อ้อน เข้ามาเอาอกเอาใจอย่างที่ผู้ใหญ่แก่ ๆ จะชอบ เธอเองก็เคยพยายามมีลูกสาวด้วยวิธีทางการแพทย์กับสามีตอนเขาอายุได้ราวสิบขวบ แต่ลองเท่าไรก็ไม่ได้ผลจึงล้มเลิก ยิ่งความคิดที่ว่าลูกชายจะมีหลานให้นั้นยิ่งไม่ต้องหวัง กัษษภาคย์ของเธอไม่เคยชอบใครเลยสักคน แต่เพราะเขาเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ณัฐรีรู้ดีว่าอย่างไรลูกก็คิดมีทายาทเพื่อสืบทอดธุรกิจ กระนั้นจึงไม่รีบร้อน เป็นผู้ชายค่อยแต่งงานตอนสามสิบก็ยังไม่สาย ช่วงนี้ก็ปล่อยให้ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระไปก่อน เมื่อถึงเวลาที่ต้องบังคับกันจริง ๆ จะได้มีอำนาจต่อรอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม