ตอนที่2

2687 คำ
“จริงดิ ที่แกไปพูดอย่างนั้นกับคุณนลินเขาอ่ะ” ปรีดาพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ “เออสิ หน้าเด็กแบบนั้นใครจะไปคิดล่ะว่าเป็นผู้จัดการคนใหม่ ฉันก็นึกในหัวว่าเจ้านายใหม่ต้องดูแก่ ดูมีอายุอ่ะ” “เห็นว่าจบจากนอกมา ก็คงเก่งพอตัว พอกับความมั่นของนางนั่นแหละ” ชญานีพูดเสริมขึ้นมา “เสร็จซะที ฉันกลับก่อนนะทุกคน” รวีตัดบทและเซฟงาน ปิดคอมทันทีหลังจากที่ทำเสร็จ “ไปไม่รอ พวกฉันยังทำไม่เสร็จเลย” “ทำกันไปนะจ๊ะ ฉันขอตัว จะรีบกลับไปดูละคร” รวีพูดจบก็รีบเดินออกจากออฟฟิศทันที เดี๋ยวเธอจะกลับบ้านไปดูละครโปรดของเธอไม่ทัน และอีกอย่างเธอไม่อยากดูย้อนหลังด้วย รวียืนรอรถเมล์ได้สักพักก็เหลือบไปสังเกตเห็นคนจรผมเผ้ายุ่งเหยิงกลิ่นเหล้าหึ่งเตะจมูกกำลังนั่งหลับอยู่ข้างป้ายรถเมล์ รวีอดไม่ได้ที่จะสงสาร “เฮ้อจริง ๆ เลย คนสมัยนี้มือเท้าก็มีครบแต่ดันมานั่งขอทาน” ไหนขอทานวันหนึ่งได้เงินกี่บาทกันเชียว ขอเดินไปดูหน่อยนะ ถ้าเยอะแอบหยิบติดมือมาบ้างก็คงจะดี “เห้ย มาจับฉันทำไมเนี้ย” รวีโวยวายเมื่อจู่ ๆ คนที่นั่งหลับอยู่ก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “คุณนลิน!!” คนจรที่เธอแอบด่าในใจเมื่อครู่กลับกลายเป็นเจ้านายเธอซะนี่ “คุณนลินลุกขึ้นเร็วค่ะ อายคนเขา จะมานอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ” รวีพยุงร่างของนลินขึ้น “บ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยววีไปส่ง” “นี่งายยย นี่บ้านฉัน ปล่อย!! จะนอน” ถามไปรวีก็คงไม่ได้คำตอบจากคนเมา เธอจึงตัดสินใจพาเจ้านายสาวไปที่บ้านเธอแทน คนก็ห่วงละครก็ต้องดู ปกติรวีจะนั่งรถเมล์กลับ แต่หากวันนี้คงจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่แทน ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกของตัวเธอเองที่วันนี้ต้องพาเจ้านายสาวกลับไปด้วย รถแท็กซี่คันเหลืองขับมาจอดข้างริมฟุตบาทเมื่อได้รับสัญญาณจากลูกค้าว่าถูกเรียกใช้บริการ เมื่อรถจอดสนิทแล้วรวีจึงเปิดประตูหลังของรถ และจากนั้นค่อย ๆ พยุงร่างของนลินขึ้นไปที่เบาะหลัง “คุณนลิน ค่อย ๆ ขึ้นนะคะ” นลินขึ้นไปตามคำสั่งของรวีอย่างว่าง่าย ตอนนี้ไม่ว่าใครจะสั่งให้เธอทำอะไรเธอก็คงทำตามไปเสียหมดทุกอย่าง “คุณนั่งดี ๆ หน่อยสิ” “อือ” คนเมาทำได้เพียงขานรับ ในระหว่างการเดินทางนลินไม่สามารถประคองตัวเองให้นั่งอย่างปกติได้ ไม่ว่ารถจะเลี้ยวไปทางไหน ตัวเธอก็จะเอนไปตามแรงเหวี่ยงของรถทันที ทำให้รวีต้องคอยประคับประคองไปตลอดทาง เมื่อรถแท็กซี่ขับมาถึงจุดหมายปลายทาง รวีได้สะกิดเรียกนลินเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกตัว “คุณนลินคะ ถึงบ้านแล้วค่ะ” “แฟนหนูนี่สวยจังเลยนะ” ลุงขับแท็กซี่ทัก “เอ่อลุงคะ นี่ไม่ใช่แฟนหนูนะลุง” “เอาเถอะ ๆ สมัยนี้มันเปิดกว้างแล้ว หนูไม่ต้องอายหรอกน่ะ ลุงเข้าใจ” เข้าใจกับผีสิลุง!! เมื่อรวีจ่ายเงินค่าโดยสารเรียบร้อยแล้วก็พาเจ้านายสาวเข้าบ้านด้วยท่าทีที่ทุลักทุเลและจากนั้นค่อย ๆ วางคนเมาลงบนโซฟาตัวโปรดของเธอ “นอนตรงนี้ไปก่อนนะคะคุณนลิน” รวีพูดกับร่างที่ไร้สติก่อนจะเดินไปหยิบเหยือกน้ำในตู้เย็นเพื่อนำมาให้นลินได้ดื่ม “ดื่มน้ำหน่อยนะคุณนลิน เผื่อจะได้สร่าง” รวีค่อย ๆ พยุงหัวของนลินขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้เธอจิบ หวังให้แอลกอฮอล์ในร่างกายลดลงบ้างสักนิดก็ยังดี “อุ๊บ!” เมื่อนลินดื่มน้ำได้สักพักก็เกิดอาการคลื่นไส้ สีหน้าและท่าทางของเธอเหมือนจะใกล้อาเจียนเต็มที เมื่อเจ้าของบ้านเห็นดังนั้นก็มีท่าทีที่ตกใจ “เห้ย! คุณใจเย็น ๆ นะ ฮึบไว้ก่อน หรือจะกลืนมันลงไปเลยก็ได้ แต่อย่ามาปล่อยตรงนี้” รวีเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไปหยิบถุงพลาสติก “อดทนอีกเดี๋ยวนะคุณนลิน วีกำลังไปหาแล้ว” หลังจากที่รวีได้ของที่ต้องการก็รีบพุ่งตัวไปหานลิน...แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว “แหวะ!!” กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งไปทั่วห้องและนอกจากนั้นมันยังเปรอะโซฟาและพื้นอีกด้วย “คุณนลิ๊นนนนน” เมื่อรวีได้เห็นดังนั้นจึงร้องเสียงหลง “ฮื่้อออ โซฟาฉัน” คุณนลินนะคุณนลิน คอยดูเถอะ หลังจากที่รวีทำความสะอาดห้องร่วมชั่วโมงก็หันไปมองคนที่เป็นต้นเหตุของการทำความสะอาดใหญ่ครั้งนี้ เฮ้อ...หลับสบายใจเชียว . . . . “โอ๊ย ปวดหัวจัง” นลินบ่นงึมงำกับตัวเอง “ป้าน้อยคะ ลินขอยาพาราหน่อยค่ะ” “ยามาแล้วค่ะคุณนลิน” แหมคนอะไรตื่นมาก็สั่งโน้นสั่งนี่เลย “ขอบคุณค่ะป้า” นลินหยิบยามาทานโดยที่ยังไม่เห็นถึงความผิดปกติ “ป้าที่ไหนจะสวยขนาดนี้คะคุณนลิน ดูดี ๆ สิคะ นี่วีเอง” รวียิ้มแฉ่ง “นี่คุณ คุณมาอยู่ในห้องฉันได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” เมื่อนลินได้สติก็โวยวายทันที พร้อมชี้นิ้วไล่รวีให้ออกไปจากห้องของตน “นี่ห้องวีค่ะ ดูดี ๆ สิคะ ... เฮ้อนี่วีทำคุณบูชาโทษแท้ ๆ เลยใช่ไหมเนี่ย” ถ้าเธอรู้ว่าถ้านลินตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นแบบนี้ เธอน่าจะทิ้งนลินไว้ที่ป้ายรถเมล์อย่างเดิมก็น่าจะดี “แล้วฉันมาอยู่ห้องคุณได้ยังไง” นลินถามด้วยความสงสัย เพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด “คุณนลินจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลยเหรอคะ? สักนิดก็ยังดี” แต่ดูจากสภาพเมื่อคืนแล้วก็ไม่น่าจะจำอะไรได้ “ถ้าฉันจำได้ฉันจะมาถามคุณอยู่อย่างนี้ไหมล่ะคุณรวี” “โอเค ฉันจะบอกคุณก็ได้ ก็เมื่อคืนคุณน่ะเมามาก ถามอะไรก็ตอบไม่รู้เรื่อง วีเลยพาคุณมาที่ห้องของวีก่อน แล้วอีกอย่างนะคุณยังมาอ้วกใส่โซฟาวีอีกด้วย แล้วจะรีบผิดชอบยังไงดีคะ” นลินจึงลุกขึ้นไปดูโซฟาที่ถูกกล่าวอ้าง พร้อมกับสูดดมฟุดฟิด “ไหนอะ ก็สะอาด ก็หอมดีนี่” “ก็วีทำความสะอาดแล้วไงค่ะ ตรงนี้วีก็ทำ นี่ด้วยแล้วก็นี่อีก” รวีชี้ไล่จากพื้นมายังโซฟาและสุดท้ายชี้ไปที่นลิน “ฉัน?” “อาฮ่ะ รวมทั้งคุณด้วย เสื้อผ้าวีก็เปลี่ยนให้” “แปลว่าคุณ…” นลินยกมือขึ้นมาปิดอก “เห็นหมดแล้ว ไม่ต้องอายหรอกค่ะ” “ใครว่าฉันอายล่ะ ฉันแค่ตกใจ งั้นเราหายกัน คุณเห็นเรือนร่างของฉัน ฉันทำโซฟาคุณเลอะ” “โห่ เชื่อเขาเลย ไร้ยางสุด ๆ” รวีบ่นพึมพำกับตัวเอง คนอะไรพูดออกมาได้หน้าตาเฉย แถมยังจะปัดความรับผิดชอบอีก “คุณว่าไงนะ?” “วีบอกว่า เราไปทำงานกันเถอะค่ะ” หวังว่านลินคงจะไม่ได้ยินที่เธอเผลอพูดไปเมื่อกี้หรอกนะ จากนั้นรวีก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่ เพราะใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้ว “คุณนลินคะ รถมาแล้วค่ะ” รวีหันไปเรียกนลินเมื่อแท็กซี่เทียบจอดที่หน้าบ้าน “พี่ค่ะไปบริษัท xxx” ขณะที่รวีกำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่นลินขึ้นตัดหน้าเธอเสียก่อน “ไม่ไปบริษัท xxx ค่ะแต่เปลี่ยนเป็นร้าน xx” “อ้าว คุณนลินแล้ววีล่ะ?” “เธอไปคันอื่นแล้วกัน ฉันจะไปเอารถ” พูดจบนลินก็เลื่อนกระจกรถขึ้น และรถก็ออกตัวไป ทิ้งให้รวียืนงงอยู่ตรงนั้น “อ้าวเห้ย ไอ้คุณนลินกลับมาก๊อนนน” ยังเป็นโชคดีของรวีที่มีวินมอไซค์ผ่านมาแถวนี้พอดี ขืนรอขึ้นรถเมล์หรือรถคันต่อไปเธอคงไปไม่ทันเวลาเข้างานเป็นแน่ “พี่ไปบริษัท xxx” “ไกลเหมือนกันนะน้อง พี่ขอร้อยห้าสิบบาท” “โหพี่...ไปก็ได้” เพราะแพงอย่างนี้รวีถึงจะเลือกที่จะนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่ อย่างน้อยแท็กซี่ก็นั่งสบายกว่ามอไซค์แต่ราคาเท่ากัน “เห้ย พี่ ๆ ระวังหัวเข่าหนูด้วยสิ” ไม่ทันสิ้นคำของรวีหัวเข่าเธอก็กระแทกเข้ากับรถอีกคันทันที “โอ๊ย พี่เข่าหนู” “เออน้องลงตรงนี้เลยได้ป่ะ พอดีข้างหน้ามีด่านอะ พี่ไม่มีหมวกกันน็อคแถมวันนี้ลืมพกบัตรอีก” พี่วินจอดรถข้างฟุตบาททันที “เอ้าพี่ ทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้นะ” “ร้อยห้าสิบครับน้อง” เดี๋ยวนะทิ้งกันแบบนี้แถมทำฉันบาดเจ็บยังจะเก็บเงินอีกเหรอวะเนี้ย “เร็วดิน้อง เร็วววว” รวียืนเงินให้แบบงง ๆ แล้วพี่วินก็กลับรถขับออกไปอย่างรวดเร็วปานโจรส่งยาเห็นตำรวจตั้งด่านเพื่อรอดักจับพี่แกโดยเฉพาะ ป้ายรถเมล์ก็อยู่ซะไกลเลย เดินก็เดินว่ะ สักพักก็มีเบนซ์คันหรูสีขาวมาจอดเทียบ กระจกรถถูกเลื่อนลงโดยคนขับ “นี่! คุณเดินไปแบบนั้นมันจะถึงไหมล่ะ?” “แล้วมันเป็นเพราะใครกันล่ะ ถ้าฉันเข้างานสายแล้วถูกหักเงินเดือนคุณต้องรับผิดชอบด้วยนะ” “ขึ้นมาสิ ไปพร้อมฉันก็ได้” รวีรีบวิ่งขึ้นรถทันที ถึงเจ้าของรถไม่ชวน เธอก็จะติดรถไปด้วยอยู่แล้วล่ะ “ฉันอุตส่าห์ให้ติดรถมาด้วย ทำไมทำหน้าบูดนักล่ะคุณรวี หืม?” นลินเห็นรวีนั่งเงียบมาตลอดทางจึงหาเรื่องพูดคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบไปมากกว่านี้ “ทำไมคุณถึงมารับฉัน ทั้ง ๆ ที่คุณทิ้งฉันไว้เมื่อเช้า คุณทำให้ฉันต้องนั่งวิน หัวเข่ากระแทกรถ โดนพี่วินเททิ้งข้างทาง แถมเมื่อคืนคุณยังจะมาอ้วกใส่โซฟาตัวโปรดของฉันด้วย! ฉันน่าจะปล่อยคุณไว้ฉันไม่น่าพาตัวเองมาลำบากเพราะคุณเลย คุณนลิน!!” เมื่อได้ฟังดังนั้นนลินก็นั่งเงียบไปทำให้รวีคิดได้ว่าตัวเองพูดแรงเกินไปหรือเปล่า แล้วทำไมฉันต้องโมโหขนาดนี้ด้วยเนี้ย นั้นเจ้านายนะเว้ยถ้าแกโดนไล่ออกล่ะไอ้วีเอ้ย “วีขอโทษ วีก็พูดไปเรื่อยน่ะ” “ขอโทษทำไม คุณพูดถูกแล้วแหละ ฉันมันตัวปัญหา” นลินพูดเสียงสั่นเครือเพราะบางคำพูดของรวีจี้ใจเธอ ทำให้เธอคิดถึงคำพูดของอดีตแฟนที่เธอเพิ่งถูกบอกเลิกไปเมื่อวาน ‘ทำไมคุณถึงอยากเลิกกับฉันล่ะเดวิด ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?’ [คุณไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกลิน ผมแค่เบื่อ เบื่อกับการที่ต้องตามใจคุณเท่านั้นเอง] ‘...’ [คุณรู้ไหม หลายครั้งคุณทำให้ผมลำบากใจแค่ไหนที่ต้องตามใจคุณไปซะทุกเรื่อง] ‘...’ [หวังว่าคุณจะเข้าใจผมนะลิน] ประโยคเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนลินไม่หายไปไหน น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหล “คุณนลินคะ วีขอโทษ” ปี๊น ปี๊น เสียงแตรจากรถคันข้างหลัง ดูท่าเจ้านายของเธอจะขับรถไม่ไหวเสียแล้ว “คุณนลินคะ วีขับให้นะ” รวีรีบอ้อมไปทางด้านคนขับและสลับสับเปลี่ยนที่นั่งทันที ระหว่างที่รวีขับรถไปนั้นก็หาวิธีปลอบใจนลินไปด้วย “คุณนลินคะ ลูกอมไหมคะ” “...” “คืองี้ค่ะ วีเชื่อว่าความหวานจะช่วยเยียวยาความเศร้าได้น่ะค่ะ รับไปเถอะค่ะ” “งั้นเดี๋ยววีแกะให้นะคะ” “ไม่ต้องอ่ะ ฉันเกะเองได้ มือคุณสกปรกหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้” แหนะยังมิวายจะหันมาแขวะฉัน “แต่ยังไงก็ขอบใจนะ” “คุณนลินคะ ปกติจอดรถตรงไหนคะ?” “เข้าใต้อาคารเลย ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะ ตรงนั้นอ่ะที่มีที่จอดสองที่” “แต่ตรงนี้มันที่จอดของท่านประทานนี่คะคุณนลิน