ณ ผับชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองของจังหวัดเชียงใหม่
“คืนนี้แกจะกลับบ้านหรือเปล่าวะไอ้ใหญ่” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นอาการมึนเมาที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อคมคายด้วยแล้วเขาก็ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าเพื่อนบ้านี่มันถึงดื่มเหล้าหนักขนาดนี้
“ฉันยังไม่อยากกลับว่ะ ที่บ้านไม่มีใครอยู่สักคน จะรีบกลับไปทำไมวะ”
‘ใหญ่’ หรือ ชนาธิป เลิศพิพัทธ์วรราช เอ่ยขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มหันหน้ามามองเพื่อนรักด้วยสายตาพร่ามัวเล็กน้อย เขาเองก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะกลับไปทำไมในตอนนี้ เพราะที่บ้านไม่มีใครอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาหรือแม้แต่กระทั่งน้องสาว
“บ้านฉันไม่มีใครอยู่ซักคน พ่อกับแม่ไปเที่ยวพักผ่อน ส่วนยัยเล็กก็ไปเที่ยวกับเพื่อน กว่าจะกลับมาก็อีกหลายวัน”
“พ่อกับแม่ของฉันก็ไม่อยู่เหมือนกันนะไอ้ใหญ่”
“พ่อกับแม่ฉันก็ไม่อยู่ว่ะ”
“แล้วนี่พวกแกไม่รู้หรือว่าพวกท่านไปไหน” ชนาธิปหันไปถามเตชิต วัชระไพบูรณ์ กับ กวินท์ ศิริกร ลูกชายของเพื่อนรักของบิดามารดา พวกเขาทั้งสามเกิดมาไล่เลี่ยกัน ตอนเริ่มก็เรียนด้วยกัน จะว่าไปพวกเขาเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นประถมจนจบมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
“ไอ้โฬม ฉันจะถามแกอีกอย่างว่ะ ไอ้โรมมันหายหัวไปไหนวะ ฉันไม่เห็นมันมาหลายวันแล้วนะ”
“พี่โรมมันบินไปมิลานเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่โรมมันไปมิลานทำไม” เตชิตเอ่ยถึงแฝดผู้พี่ เขาเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่า ‘โรม’ หรือเตชินท์ วัชระไพบูรณ์ คิดจะทำอะไรกันแน่ จู่ๆ แฝดผู้พี่ของเขาก็บอกแค่ว่าจะบินไปมิลานแค่นั้นที่เขารู้
“แล้วนี่แกรู้หรือเปล่าวะว่าพ่อกับแม่ของแกไปเที่ยวที่ไหน” กวินท์หันไปถามชนาธิป ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว
“เห็นว่าจะไปเที่ยวทะเล”
“พ่อกับแม่ฉันก็บอกเหมือนกันว่ะว่าจะไปเที่ยวทะเล” เตชิตเอ่ยขึ้นเมื่อฟังเพื่อนพูดจบ ชายหนุ่มหันไปมองชนาธิปกับกวินท์ด้วยอาการสงสัยเล็กน้อย “พวกแกว่าพ่อกับแม่ของพวกเราจะไปด้วยกันหรือเปล่าวะ”
“ฉันว่าน่าจะเป็นไปได้นะ เพราะก่อนหน้าที่พวกท่านจะออกไปจากบ้านฉันเห็นแม่คุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ พอเช้าวันต่อมาพวกท่านก็บอกฉันว่าจะไปเที่ยวทะเลกัน”
“ของฉันก็เหมือนกัน” เตชิตเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัย
“ของฉันก็ด้วยว่ะ พวกแกว่าช่วงนี้บรรดาพ่อแม่ของพวกเราแปลกๆ ไปไหมวะ”
“ไม่รู้สิ แต่ที่แน่ๆ ฉันว่าพี่ชายฉันมันแปลกไปว่ะ” เตชิตเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงแฝดผู้พี่ จู่ๆ ก็บอกเขาว่าจะบินไปมิลาน ทั้งที่ความจริงช่วงนี้งานที่โรงแรมและรีสอร์ทยุ่งจะตาย แต่แฝดผู้พี่ก็ยังคิดที่จะไป
“ฉันก็ไม่เห็นมันจะแปลกตรงไหนเลย ไอ้โรมมันก็บินไปเที่ยวออกบ่อย” กวินท์เอ่ยขึ้น ใบหน้าคมเงยขึ้นไปจ้องมองเตชิตสลับกับชนาธิปก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “ช่วงนี้พวกแกเห็นพวกตัวยุ่งบ้างหรือเปล่า” เมื่อนึกถึงบรรดาลูกสาวของเพื่อนรักบิดามารดา
“ยัยน้ำ ยัยหวาน แล้วก็ยัยลิน นะเหรอ พวกเด็กแสบ” ชนาธิปพูดอย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆ ของสามสาว ลูกสาวของเพื่อนรักบิดามารดา แล้วที่ทำให้เขารู้สึกโมโหไม่หายก็น่าจะเป็นลูกสาวคนโตของคุณลุงท่านวีรพลกับคุณป้าคุณอลินลดานี่แหละ ตัวแสบที่เขาพยายามจะถอยห่าง
“ฉันว่าน่ารักดีออก ติดแต่ว่าแสบ เอาแต่ใจตัวเอง แล้วก็ร้ายไปหน่อยแค่นั้นเอง”
“น่ารักตรงไหนวะไอ้โฬม ฉันว่ายัยพวกเด็กบ้านั่นนิสัยร้ายจะตาย เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง โมโหร้ายก็เป็นที่หนึ่ง ที่สำคัญพวกเด็กบ้านั่นชอบแกล้งฉัน แก แล้วก็แกด้วย”
ชนาธิปเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงวีรกรรมของสามสาว มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว ยิ่งคิดถึงตอนที่เขาโดนรมิดาแกล้งอารมณ์ก็เริ่มเสียขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าที่ไหนมีเขา ที่นั่นต้องไม่มีรมิดา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่มีวันญาติดีกับผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้อย่างแน่นอน
“ฉันก็ไม่เห็นพวกน้องๆ เขาจะแกล้งอะไรพวกเรานี่นาไอ้ใหญ่ ฉันว่าแกนะอคติกับพวกน้องเขาหรือเปล่า ฉันเจอยัยน้ำ ยัยหวาน ยัยลิน ออกจะบ่อย ทุกคนก็ดูน่ารักดีนี่นา ไม่เห็นจะเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ อย่างที่แกเล่ามาเลย แกน่ะคิดมาก”
กวินท์พูดขึ้นมาอย่างขบขัน เขาไม่เห็นว่ารมิดา มนัญชยากับพลอยไพลิน จะดูร้ายตรงไหน ทุกคนก็ดูน่ารัก นิสัยดีกันทุกคน เขาไม่เห็นว่าทั้งสามสาวจะดูร้ายกาจอย่างที่ชนาธิปบอกเลย
“แกไม่ชอบยัยน้ำใช่ไหม”
“เออ” ชนาธิปตอบรับอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาไม่ชอบรมิดาจริงๆ เพราะในบรรดาสามสาวเขาไม่ชอบรมิดามากที่สุด เพราะหญิงสาวชอบต่อว่าเขาแรง หาว่าเขาเจ้าชู้ นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจตัวเอง บ้าผู้หญิง ที่สำคัญเจ้าหล่อนยังด่าเขาเสียๆ หายๆ อีกเยอะ จนเขาแทบจะบีบคอขาวให้แหลกคามือ หากไม่ติดอยู่ที่ว่ารมิดาเป็นลูกสาวของเพื่อนรักบิดาของเขาล่ะก็ ป่านนี้เขาคงจะจับรมิดาฆ่าแล้วจับหมกคาแปลงกุหลาบของเขาไปแล้ว
“ระวังนะไอ้ใหญ่ เกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น แกเกลียดยัยน้ำมากๆ ระวังนะเว้ย เดี๋ยวกามเทพจะแผลงศรให้แกกับยัยน้ำรักกัน หรือไม่แกก็ตกหลุมรักยัยน้ำแทน แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน” เตชิตบอกอย่างขบขัน นึกๆ ไปหากชนาธิปกับรมิดารักกันจริงๆ คงจะมันพิลึก เพราะต่างฝ่ายต่างก็แรงพอๆ กัน สองคนนี้เป็นประเภทหญิงร้ายชายแรง เจอหน้ากันแต่ละครั้งก็ต้องทะเลาะกันตลอด
“ไม่มีทางเสียล่ะ คนอย่างนายชนาธิปไม่มีวันรักยัยเด็กอารมณ์ร้าย นิสัยแย่ๆ แบบนั้นแน่นอน”
“แล้วฉันจะคอยดู ” กวินท์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“ฉันว่าพวกเราน่าจะกลับกันได้แล้วนะ ฉันชักง่วงแล้วว่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้าด้วย”
เตชิตเอ่ยขึ้น หลังจากที่เขานั่งฟังกวินท์กับชนาธิปคุยถึงสาวๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบรมิดา มนัญชยาและพลอยไพลิน แต่เขาก็ไม่ได้เกลียด เพราะจะว่าไปทั้งสามสาวก็ดูจะเป็นเด็กดีของคุณลุงคุณป้า ที่สำคัญทั้งสามสาวสวยเอามากๆ เสียด้วย เสียดายหากไม่ติดว่าพ่อแม่ของเขากับพ่อแม่ของสามสาวเป็นเพื่อนรักกัน ป่านนี้เขาคงจะจีบใครคนใดคนหนึ่งไปแล้ว อีกอย่างทั้งสามสาวก็ดูจะเก่งไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการเรียน กิจกรรม ทั้งสามสาวทำได้ดีจนเขารู้สึกทึ่ง แต่ก็นะ ความเก่งแบบนี้มันอาจจะถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็ได้ เพราะคุณป้าคุณอลินลดาเรียนจบปริญญาตรีตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ด แถมยังได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาอีก กีฬาก็เด่น ส่วนคุณป้าคุณหญิงชญานินทร์เรียนสามปีครึ่งก็จบ ส่วนคุณป้าคุณสายชลก็จบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับสอง ที่สำคัญกีฬาเด่นอีกต่างหาก แล้วบรรดาลูกสาวของพวกท่านจะไม่เก่งกันได้ยังไง
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะโว้ย ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” กวินท์เอ่ยขึ้นอย่างมึนๆ เล็กน้อย เพราะพวกเขานั่งดื่มเหล้ากันมาตั้งแต่สี่ทุ่ม จนตอนนี้เกือบจะตีสองเข้าไปแล้ว
“งั้นก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินเลยก็แล้วกัน”
“เจอกันพรุ่งนี้นะโว้ย”
“เออ ฉันไปล่ะ” กวินท์ตอบเสียงแหบๆ เล็กน้อย ก่อนเดินไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับจากไป
“ขับรถดีๆ นะไอ้ใหญ่ เจอกันพรุ่งนี้ที่เดิม” เตชิตเอ่ยขึ้น ก่อนเดินไปขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกไปอีกคน
ชนาธิปมองจนเพื่อนขับรถออกไป จากนั้นชายหนุ่มก็เดินไปเปิดประตูรถของตัวเองบ้างเหมือนกัน ใบหน้าคมสะบัดหน้าไปมาสองสามครั้งก่อนจะเรียกสติของตัวเองแล้วก็สตาร์ทรถขับออกจากผับเช่นกัน
///////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...