"อือ แอปเปิลนี้อร่อยจังเลย อยากรู้มานานแล้วว่าของในเกมที่ดูน่ากินพวกนี้จะมีรสชาติยังไง" ต้นหอมเอ่ยขึ้นเมื่อทดลองเอาแอปเปิลออกมาจากในเกม และก็สามารถเอาออกมาได้จริง และเมื่อเห็นสีแดงสดของมันก็อดใจไม่ไหวจึงกัดกินในทันที
"หงอ้าย ลูกเป็นยังไงบ้าง แม่เอาข้าวต้มมาให้...นี่ลูกไปเอาผิงกั่วมาจากที่ไหน" เสียงของหญิงคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งก็คืออินซื่อที่ยกอาหารมาให้กับบุตรสาว แต่พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็มองเห็นร่างของบุตรสาวที่กำลังเคี้ยวอะไรอยู่จนแก้มป่องก็ต้องแปลกใจ และพอมองเห็นของที่บุตรสาวถือไว้ก็อดเอ่ยถามไม่ได้
"เออ...คือ...หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน พอคิดว่าหิวแอปเปิล เอ๊ย ผิงกั่วลูกนี้ก็โผล่ออกมาอยู่ในมือ" ต้นหอมที่กำลังอร่อยกับผลไม้ในมือถึงกับตกใจเมื่อแม่เจ้าของร่างเปิดประตูเข้ามาเจอแบบนี้ และเธอก็คิดหาข้ออ้างไม่ทันอีกด้วย จึงตอบกลับไปตรงๆ เสียเลย
"ลูกรู้ใช่ไหมว่าเรื่องแบบนี้พูดออกมาไม่ได้ คงจะเป็นพี่ชายคนไหนไปเก็บจากในป่ามาให้มากกว่า เอาล่ะมากินข้าวก่อนเถอะจะได้กินยา แล้วเมื่อกี้ลูกเรียกผิงกั่วว่าอะไรนะ" อินซื่อที่เห็นท่าทางของบุตรสาวที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป เพราะเมื่อก่อนลูกสาวของเธอคนนี้ไม่ค่อยพูด และยังมีท่าทางนิ่งเฉยดูเอื่อยเฉื่อยเป็นที่สุด แต่ตอนนี้กลับพูดจาได้คล่องแคล่วขึ้น ทั้งยังกล้าสบตากับเธออีกด้วย แต่เธอก็ไม่ลืมเตือนไม่ให้บุตรสาวพูดจาแบบนั้นออกมาอีก เพราะในตอนนี้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติทั้งหลายนับว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และที่อินซื่อไม่สงสัยว่ามันไม่ใช่ผิงกั่วจากในป่า เพราะมันเหลือแค่แกนกลางแล้วเท่านั้น
ต้นหอมพยักหน้ารับคำแม่เจ้าของร่าง โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเรื่องที่เธอรับรู้มาจากความทรงจำมันเป็นมุมมองจากเจ้าของร่าง โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าของร่างแทบไม่เคยพูดตอบโต้กับใครเลย และทุกครั้งสายตาของเจ้าของร่างจะมองใบหน้าของฝั่งตรงข้ามเพียงแวบเดียวแล้วก็ทำแค่ก้มลงมองพื้นเท่านั้น
"ฉัน เออ…หนูได้ยินพี่เว่ยเว่ยลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านเรียกว่าแอปเปิลตอนที่เอามาให้พี่เจียงหานตอนที่กำลังเก็บผักป่ากันอยู่" ต้นหอมพยายามนึกหาคำตอบ แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งเหมือนจะเพิ่งผ่านมาไม่กี่วันนี้เองด้วย
"ได้ยินแค่ครั้งเดียวลูกก็จำได้รึ" อินซื่อยังคงเอ่ยถามบุตรสาวต่อไป ดูเหมือนหลังจากการบาดเจ็บที่ศีรษะครั้งนี้ บุตรสาวของเธอจะดูฉลาดขึ้น และไม่เอาแต่หลบสายตาหรือว่าปิดปากไม่ยอมพูดจากับใครอีก แต่กลับมีท่าทางเป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ แล้ว
"พี่เว่ยเว่ยพูดกับพี่เจียงหานหลายครั้ง หนูก็เลยจำได้" ต้นหอมเอ่ยตอบกลับไป เพราะในความทรงจำลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านพยายามจะพูดเหมือนอวดว่าตนเองรู้จักคำภาษาต่างประเทศเหมือนกันให้พี่ชายเจียงฟังอยู่หลายครั้ง และเจ้าของร่างก็จำได้จริงๆ เพียงแต่น่าจะไม่เคยพูดให้ใครฟัง
"เอาเถอะมากินข้าวต้มก่อน แล้วจะได้กินยา" อินซื่อยื่นชามข้าวต้มส่งให้บุตรสาว จะบอกว่าเป็นข้าวต้มก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเป็นแค่น้ำต้มข้าวที่ใสจนแทบนับเม็ดข้าวได้ แต่นี่คือข้าวขาวที่ดีที่สุดที่ครอบครัวมีในตอนนี้ และมันก็มีเพียงแค่ไม่กี่ชั่งเท่านั้น เพราะแม่สามีซื้อมาไว้ต้มให้หลานสาวที่กำลังป่วยกับหลานชายที่ยังเล็กกินโดยเฉพาะ
ต้นหอมรับข้าวต้มหรือน่าจะเรียกว่าเป็นน้ำข้าวมากกว่ามาจากมือแม่เจ้าของร่าง แล้วยกขึ้นซดทีเดียวหมดชาม เพราะตอนนี้เธอหิวมากจริงๆ แค่แอปเปิลที่กินไปไม่ทำให้อิ่มท้องได้มากนัก จากนั้นก็รับชามยามายกขึ้นดื่มจนหมดตามไป ซึ่งรสชาติขมของยาต้มทำให้เธอแทบจะอาเจียนเอาของที่เพิ่งกินลงไปออกมา แต่ก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้เพราะเห็นสายตาที่มองมาด้วยความเป็นห่วงจากแม่เจ้าของร่าง
"ลูกนอนพักเถอะ เดี๋ยวตอนค่ำแม่จะต้มน้ำมาเช็ดตัวให้" อินซื่อเห็นบุตรสาวยอมกินข้าวกินยาอย่างว่าง่ายก็รู้สึกโล่งใจ เพราะเมื่อก่อนถึงอีกฝ่ายจะไม่พูดหรือมีท่าทางนิ่งเฉยยังไง แต่พอพูดถึงเรื่องกินข้าวกินยาก็จะดื้อไม่ยอมกิน ไม่อย่างนั้นร่างกายคงไม่ผอมมากขนาดนี้ ตอนนี้เด็กน้อยอายุ 10 ปีแล้ว แต่มีขนาดตัวเท่ากับเด็กอายุ 7-8 ปีเพียงเท่านั้น
'เปิดเกม' หลังจากแม่เจ้าของร่างกลับออกไปแล้ว ต้นหอมก็เรียกหน้าจอเกมขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เธอไม่ได้ส่งเสียงออกมา แต่ลองใช้การคิดในใจซึ่งก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
ต้นหอมกดที่กล่องจดหมายเพื่อตรวจรับของรางวัล ซึ่งก็คือเพชรและเหรียญทองจากกิจกรรมเร่งเลเวลที่ทำให้เธอได้มาอยู่ที่นี่นั่นเอง จากนั้นก็ตรวจสอบโกดังเก็บของว่ามีของอะไรเหลืออยู่บ้าง เป็นเพราะตอนชั่วโมงสุดท้ายของการเล่นเกม เธอทำเควสส่งรถไป คลังในตอนนี้จึงมีที่ว่างเหลืออยู่มาก
แต่เธอยังไม่รู้ว่าจะเอาของในเกมออกไปทำอะไรได้บ้าง จึงสั่งผลิตไว้อย่างละชิ้นสองชิ้น แต่พวกของกินเธอผลิตไว้จนเต็มช่องของเครื่องผลิต และทำการปลูกข้าวกับข้าวโพดไว้มากหน่อย พืชผักอย่างอื่นก็ปลูกไว้เพียงแค่แปลงเล็กๆ พอให้มีติดคลังนิดหน่อย ต่อด้วยการเก็บไข่ไก่ เก็บเนื้อหมู รีดนมวัว รีดนมแพะ ตัดขนแกะมาเก็บตุนเอาไว้ แล้วก็เก็บผลไม้ที่สามารถเก็บได้เข้าคลัง
พอไล่มาถึงตรงหน้าทางเข้าฟาร์มที่ในเกมจะมีคอกแข่งม้า รถไฟ ตู้หนังสือพิมพ์ที่ไว้ใช้หาซื้อของ หรือป้ายแจ้งเตือนกิจกรรม ซึ่งตอนนี้ทั้งหมดได้หายไปแล้ว เหลือแค่ร้านค้าริมทางกับโต๊ะแค็ตตาล็อกสำหรับปรับแต่งบ้านที่ยังอยู่ เธอจึงกดเข้าไปดู ซึ่งสิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้นหอมดีใจมาก เพราะมันเปลี่ยนเป็นร้านขายวัสดุก่อสร้างแทน ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้อง อิฐ ไม้ บานหน้าต่าง บานประตู เสา เรียกได้ว่าครบทุกอย่างถ้าต้องการจะสร้างบ้านสักหลัง
และเธอยังเห็นว่ามีหมวดการสร้างรถกระบะแบบมีคอกด้านหลังเหมือนกับในเกมอีกด้วย และที่มีเพิ่มขึ้นมาอีกก็คือหมวดรถจักรยานกับหมวดรถมอเตอร์ไซค์ที่แต่เดิมเป็นเพียงของประดับในเกมเท่านั้น แต่ในระบบเกมของเธอตอนนี้สามารถสั่งผลิตพวกมันขึ้นมาได้ โดยของทั้งหมดต้องใช้เพชรในการซื้อ โชคดีที่เธอได้รับรางวัลมาถึงหนึ่งหมื่นเพชร ยังมีเพชรที่ได้มาจากการขุดเหมือง และที่ได้รับรางวัลจากกิจกรรมอื่นๆ อีกประมาณพันกว่าเพชร
ต่อมาก็คือลุงกับป้าที่เป็นคนงานที่สามารถจ้างให้คอยเก็บของได้ ตอนเก็บเลเวลเกมเธอก็จ้างทั้งคู่เอาไว้ ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังคงทำตามคำสั่งที่เธอตั้งเอาไว้อยู่ และทอมเด็กวิ่งหาของที่เธอก็ได้ทำการจ้างเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพราะเผื่อของที่ต้องใช้ส่งรถไม่มีจะได้ให้ทอมไปหามา และตอนนี้ทอมก็มายืนรอที่ตะกร้าแล้ว ต้นหอมจึงกดเข้าไปดูว่าจะให้ซื้ออะไรมาตุนไว้
แล้วก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง เพราะทอมไม่ได้มีของในเกมอีกต่อไป แต่กลายเป็นของที่ทำให้เธอต้องยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ โดยมีการแยกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ อันได้แก่มีหมวดยารักษาโรค หมวดของใช้ประจำวัน หมวดอุปกรณ์เครื่องครัว และสุดท้ายหมวดของใช้ในบ้าน เธอจึงยังไม่ให้ทอมไปซื้ออะไร เพราะไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหนถึงจะให้ไปซื้อได้อีกครั้ง
'นี่มันสุดยอดไปเลย มีทุกอย่างให้ครบครันจริงๆ ไหนไปดูร้านค้าของเกมซิมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า' ต้นหอมได้แต่โห่ร้องด้วยความยินดีอยู่ในใจ ระบบเกมที่ได้มามันเทพเสียยิ่งกว่าการได้ห้างสรรพสินค้าติดตัวมา หรือการรู้ล่วงหน้าแล้วออกไปตระเวนหาซื้อของมาเก็บไว้ในมิติเหมือนในนิยายที่เคยอ่านมาเสียอีก
ในร้านค้าของเกมทุกอย่างก็ยังมีเหมือนเดิม เพียงแต่จะมีแค่บางอย่างเท่านั้นที่เอาออกมาใช้ได้ ซึ่งพวกของประดับบางอย่างไม่สามารถเอาออกมาใช้งานได้ แต่ที่เห็นจะมีพวกบ่อน้ำที่เป็นช่องสีเขียวซึ่งแสดงว่าเอาออกมาใช้งานที่ด้านนอกได้ ยังมีพวกต้นผลไม้ต่างๆ ก็เอาออกมาปลูกที่ด้านนอกได้ แปลงผัก สัตว์เลี้ยงจำพวกสุนัข กระต่าย และแมวก็เอาออกมาด้านนอกได้เช่นกัน
แต่พวกไก่ วัว หมู แพะ ม้า ลา แกะ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ที่เหลือ ไม่สามารถเอาออกมาได้ คงเพราะเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมในยุคนี้ เมื่อตรวจดูในหมวดนี้หมดแล้ว เธอจึงไปยังอีกสิ่งที่มีอยู่ในระบบเกมก็คือเรือตกปลา ซึ่งตรงนี้เธอยังสามารถไปตกปลา จับกุ้ง จับเป็ดมาเพื่อเก็บขนเป็ดได้อยู่
'โหนี่มันเทพสุดๆ ไปเลย ไหนไปดูแผงขายของหน้าฟาร์มสิ ว่าจะทำอะไรได้บ้าง' ต้นหอมแทบอยากจะลุกขึ้นมาเต้นด้วยความยินดีกับสิ่งที่ระบบเกมมีให้มา เพราะทุกอย่างเธอสามารถเอาออกมาใช้ได้จริง และมันจะทำให้ชีวิตของเธอต่อจากนี้ไม่ลำบากมาก อาจจะเรียกได้ว่าสะดวกสบายเลยก็ได้
เพียงแต่เรื่องนี้เธอต้องระมัดระวังและเก็บเป็นความลับให้ดี อย่าได้ประมาทจนมีใครมาเห็นเหมือนอย่างเมื่อครู่นี้อีก เพราะนอกจากเธอจะเป็นอันตรายแล้ว คนในครอบครัวเจ้าของร่างก็อาจจะเป็นอันตรายไปด้วยก็ได้
ในส่วนของแผงขายของหน้าฟาร์มก็ยังดูเหมือนเดิมเพียงแต่ว่าราคาขายดูจะเพิ่มขึ้น ข้าวสาลีหนึ่งต้นเดิมจะขายได้ 1 เหรียญทอง แต่ตอนนี้วางของในตะกร้าจะอยู่ที่ 10 ต้นและมีระบุว่าน้ำหนักเท่ากับ 1 ชั่ง ขายได้ 100 เหรียญทองไม่สามารถเพิ่มหรือลดราคาขายและจำนวนได้ พวกผลไม้ต่างๆ ก็จะคิดที่ 10 ผลเป็น 1 ชั่งทั้งหมด และราคาก็ยังเพิ่มขึ้นทุกชนิดมีระบุราคาตายตัวเช่นกัน
แต่ระบบเกมนี้ไม่มีการให้แลกเปลี่ยนค่าเงินในเกมกับค่าเงินที่ด้านนอก ทุกเหรียญทองที่ขายได้ในเกมก็เอาไว้ใช้ซื้อของในเกมได้เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าถ้าเธออยากจะหาเงินก็ต้องเอาของออกไปขายด้วยตนเองเท่านั้น ส่วนเพชรก็เอาไว้ซื้อของที่โต๊ะก่อสร้างกับซื้อของจากทอม แต่บางอย่างทอมก็ใช้เหรียญทองในการซื้อ
'เอาเถอะเท่านี้ก็ดีมากแล้ว' ต้นหอมคิดดูแล้วถ้าอยากได้เงินก็คงต้องหาคนที่ไว้ใจได้ให้เอาของพวกนี้ออกไปขาย เพราะร่างนี้ยังเป็นเด็กน้อยอายุ 10 ปี ที่ตัวเล็กเท่ากับเด็กอายุ 7-8 ปีเท่านั้น คงเป็นเพราะนิสัยเดิมที่เจ้าของร่างไม่ค่อยยอมกินอาหารและที่อยู่มาจนถึงอายุ 10 ปีได้ก็นับว่าเก่งกาจมากแล้ว
ต้นหอมนอนอยู่บนเตียงได้ไม่นานก็รู้สึกง่วงจึงหลับตาลง โดยตั้งใจว่าจะพักสายตาสักหน่อย รอให้แม่เจ้าของร่างมาเช็ดตัวค่อยตื่น แต่กลายเป็นว่าต้นหอมหลับสนิทจนมารู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ท้องฟ้าสว่างจ้ามากแล้ว
"หงอ้ายตื่นหรือยัง" เสียงของหญิงชราที่ได้ยินเมื่อวานดังขึ้นที่หน้าห้อง จากนั้นประตูห้องก็เปิดออก ต้นหอมมองเห็นหญิงชราอายุประมาณ 50-60 ปีเดินเข้ามาภายในห้อง และในมือของอีกฝ่ายก็ถือถาดที่มีถ้วยสองใบเอาไว้
"คุณย่า…" ต้นหอมเอ่ยเรียกหญิงชราไปตามความทรงจำที่ได้มา ย่าของเจ้าของร่างเป็นหญิงชราที่ดูกระฉับกระเฉง อีกฝ่ายไม่ได้มีนิสัยร้ายกาจและรังเกียจหลานสาวเหมือนในนิยายที่เคยอ่าน และไม่ได้มีนิสัยชอบกดข่มลูกสะใภ้เหมือนแม่สามีบ้านอื่น แต่ค่อนข้างเป็นคนยุติธรรมคนหนึ่ง บรรดาลูกชายกับลูกสะใภ้ในบ้านก็ใช้ชีวิตกันได้ค่อนข้างดี
"อะไรกันแค่หัวกระแทกโต๊ะครั้งเดียว ก็รู้จักพูดจาเป็นแล้วหรือ" นางหวังซื่อได้ยินที่หลานสาวเรียกก็ถึงกับต้องเอ่ยปากถามออกไปด้วยความแปลกใจ หลานสาวคนนี้วันๆ แทบไม่พูดไม่จา ถ้าไม่ใช่เพราะเคยได้ยินว่าพูดได้ คนในบ้านคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นใบ้ไปแล้ว และแถมยังเรียกตัวเองว่าคุณย่าอีกด้วย ปกติแค่ย่าคำเดียวก็ยังยากจะได้ยิน
*********