วีว่าวีขับไปจอดที่อื่นดีกว่า” ว่าจบรวีก็วนรถต่อทันที “ไม่มีที่จอดหรอก จอดตรงนั้นนั่นแหละถูกแล้ว” “จอดที่อื่นเถอะค่ะ คุณนลินไม่กลัวโดนไล่ออกเหรอคะ เพิ่งจะมาทำแท้ ๆ แต่อาจจะโดนเด้งเพราะเรื่องที่จอดเนี่ย” ฉันพูดตามที่คิด คนอะไรหาเรื่องให้ตัวเองโดนด่า “ฝันไปเถอะ ฉันไม่โดนไล่ออกหรอกย่ะ” รวีไม่ได้ตอบนลินเพราะกำลังใช้สมาธิในการขับรถอยู่ “จอด ๆ จอดตรงนี้แหละ ฉันจะลงแล้ว ส่วนคุณน่ะก็หาที่จอดให้ฉันด้วยล่ะ” “อีกแป๊บก็คงได้ที่จอดแล้วค่ะ คุณนลินไม่รอเข้าไปพร้อมกันเหรอคะ?” “ขืนฉันรอคุณหาที่จอดได้ฉันเข้างานสายพอดี อ้อแล้วอีกอย่างฉันก็ไม่อยากเข้าไปพร้อมคุณด้วย” นลินพูดจบก็เดินเข้าบริษัทปล่อยให้รวีวนหาที่จอดต่อไป . . . . “คุณปรีดามาพบฉันที่ห้องด้วยค่ะ” ปรีดาไปพบนลินตามคำสั่ง เธอได้แค่คิดว่าคราวนี้เธอทำอะไรผิดไปอีกหรือเปล่า “ขออนุญาตค…” ขณะที่ปรีดากำลังพูดนั้นนลินก็พูดแทรกทันที “ใครบอกให้คุณเปลี่ยนแบบฟอร์มของบริษัท กลับไปแก้มาใหม่ทั้งหมดนี่เลยนะ!!” นลินโยนกองเอกสารที่ต้องนำกลับไปแก้ลงพื้น “ฉันขอทั้งหมดนี่ให้เสร็จภายในวันนี้ด้วยนะคะ” “ค่ะคุณนลิน ดิฉันจะรีบแก้ค่ะ” ปรีดารีบก้มเก็บกองเองสารอย่างลนลานก่อนจะเดินออกไปที่โต๊ะของตน เมื่อปรีดาไปแล้วนลินจึงนั่งทำงานต่อ พอได้สักพักรวีก็เดินเข้ามา “คุณนลินคะ กุญแจรถค่ะ” รวีชูกุญแจแกว่งไปมา “ทำไมไม่เคาะประตูคะคุณรวี” “เอาน่า ไหน ๆ วีก็เข้ามาแล้ว นี้ค่ะกุญแจ อ้อแล้วรถคุณจอดอยู่ชั้นเอหนึ่งนะคะ” “อืม ขอบใจ” “เห็นไหมวีบอกแล้วว่าต้องมีที่จอด ไม่เห็นจะต้องไปเสี่ยงจอดตรงนั้นเลย” รวีหมายถึงจอดรถในที่ของท่านประทาน “แต่คุณก็เข้างานสายนะ เดือนนี้คุณสายจนครบโควตาแล้ว หักเงินเดือนนะ” นลินยักคิ้วให้คนตรงหน้า “แต่ที่วีสายก็เพราะหาที่จอดให้คุณเลยนะ” “นั้นมันเป็นเรื่องของคุณ หมดธุระของคุณแล้ว” นลินผายมือไปที่ประตู “เชิญ ฉันจะทำงานต่อ” ไล่กันดื้อ ๆ อย่างนี้เลยวุ้ย กลับไปทำงานก็ได้ว่ะ “วีทำไมเดินหน้ามุ่ยออกมาจากห้องคุณนลินอย่างนั้นล่ะ?” ชญานีถามเมื่อเห็นสีหน้ารวี “ฉันโดนหักเงินเดือนน่ะพี่นี” “วันนี้มีคนโดนแจ็คพอตถึงสองคนเลยเชียว” รวีมองไปที่ชญานีอย่างสงสัยว่าอีกคนที่หมายถึงคือใครกัน ยังมีคนซวยเหมือนเธออีกหรือนี่ “ก็ไอ้ดาน่ะสิโดนอีกแล้ว” ชญานีชี้ไปที่ปรีดา “โน่น ได้แก้งานใหม่ นั่นเอกสารทั้งหมดบนโต๊ะ แก้ใหม่หมดเลย” รวีมองไปที่เอกสารของปรีดาก็ทำสีหน้าสลด เห็นแล้วก็เห็นใจ กองเอกสารนั้นไม่ใช้น้อย ทั้งวันจะทำเสร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไหนยังจะต้องทำงานของวันนี้อีก เธออยากจะเข้าไปช่วย แต่งานของเธอ ณ ตอนนี้ก็ล้นมือแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม