หยิบผิด

1350 คำ
(ฟาส) "ฉันต้องทำอะไรบ้างเหรอคะคุณแผ่นดิน" ฉันถามในขณะที่เดินตามเขามา ก็เขาไม่มีทีท่าจะพูดอะไร นอกจากเงียบเท่านั้น ซึ่งฉันน่ะไม่ค่อยชอบความเงียบอึมครึมแบบนี้ "........" ถามก็ไม่ตอบเหมือนแผ่นดินเข้าเป็นใบเลยค่ะ "คุณแผ่นดินคะ ฉันถามว่า...." เมื่อเห็นเขาไม่ตอบฉันจึงถามขึ้นอีก เผื่อว่าเขาจะไม่ได้ยิน "อ๊ะ!!" "ท่านประธาน!!" แต่จู่ ๆ เขาก็หยุดเดินจนฉันตั้งหลักไม่ทัน หน้าผากสวย ๆ ของฉันกระแทกเข้ากับแผ่นหลังแน่น ๆ ของเขาจัง ๆ ก่อนที่เขาจะหันหน้าเก๊กขรึมแล้วสั่งฉันเสียงเข้ม หน้าตาดุดัน แววตาขึงขัง จ้องมองมาทางฉันอย่างเอาเรื่อง คือจะหน้าเดียวตลอดเวลาหรือยังไงกันนะผู้ชายคนนี้ หึ๋ย!! หมั่นไส้ สะกัดขาคู่สักทีดีไหม แต่ฉันก็ไม่กล้าพูดออกไปหรอกค่ะ ก็ทำได้แค่บ่นในใจเท่านั้นแหละ "ท่านประธานก็ท่านประธาน...ขี้เก๊ก" ฉันพยักหน้ารับและยอมว่าตาม แต่ก็ตบท้ายด้วยการบ่นเบา ๆ ก็เขาขี้เก๊กจริง ๆ ไอ้เก๊กฮวยถ้วยบูด! "........." สั่งฉันจบเขาก็เดินต่อค่ะ จนเข้ามาในห้องทำงานหนึ่ง ซึ่งฉันไม่รู้ว่าตรงไหนคือที่ฉันต้องนั่งทำงาน เพราะด้านหน้ามันไม่มีชุดโต๊ะสำหรับบอกว่าคือจุดทำงานของฉัน หรือว่าเขาจะให้ฉันยืนทำงานวะ "ท่านประธานคะ แล้วฉันต้องนั่งทำงานตรงไหน? ทำไมไม่เห็นจะมีโต๊ะให้ทำงานเลยอะ เอ๊ะ!! หรือว่าให้ฉันนั่งทำงานกับพื้น ...ไม่นะคะ ให้นั่งทำงานกับพื้น กว่าจะหมดวันมันก็ตะคริวกินขาแย่สิ บริษัทก็ตั้งใหญ่โต ทำไมแค่ชุดโต๊ะทำงานถึงมะ....." "นี่!!" ด้วยความที่ฉันสงสัย จึงมีคำถามมากมาย ฉันถามในสิ่งที่ฉันอยากรู้ ถามเลยค่ะอยากรู้ต้องถาม ถามจนกว่าจะได้คำตอบ แต่ว่าฉันยังถามไม่สุดเลยนะ เขาแทรกฉันมาก่อน แถมยังตะเบ็งเสียงดังลั่น จนฉันสะดุ้งตัวห่อไหล่ตกใจ ก็แค่คนอยากรู้ทำไมต้องตวาดฉันด้วย ไอ้เก๊กฮวยบูด!! "ท่านประธานหูไม่ดีเหรอคะ ถึงได้พูดเสียงดัง" หลอกด่าเลยค่ะ หมั่นไส้ผู้ชายขี้เก๊ก "นู่น" เขาทำปากยื่น คำเดียวสั้น ๆ ที่เป็นเหมือนสิ่งที่ชี้บอกฉัน จะประหยัดคำพูดไปไหนกันเนี้ย "โต๊ะฉันเหรอคะ...ปกติเลขาเขานั่งด้านหน้าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมของฉันถึงได้มานั่งข้างในละคะ ทำไมไม่ให้ฉันนั่งหน้าห้องละคะ เหมือนที่อื่นที่ฉันเคยเห็นเขาให้เลขานั่งหน้าห้องเจ้านายนี่คะ แต่ทำไม...." "หยุด!!" ก็มันสงสัยไงก็แค่ ทำไมต้องมาตะคอกแล้วจ้องหน้าฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อแบบนี้ด้วย คนมันแค่อยากรู้เท่านั้นเอง ปั๊ดโธ่!! "ฉันแค่ถามเองค่ะท่านประธาน" ฉันรีบก้มหน้าตอบเลยค่ะ สายตาของแผ่นดินดูน่ากลัวมาก มันทำให้ฉันไม่กล้ามองเลยทีเดียว ทำไมแววตาของเขาถึงดูมีพลังล้างผลาญได้ถึงขนาดนี้นะ "ถามไม่เว้นวรรค ผมพูดคำเดียว แต่คุณปาไปสิบประโยค" เขาพูดเสียงนิ่งเย็น เย็นจนฉันรู้สึกหวั่น ๆ ฉันเหลือบตามองหน้าเขาบ้าง แต่ก็ต้องก้มหน้าหลบเหมือนเดิม เขาจ้องมองฉันไม่กะพริบตา สีหน้าที่นิ่งตึงอย่างกับฉีดโบท็อกทำให้ฉันไม่กล้าสบตามองเลย "ก็ฉัน..." "ปากน่ะ มีรถไฟความเร็วสูงวิ่งอยู่หรือไง ทำไมพูดมาก พูดไม่หยุดได้ขนาดนี้ เชื่อคุณเลยจริง ๆ" นั่นเขาด่าฉันใช่ไหม? เขาด่าว่าฉันพูดมากปากนกกระจิบใช่ปะ? ใช่! มันต้องใช่แน่ ๆ หนอยไอ้เก๊กฮวย มาหลอกด่าฉัน ใจเย็นนะฟาส ยุบหนอพองหนอ คุณป้ามุนิลให้มาช่วยงาน ช่วยงาน ช่วยงาน ท่องไว้ฟาสท่องไว้ เขาด่าฉันจบแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน ขีดเขียนเซ็นเอกสารของเขา โดยไม่สนใจฉันสักนิด ทำไมฉันต้องทำร่วมงานกับผู้ชายโรคจิตขี้เก๊กคนนี้ด้วยนะ อีฟาสอยากเอาหัวโขกโซฟานุ่ม ๆ ตายลงตรงนี้! (แผ่นดิน) ผมตั้งหน้าทำงานที่คั่งค้าง โดยที่แม่เลขาปากรถไฟได้แค่ยืนบื้อ มองรอบห้องทำงาน ผมเหลือบสายตามองเป็นระยะ มองเธอนิ่ง ๆ นี่เหรอคนที่แม่ของผมมั่นใจหนักหนา ว่าเธอจะช่วยงานของผมได้ แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่สักนิด "ท่านประธานมองดิฉัน มีอะไรหรือเปล่าคะ?" เธอเอ่ยถามขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับผมมองเธอ "....." ผมนิ่งไม่ตอบคำถาม นั่นทำให้เธอเดินมาหยุดตรงหน้าของผม "มีอะไรใช้ดิฉัน บอกได้นะคะ" เธอพูดขึ้นเสนอตัว ซึ่งผมก็ได้แต่มองหน้าเธอนิ่ง ส่วนเลขาหน้าใสของผม ก็ยืนปั้นหน้ายิ้มให้ เฮ้อ~~ไม่ได้ดั่งใจผมเลย "ชงกาแฟให้ผมหน่อย" จนสุดท้ายผมเลยต้องพูดออกมา "ได้ค่ะ...อยากได้อะไรก็บอกสิคะ เงียบปากไม่ยอมพูดดิฉันตรัสรู้เองไม่ถูกหรอกนะ" ผมพูดนิดเดียวเองนะ แต่เธอกลับสามารถพูดได้ตั้งหลายสิบคำ "...." ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยใจกับผู้หญิงคนนี้จัง "แล้วท่านประธานตัองการอะไรเพิ่มอีกไหมคะ?" เธอที่กำลังจะเดินไป แต่หันกับมาแล้วถามผมอีกครั้ง ทำไมเธอดูเข้าใจอะไรยาก ถ้าผมอยากได้อะไรคงบอกเองไหม เธอไม่ต้องเสนอหน้าขนาดนี้หรอก "ไม่!" ผมตอบออกไปสั้น ๆ แล้วหันมาสนใจงานต่อ "ค่ะ" เธอตอบผมเสียงหนัก และเดินออกไป หูของผมได้ยินเธอบ่นเบา ๆ คงไม่พ้นบ่นให้ผมนั่นแหละ ผมดูเอกสารอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก พร้อมกับฟ้าสิตางคุ์ที่เดินถือถาดกาแฟเข้ามา เธอวางมันลงตรงหน้าผม แล้วฉีกยิ้มให้ ทำไมความรู้สึกของผมมองว่าเธอใช้รอยยิ้มเปลือง "หน้าของดิฉันมีอะไรติดหรือเปล่าคะ" เธอถามผมลุกลี้ลุกลน พร้อมกับคลำตามใบหน้าตัวเอง "ไม่มี" ผมตอบและยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ฟู่ว~~ "ทำไมกาแฟมันเค็ม!" ผมพุ่งเลยครับ เมื่อจิบกาแฟเพียงนิดเดียว รสชาติไม่มีความหวานสักนิดนอกจากความเค็ม "มันจะเค็มได้ยังไงคะ ในเมื่อฉันใส่น้ำตาลตั้งช้อนหนึ่ง" เธอรีบปรี่เข้ามายืนข้างผม ผมบอกด้วยท่าทางร้อนรน "งั้นก็ชิมดู" ผมยื่นแก้วกาแฟให้เธอได้พิสูจน์ความจริง ว่าสิ่งที่ผมพูดไปไม่ได้โกหก "ไหนคะ" เธอรับแก้วกาแฟไปจากมือผม แล้วยกขึ้นดื่ม "แค่ก ๆ อี๋~~ ทำไมเค็มแบบนี้ล่ะ" เธอทำสีหน้าเหยเก และคายน้ำกาแฟใส่แก้วตามเดิม หน้าตาก็ดี แต่ท่าทีโคตรซกมก "ไปชงมาใหม่ ถ้าสายตาไม่ดีก็ไปตัดแว่นซะ จะได้แยกออกว่าอะไรเกลือ อะไรน้ำตาล" ผมพูดออกมายาวเหยียดกว่าปกติ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้ากับการทำงานของเลขาคนเก่า เธอจะคาดเดาอย่างปราดเปรื่องและรู้ใจผมดี แต่ว่าเธอลาออกไปแล้ว เพื่อไปทำหน้าที่แม่และภรรยาของสามีเธอ "นี่คุณด่าฉันเหรอคะ" "คำไหนที่ผมด่าคุณ" "ก็.....ช่างเถอะค่ะ เธอย้อนถามและชักสีหน้าใส่ ผมเงยหน้ามองแว๊บเดียว และหันมาสนใจงานต่อ ส่วนเธอนั้นก็เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็หยุดชะงัก ปัดมือเหมือนรำคาญ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟใส่ถาดแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป ก็คงไปชงกาแฟมาใหม่นั่นแหละ "ผู้หญิงบ้าอะไร พูดมากน่ารำคาญ" *****(6)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม