เอี๊ยด พี่วินมอเตอร์ไซค์ขับรถมาจอดหน้ามหาลัยก่อนที่ฉันจะให้เงินพร้อมกับหมวกกันน็อค วันนี้ที่ฉันมากับพี่วินเพราะฉันบอกลุงคนขับรถว่าต่อจากนี้ไม่ต้องมารับมาส่งฉันแล้ว ฉันอยากให้ลุงเต็มที่กับงานไปรับไปส่งคุณพ่อน่ะ
ฉันเดินมาอยู่หน้าห้องก็พบว่าไม่เจอเพื่อนๆสักคน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์โทรหาเพื่อนสาว
"ตีตี้ แกทำไมไม่มีคนมาเรียนเลยอ่ะ" ไม่ต้องสงสัย ตีตี้คือชื่อของที นางบอกว่านางไม่ชอบชื่อทีมันดูแมนเกินไปก็เลยบอกให้เรียกชื่อนางว่าตีตี้แทน
(ว้าย นางชะนีน้อย แกไม่รู้เหรอยะว่าอาจารย์ยกคลาส)
"ฮ้ะ อาจารย์ยกคลาส" นี่ฉันไปอยู่ไหนมาเนี่ย
(อย่าบอกนะว่าแกไปถึงมหาลัยแล้ว)
"ใช่ ตอนนี้อยู่มหาลัย"
(งั้นก็ดี แกจะได้ไปขอลายเซ็นต์หนุ่มหล่อของฉัน ฉันกับยัยหอมล่าครบแล้วนะ แกก็รีบแล้วกันจะได้ไม่ต้องถูกทำโทษอีก) ชิ๊ ทิ้งกันตลอด
"อืม แล้วฉันจะหาพวกพี่เขาที่ไหนอ่า"
(อยู่แถวคณะนั่นแหละ เมื่อวานฉันก็เจอกลุ่มของสามีแถวนั้นแหละ)
"จ้า แม่คนมากผัว"
(แต่ถ้าเป็นพี่ติณฉันยอมทิ้งเด็กในสต๊อกย่ะ)
"จ้า แม่คนรักเดียว" ติ๊ด ฉันรีบกดวางทันที ขี้เกียจฝังมันมะโน
ฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าคณะก่อนที่จะเดินไปที่ลานเกียร์เพราะเห็นกลุ่มของเพื่อนของพี่ติณนั่งอยู่แต่กลับไม่เห็นเขา ไม่เป็นไร เอาลายเซ็นต์ของเพื่อนเขาก่อนก็ได้ ฉันเม้มปากก่อนจะเดินไปหยุดที่โต๊ะของพวกพี่เขา พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่สร้างความมั่นใจให้ตนเอง
"เอ้า น้องพราวไหม มาหาไอ้ติณเหรอ"
"จริงๆ ก็มาหาพี่ทุกคนแหละค่ะ พราวจะมาขอลายเซ็นต์ค่ะ" พวกพี่เขายิ้มก่อนจะยื่นมือมารับสมุดจากฉันก่อนที่จะเซ็นต์ให้ ว่าแต่ทำไมพี่เขาให้ง่ายจัง จะว่าไปเราดูคนที่ภายนอกไม่ได้หรอกนะ บางทีพี่เขาจะดูโหดตอนทำกิจกรรมเพราะมันจะเป็นหน้าที่ก็ได้ แบบนี้ค่อยหายกดดันหน่อย
"น้องคงเหลือแค่ของไอ้ติณคนเดียวสินะ คงยากหน่อยนะ" ฉันขมวดคิ้วทันที
"ทำไมเหรอคะ"
"ก็เพราะว่าตามหาตัวมันยากกน่ะสิ ขนาดหน้ามันพวกพี่ยังไม่ค่อยจะเห็นเลย" อ่า ลำบากอีกแล้วสินะ
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่เป็นรอบที่ห้าของวัน ก่อนจะเดินไปห้องน้ำ แล้วฉันจะไปตามหาเขาที่ไหนเนี่ย พลางถอดแมสออกก่อนจะหยิบน้ำหอมขึ้นมาชีดที่ข้อมือแล้วยกขึ้นมาดม ตุ๊บ เสียงวางน้ำหอมลงกับอ่างล้างหน้าก่อนที่ฉันจะก้มหน้าลง ความรู้สึกท้อ อิจฉาที่ฉันไม่เหมือนคนอื่นมันคอยย้ำเตือนว่าฉันไม่ปกติ
"ทำไมมันต้องเกิดเรื่องบ้าๆกับฉันด้วย" เปิดน้ำล้างมือก่อนจะหยิบแมสมาใส่ดังเดิม แต่กลับต้องผิดหวังเมื่อแมสเปียกน้ำ ตุ๊บ ฉันหยิบมันก่อนจะเอาไปทิ้งขยะด้วยความไม่เป็นดั่งใจ
"วันนี้ไม่ใส่วันหนึ่งคงไมเป็นไรหรอกนะ" ฉันพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
พรึบ!! หมับ!!! ปัง!! "อ้ะ อื้อ" ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งผลักฉันเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับล็อคประตูแถมยังเอามือปิดปากฉันอีก ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็คือพี่ติณ เขาก้มมามองฉันก่อนจะถอยให้ห่างจากฉัน
และฉันต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้กลิ่นธูปที่ลอยออกมาจากนอกห้อง เผลอกำมือแน่นก่อนที่จะเดินไปหาร่างสูงที่มองฉันด้วยแววตาสงสัย ฉันโน้มหน้าไปหาเขาซึ่งได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาและมันกลบเกลือนกลิ่นธูปจนหมด มันกลับทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ ไร้ซึ่งความกลัวที่กำลังคืบคลานเข้ามา
"เธอทำอะไรของเธอ" ฉันเงยหน้ามองเขาก่อนจะเม้มปากแน่น
"แล้วพี่ล่ะ พี่หนีอะไรมา" ใช่ กลิ่นธูปมันมาพร้อมกับพี่เขา
"เปล่า" กึก ฉันไม่สนใจก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำแต่กลับเปิดไม่ออก และฉันต้องขยับเข้าไปหาเขาทันทีเมื่อไฟมันติดๆดับๆ คล้ายกับตอนนั้น พรึบ!! หมับ!! และจู่ๆไฟห้องน้ำก็ดับก่อนที่ฉันจะตกใจเข้าไปกอดพี่ติณ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่าเขาสามารถทำให้ฉันหายกลัวจากสิ่งที่มองไม่เห็นได้
"แค่ไฟดับ จะกลัวอะไร"
"มะ เมื่อกี้หนูได้กลิ่นธูปแล้วรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างนอก หนูแค่รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่คน" จู่ๆ เขาก็นิ่งไป แววตาวูบไหวของเขาครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม
"อืม คนข้างนอกไม่ใช่คน"
ผมมองร่างบางที่ยืนกอดผมอยู่ ที่แท้เธอได้กลิ่นธูปนี่เองถึงได้ใส่แมสตลอดเวลา จริงๆ ผมคนที่อยู่ข้างนอกมันไม่ใช่คน ซึ่งเป็นผีเด็กที่ผมเจอตอนวันนั้นแหละ และไอ้ที่ผมวิ่งหนีมาน่ะไม่ได้วิ่งหนีผีแต่วิ่งหนีคนต่างหากล่ะ ผมวิ่งหนีนิสา พอดีรู้สึกเบื่อๆไม่อยากเห็นหน้าประมาณนั้น พยายามตีตัวห่างแต่เธอก็พยายามดึงดันเข้าหา มันน่ารำคาญชะมัด
"แล้วจะกอดฉันอีกนานไหม" เธอค่อยปล่อยออกจากเอวของผมก่อนที่จะถอยออกห่าง จะว่าไปก็น่ารักเหมือนกันนะขนาดอยู่ในที่มืดยังดูเด่นเลย
"พี่ฮะ ถ้าพี่จูบพี่สาวคนนี้ผมจะปล่อยพวกพี่สองคนไป" เสียงที่ดังออกมาจากข้างนอกซึ่งเป็นเสียงของวิญญาณเด็กแสบตนนั้น ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรำคาญ เด็กนี่มันแน่เกินไปที่สามารถทำให้ผมทำตามในสิ่งที่ต้องการได้ มือยกขึ้นดันพราวไหมชิดกำแพงทันที
