(แผ่นดิน)
"อย่ามาเคลิ้ม ต่อให้จูบแช่นานแค่ไหน ผมก็ไม่ได้พิศวาส"
ผมจับไหล่ของฟาสให้ผละออกห่าง แล้วจ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เฉยชา ว่าออกไปในระยะใกล้ชิดกับใบหน้าของเธอ สีหน้าของเธอหลังจากที่ผมพูดออกไป เหมือนกับว่าเธอนั้นกำลังโมโหให้ผม
"ชิ!! อี๋ อย่างกับฉันพิศวาสนายอย่างนั้นแหละ"
ฟาสเธอว่าขึ้นด้วยท่าทางที่เหมือนรังเกียจ เธอเอามือเช็ดปาก แล้วพาตัวเองออกห่างจากผมไปนั่งอีกฟากรถ
"หึ...ยัยฟาสแปดหลอด"
ผมยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน ท่าทางของเธอนั้นทำเอาผมแทบอยากหัวเราะ แต่การหัวเราะนั้นมันยากนักสำหรับคนอย่างแผ่นดิน แค่จะยิ้มยังยากเลยเถอะ
"ถึงแล้วครับคุณปถวี"
เสียงของคนขับรถบอกกล่าว พร้อมกับรถยนต์ที่จอดนิ่งสนิททันที
"อืม" ผมพยักหน้ารับรู้
"ที่นี่ที่ไหน?" ฟาสถามขึ้น พร้อมกับสายตาของเธอมองโดยรอบ
"ผมไม่ได้ให้คุณมาตั้งคำถาม..." ผมกรอกเสียงออกไปนิ่ง ๆ พร้อมกับเตรียมลงจากรถ
"แต่นี่คุณพาฉันมาเกือบพาฉันตายเลยนะ แล้วจะไม่ให้ถามได้ยังไง แล้วที่นี่ที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันลูกมีพ่อมีแม่นะ จะมาพาฉันไปไหนตามอำเภอใจของคุณไม่ได้!...เดี๋ยว ๆ ฉันยังพูดไม่จบ! อย่าเดินหนีฉันนะแผ่นดิน!" เธอก็บ่นของเธอไป ส่วนผมก็เดินไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจเธอ ปล่อยให้เธอบ่นจนกว่าคอจะแห้ง เดี๋ยวก็คงหยุดเองถ้าเธอเหนื่อย
"....." ผมเดินมาเรื่อย ๆ จนเกือบถึงหน้าบ้านของมิค แต่ต้องหยุดนิ่งกับที่ เมื่อเสียงของฟาสลั่นประโยคหนึ่งขึ้นมา
อย่าเดินหนีฉันนะแผ่นดิน
ประโยคแบบนี้ น้ำเสียงคล้ายแบบนี้ที่ค่อนไปทางเหมือน ผมเคยได้ยินจากไหนนะ ความรู้สึกเหมือนกับว่าผมคุ้นเคยกับประโยคนี้มาก แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากไหน ผมรีบสลัดความสงสัยออกไป แล้วเดินเข้าไปในบ้านของมิค มือก็กุมแผลที่ถูกยิงเอาไว้ ดีที่กระสุนไม่ได้ฝังเข้าเนื้อ มันแค่ถาก แต่มันก็ทำให้ผมเจ็บและเสียเลือดพอตัว
"ฉันบอกว่าอย่าเดินหนีไง...รอฉันด้วย"
เสียงแหลม ๆ ของฟาสก็ยังคงตามหลังผมมา จนสุดท้ายเธอก็วิ่งตามทัน แล้วเดินเคียงผมเข้ามาในบ้านของมิค บ้านที่ผมมาประจำจนคุ้นเคย รู้เลยว่าต้องไปอยู่พื้นที่ไหนของบ้านหากมาถึง ซึ่งคนในบ้านก็ต้อนรับผมอย่างดี
"คุ...."
"หยุดแหกปากนะฟาส ไม่งั้นผมจะเอาคุณหมกป่าไว้ที่นี่"
ยังไม่ทันที่ฟาสจะอ้าปากไปมากกว่านี้ ผมรีบหันไปชี้หน้าแล้วดักทางเธอไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าเธอตั้งท่าจะโวยวายใส่ผม จนต้องขู่เธอออกไป เพราะเรื่องที่ผมจะมาคุยกับนิควันนี้ค่อนข้างสำคัญ แต่ว่าดันเกิดเรื่องซะก่อน เรื่องที่ผมตั้งใจจึงต้องไว้คุยกันวันหลัง วันนี้ผมต้องคุยปรึกษากับมิคเรื่องที่ผมทำ...และมันค่อนข้างสำคัญเช่นกัน
"ทำไมต้องขู่ บอกดี ๆ ฉันก็ฟังแล้วไหมคะท่านประธาน ฉันไม่ได้ดื้อสักหน่อย"
เธอทำหน้าหงอย เมื่อผมจ้องหน้าอย่างข่มขู่ แววตาของผม ผมรู้ดีว่ามันดุแค่ไหน มองไปที่ใครก็ต้องหัวหด อย่างเช่นกับฟาสตอนนี้ที่เธอเอาปลายนิ้วชี้จิ้มกันไปมา ก้มหน้ามองต่ำ บ้างก็กลอกตามองมาที่ผม ก่อนจะหลบสายตาไป ... เวลาเธอนิ่งมันก็น่ารัก แต่พออ้าปากได้พูดเท่านั้นแหละหูแทบดับ
"อยู่เงียบ ๆ ผมมีธุระ แล้วก็อย่าก่อความวุ่นวาย...เข้าใจไหม?" ผมย้ำเธอ แต่ไม่รู้เธอจะฟังไหม
"ป้าไม้พาฟาสไปพักห้องรับรอง ที่ผมบอกมิคไว้แล้วครับ" ผมบอกแม่บ้านเมื่อเห็นว่าเดินยิ้มเข้ามาทางผม ป้าไม้คุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี และผมก็เคารพป้าไม้ดุจญาติผู้ใหญ่
"ค่ะ แล้วแผลนั่น" ป้าไม้ทักท้วงเมื่อเห็นเลือดสีแดงเปื้อนเสื้อของผม สีหน้าของป้าดูห่วงมาก แต่ผมไม่อยากให้ใครมาวุ่นวาย
"ไม่เป็นไรครับ อุบัติเหตุนิดหน่อยเอง เดี๋ยวผมขอไปบนห้องทำงานของมิคนะครับ"
"ค่ะ ๆ คุณมิครออยู่แล้ว" ป้าไม้พยักหน้ารับปาก
"ส่วนคุณอยู่นิ่ง ๆ ปากไม่ต้องขยับมาก...ป้าไม้หาอะไรให้เธอยัดปากด้วยนะครับ"
"นี่คุณ!!!"
ผมหันมาสั่งอีกคนที่ยังยืนเงียบย้ำ ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบันไดบ้านไป ได้ยินแต่เสียงของเธอที่เหมือนกับเหลืออด อย่าอยู่บริษัทในห้องทำงานของผม เธอคงพ่นไฟใส่ผมแล้วล่ะ แต่นี่คงเห็นว่ามีคนอื่นยืนอยู่ เธอเลยหยุดไป ผมมองลงมาก่อนจะยกยิ้มกับสีหน้าของเธอ ที่ตอนนี้มันดูตลกฉิบหาย
(ฟาส)
ฉันอยากจะกระโดดถีบขาคู่นายแผ่นดินจริง ๆ หน้านิ่ง ๆ แต่ชอบหลอกด่าและกวนประสาทของฉัน
"เชิญทางนี้ค่ะ"
เสียงของคุณป้าที่ยืนข้าง ๆ ท้วงขึ้น ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปยิ้มสวยให้ท่าน
"ค่ะ"
คุณป้าแม่บ้านเดินนำหน้า ส่วนฉันที่เดินตามหลังท่าน ก็มองรอบบ้านหลังใหญ่นี้อย่างสนใจ คือแบบว่ามันอลังวังเว่อมากค่ะ มันใหญ่โตและดูหรูหรา คงบ้านฉันสี่หลังถึงจะเท่าที่นี่ ไปทำอะไรมานะถึงรวยล้นฟ้าได้ขนาดนี้นะ...ถ้าปล่อยให้ฉันเดินมาคนเดียวมีหวังหาทางออกไม่เจอหรอก
"ป้าคะ ทำไมถึงมาอยู่โดด ๆ หลังเดียว...แบบนี้ไม่เหงาแย่เหรอ"
ความเงียบที่ทำให้ฉันอยากรู้ ต้องถามขึ้นอย่างสงสัย ก็มันจริงไหมล่ะ บ้านหลังตั้งใหญ่โตมาตั้งโดดกลางป่ากลางไร่แบบนี้ คนที่อยู่ไม่เหงาหรือไง
"ไม่เหงาหรอกค่ะ คนงานเยอะแยะ แต่แค่แยกย้ายกันเข้าที่พักหมดแล้ว"
คนงานเยอะแยะ? แล้วทำไมฉันไม่เห็นวะเนี้ย ตาถั่วเหรอฉัน ก็ตั้งแต่มาเห็นแต่แม่บ้าน แล้วก็คนสวนไม่กี่คนเองอะ อ้อไม่สิ เหมือนมีคนที่ยืนอยู่แถวรั้วบ้านห้าหกคนแค่นั้นเอง
"ทำไมฟาสไม่เห็นละคะ ไม่เห็นสักคนเลยนะเห็นแค่คนที่อยู่รอบบ้าน" ฉันสงสัยเลยถามตามสิ่งเห็น
"มันเลยเวลางานน่ะค่ะ คุณเลยไม่เห็น ถึงแล้วค่ะเชิญพักตามสบายนะคะ เดี๋ยวสักพักป้าจะยกของว่างมาให้" คุณป้าแม่บ้านยิ้มให้พร้อมเปิดประตูห้อง ฉันยิ้มรับจึงเดินเข้าไปด้านใน
ห้องที่เข้ามามันหรูหรามากจริง ๆ คือแบบอลังการมาก ฉันเดินวนแล้วสำรวจรอบห้อง ของใช้ทุกอย่างก็เหมือนจะนำเข้าซะด้วย รวยได้รวยดีจริง ๆ
ความอยากรู้ทำให้ฉันไม่อยู่นิ่ง สายตาอันปราดเปรื่องของฉันก็มองเห็นประตูบานหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจให้ฉัน ไม่รีรอซิคะฉันเดินเข้าไปทันที แล้วบิดลูกบิดผลักประตูออกไป
"ทางเดินไปไหนนะ ทำไมบ้านหลังนี้ดูซับซ้อนจัง"
ฉันค่อย ๆ ก้าวขาเดินออกจากห้อง ไปตามทางเดินที่ไม่ได้กว้างเหมือนกับด้านหน้าที่เดินมา ผนังสองฝั่งถูกตกแต่งด้วยภาพอะไรก็ไม่รู้ ภาพที่ไม่เห็นภาพ แต่เป็นการเล่นสีที่ฉันมองแล้วมันดูมีพลัง และมันน่ากลัวในสายตาของฉัน สีแดงปนดำและน้ำตาล พออยู่บนกระดาษวาด แล้วผสมสีกันมันดูลึกลับชอบกล
"น่ากลัวจัง"
ฉันที่รู้สึกขนลุกลูบแขนของตัวเองทั้งสองข้าง พร้อมกับที่ยังก้าวขาเดินไปตามทางเรื่อย ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดที่ไหน ฉันควรเดินกลับไปที่เดิมไหมนะ หรือว่าจะเดินหน้าไปต่อ แต่ระหว่างรอของว่างจากคุณป้าแม่บ้าน ถือว่าฉันมาเดินเล่นแล้วกัน
"เอ๊ะ!! มีประตูอีกเหรอ?"
ฉันสงสัยเมื่อสายตามองเห็นประตูอีกบานที่อยู่ฝั่งซ้ายมือ ห่างจากห้องที่ฉันเดินมาก็ไกลพอสมควร ฉันเดินย่องเบา ๆ เข้าไป ทำไมฉันทำตัวเหมือนโจรเลยนะ!
("มันยังคงลอยนวลอยู่")
กึก! เสียงการพูดคุยทำให้ฉันที่กำลังย่องเหมือนโจร หยุดยืนนิ่งทันที
"เสียงมาจากด้านในเหรอ?" ฉันบ่นในใจ ขมวดคิ้วสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน
"แล้วเสียงของใครกัน" ฉันค่อย ๆ เอาหูแนบกับผนัง ไม่ค่อยอยากเผือกเท่าไหร่เลยฉัน
("แล้วของที่จะส่งคืนนี้ว่าไง คนของฉันพร้อมแล้วนะ")
(("จัดการเลย"))
"แผ่นดิน?"
เสียงที่สองที่ฉันได้ยิน รับรู้ได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง แม้จะไม่ค่อยมั่นใจ แต่ฉันว่าใช่เพราะฉันจำเสียงของเขาได้แม่น
("แล้วไอ้คนที่มันคาบข่าวไปบอกฝั่งนั้น")
(("เก็บมันซะ!!"))
เฮือก!!
"กะ เก็บ ที่หมายถึงฆ่าอะเหรอ"
ฉันถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำสั่งนี้ ที่ฟังแล้วหนักแน่นจริงจัง ฉันที่ได้ฟังแทบก้าวขาไม่ออก อยากจะเดินกลับไปห้องเดิม แต่แรงขาก็เหมือนจะไม่มี
"สะ สะ เสียงของแผ่นดิน...แต่ไม่ใช่หรอก ต้องไม่ใช่สิ แผ่นดินที่ฉันรู้จักเขาแค่เย็นชาเฉย ๆ ไม่ ไม่ ไม่ใช่ดิน ไม่แน่แน่ ๆ ฉันแค่หูฝาด แกแค่หูฝาดฟาส"
ฉันยืนบ่นเบา ๆ มือกำคอเสื้อแน่น สิ่งที่ได้ยินมันทำฉันแทบหายใจไม่ออก ฉันพยายามย้ำกับตัวเองว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของคนอื่น แผ่นดินไม่มีทางสั่งฆ่าใครง่าย ๆ แผ่นดินเป็นคนเย็นชาแต่ใจดี
กึก!! ปึก!!
"งามไส้!" ความลุกลี้ลุกลนทำให้ฉันที่หันไม่มองหลัง ชนเข้ากับกรอบรู้ที่ห้อยอยู่ผนัง จนมันกระแทกเข้าเกิดเสียงดัง ฉันรีบกรอบรูปนั้นไว้แทบไม่ทัน ก่อนจะค่อย ๆ ดันมันขึ้นแล้วห้อยไว้ตามเดิม
*มีหมา! ไปลากคอมันมา!*
เฮือก!!