"พะ พี่จะทำอะไร" เธอมองผมด้วยสายตาสั่นไหว
"จูบฉัน แล้วประตูจะเปิด"
"มะ ไม่ดะ อื้อ" ผมโน้มหน้าจูบน้องตอนจังหวะที่น้องเอ่ยปากพูด ไม่อยากให้เสียเวลามากนัก ริมฝีปากค่อยๆขบเม้มริมฝีปากล่างของเธอ ก่อนจะรู้สึกว่ามือของเธอจากที่ทุบผมเปลี่ยนมากำเสื้อผมแน่น กึก เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นแต่ผมไม่สนใจเพราะตอนนี้มีสิ่งที่น่า สนใจมากกว่า จากที่เริ่มแรกแค่ทำไปเพื่อตัดรำคาญ แต่ใครจะไปคิดว่าปากอมชมพูของพราวไหมพอได้ลองแล้วมันดันติดใจขึ้นมาเสียดื้อ
"อื้อ" ผมถอนริมฝีปากออกแปปหนึ่งก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปประกบจูบเธออีกครั้ง ไม่รู้สิ ผมรู้สึกดีกับจูบของเด็กคนนี้ ตุ๊บ ร่างบางทรุดไปนั่งกับพื้นทันทีเมื่อผมถอนริมฝีปากออก
"จูบแค่นี้ถึงกับขาอ่อนเลยเหรอ" น้องมองหน้าผมพร้อมกับกำมือแน่น ผมยิ้มก่อนที่ผมจะลุกไปเปิดประตูแล้วเดินออกจากห้องพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเอง
"อารมณ์ดีมาเชียว อยากรู้จังว่าใครทำให้คุณเพื่อนอารมณ์ดีขนาดนี้" ผมเดินมานั่งที่ลานเกียร์ได้ไม่นานก็เจอไอ้ปลื้อแซวทันที
"ไม่เสือกครับ"
ฉันเดินมาหน้ามหาลัยพลางแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆเพราะรู้สึกว่ามันแสบ ฉันกำมือแน่นพร้อมขบกราม นี่มันจูบแรกของฉันนะ จูบที่ฝันว่าจะเป็นจูบของคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉัน แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้
"ไอ้บ้าเอ้ย" ฉันรีบยกมือปิดปากตัวเองทันทีเมื่อสายตาทุกคนกำลังจับจ้องมาที่ฉัน ฉันยิ้มพร้อมกับก้มหน้าให้เป็นเชิงขอโทษ
สุดท้ายฉันเดินมากินลูกชิ้นปิ้งเพื่อทำให้ตนเองอารมณ์ดี ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะม้าหินอ่อนที่สวนสาธารณะ มันเป็นสถานที่ที่ฉันชอบมากๆเลยล่ะ มันดูสงบดี ฉันนั่งมองเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งกินขนมกับผู้เป็นแม่อย่างมีความสุข ฉันยิ้มพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีตตอนที่แม่ฉันยังมีชีวิตอยู่
ฉันก้มไปมองที่ขาเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรเย็นๆ ก่อนจะพบกับน้องหมาตัวสีขาวน่าจะพันธุ์ปอมเมอเรเนี่ยนที่วิ่งมาจากไหนไม่รู้ ก่อนที่มันจะนั่งตรงหน้าพร้อมกับมองมาที่ลูกชิ้นในมือของฉัน
"อ้ะ ฉันแบ่งก็ได้" ฉันยื่นลูกชิ้นให้มันพร้อมกับลูบหัวเบาๆ
"แกเป็นลูกชายของใครเนี่ย วิ่งเล่นคนเดียวมันอันตรายรู้ไหม" และจู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน
"อยู่นี้นี่เอง พ่อตามหาตั้งนาน"