จ้าวจื่อรั่วพยักหน้ารับขยับตัวถอยห่างพลางพูดเสียงแผ่ว “ขอบคุณท่าน”
“ข้าชื่ออ้ายเสิน” เขารีบแนะนำตัวก่อนหญิงสาวจะจูงแพะน้อยหนีไป “ข้าเป็นคนของแม่ทัพกู้”
จ้าวจื่อรั่วชะงักไป “ท่าน...เป็นทหารรึ”
“ข้าเป็นทหารของท่านแม่ทัพ ข้ารีบเดินทางกลับจึงใช้เส้นทางลัดและมาทางนี้” ชายที่ชื่ออ้ายเสินพูดขึ้น รูปร่างของสูงหนาราวกับหมี เขากลัวนางจะหวาดกลัวจึงไม่ขยับไปใกล้อีก แต่ก็ดีใจที่นางไม่หวีดร้องเช่นสตรีอื่น “เจ้าเป็นสาวใช้คนใหม่รึ สามเดือนก่อนออกเดินทางข้ายังไม่เห็นเจ้าเลย”
‘สาวใช้? เหตุใดใครก็เห็นนางเป็นสาวใช้ หรือนางอัปลักษณ์จนไม่มีใครคิดว่าคู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพกู้’
“ข้าต้องไปแล้ว” นางไม่ได้เอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ ขนาดแม่นางเฉียวฉู่พูดต่อหน้าแม่ทัพกู้คิดว่านางเป็นสาวใช้ เขายังไม่แก้ต่างให้นางเลยสักนิด นี่เป็นทหารของเขา เขาคงไม่ต้องการให้ใครรู้กระมังว่ามีภรรยาอัปลักษณ์เช่นนาง
“แม่นาง...” อ้ายเสินก้าวเท้าตามร่างบางที่เดินจูงแพะน้อยกลับไปทางเรือน เขาเห็นนางพยายามเดินเร็วๆ หนีเขาแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เขาผ่อนฝีเท้าลงให้นางเดินนำหน้าไปก่อน หากเป็นคนในจวนท่านแม่ทัพอย่างไรก็ต้องได้รู้จักกันอย่างแน่นอน
จ้าวจื่อรั่วรู้สึกกลัวชายแปลกหน้าผู้นั้น แม้เขาไม่ได้แสดงกิริยากักขฬะหรือหยาบคายใดๆ แต่นางก็ไม่สามารถจะแย้มยิ้มต้อนรับบุรุษตามลำพังสองคนได้ นางจึงเร่งเดินกลับไปที่โรงครัวเพราะอยู่ใกล้แปลงผัก ระยะเวลาเพียงหนึ่งเค่อ หญิงสาวก็เดินมาถึง เสี่ยวฉู่กำลังจะไปตามฮูหยินเพราะเกรงว่าจะเย็นค่ำเกินไปแล้วก็เห็นร่างอรชรของฮูหยินเดินกลับมาแล้ว
“เสี่ยวฉู่ ข้าจะกลับเรือน”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้พยักหน้ารับ แต่มองไปด้านหลังเห็นร่างใหญ่โตคุ้นตาเดินเข้ามาใกล้ นางก็ร้องทักด้วยความตื่นเต้นยินดี
“อ้ายเสิ่นกลับมาแล้ว!”
“ข้ากลับมาแล้ว” อ้ายเสิ่นร้องทักโบกไม้โบกมือให้ทุกคน แต่สายตายังคงมองร่างหญิงสาวในชุดสีเขียวอ่อนผู้นั้น
“เดินทางราบรื่นหรือไม่” พ่อบ้านเอ่ยทักอ้ายเสิน
“ราบรื่นดี” เขาหัวเราะ “ข้าหิวมากแต่ขอไปพบท่านแม่ทัพกู้ก่อนนะ”
“ได้ๆ ข้าจะเตรียมกับข้าวไว้ให้”
แม่ครัวพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ดูเหมือนทุกคนจะลืมฮูหยินไปหมดสิ้น จ้าวจื่อรั่วไม่หันกลับมามอง นางเร่งเดินกลับไปที่เรือนของตนทันที นางพาแพะน้อยเข้าคอกแล้วกลับเข้าเรือน นางจุดเทียนในห้องแล้วก็มองกระดาษที่ว่างเปล่า เมื่อไหร่น้องชายทั้งสองจะส่งจดหมายมาหานางนะ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบตะกร้าปักผ้าออกมานั่งทำงานที่ค้างไว้
อ้ายเสิ่นเดินตรงไปยังเรือนของท่านแม่ทัพตามคำบอกของพ่อบ้าน ท่านแม่ทัพกลับจากค่ายทหารแล้ว เมื่อเห็นทหารคนสนิทที่ส่งไปสืบข่าวกลับมาก็พลันโล่งใจ
“ลำบากเจ้าแล้ว”
“ทุกอย่างราบรื่นดีขอรับ” อ้ายเสิ่นรีบรายงานข่าวให้ท่านแม่ทัพใหญ่ทราบ เขาเป็นสายลับสอดแนมความเคลื่อนไหวของแคว้นเหลียง บางเรื่องไม่สามารถเขียนจดหมายรายงานได้
“ข้าเข้าใจแล้ว เดินทางไกลเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เจ้าไปพักผ่อนเถิด”
“ขอรับ”
แม่ทัพกู้เดินออกมาจากห้องหนังสือพร้อมพลทหารอ้ายเสิ่น พลันหญิงสาวในชุดแดงสดใสก็ปราดเข้ามาเกาะแขนกู้ตงหยาง
“ท่านแม่ทัพกู้ ข้ารอกินข้าวเย็นพร้อมท่าน!”
อ้ายเสิ่นเห็นท่าทางสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็นึกถึงข่าวที่ตนได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพแต่งงานแล้ว เขาจึงประสานมือคารวะหญิงสาวอย่างนอบน้อม
“ข้าอ้ายเสิ่นขอคารวะฮูหยิน”
เฉียวฉู่ได้ยินก็หัวเราะคิกคัก แต่กู้ตงหยางสีหน้าดุดัน อ้ายเสิ่นผู้โง่เขลาไม่เข้าใจสีหน้าของแม่ทัพใหญ่ หรือท่านแม่ทัพคิดว่าเขาคิดล่วงเกินภรรยาของท่าน ด้วยเกรงว่าจะยิ่งทำให้ไม่พอใจ เขาจึงรีบขอตัวลาทันที
แม่ทัพกู้แกะมือของเฉียนฉู่ออกจากท่อนแขนของตน ใบหน้าหวานหุบยิ้มไปทันที
“อย่าทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเช่นนี้อีก”
“ท่านก็เห็น ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำ” นางแสร้งทำตาเศร้า “ท่านไม่สงสารข้าหรือ ข้าถูกโจรชั่วจับตัวไป ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว หากท่านไม่รับข้าไว้ เกรงว่ากลับบ้านไปคงมีแพรขาวสามฉื่อรออยู่”
กู้ตงหยางได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงสะบัดจากหญิงสาวแล้วเดินกลับเข้าห้องหนังสือ เพราะหันให้ เขาจึงไม่เห็นรอยยิ้มของหญิงสาวในชุดแดง
“สิ่งใดที่ข้าอยากได้ก็ต้องได้ ไม่เช่นนั้นอย่าเรียกข้าว่าเฉียวฉู่”
เรือนฮูหยิน
“เสี่ยวฉู่...ข้าเหมือนสาวใช้หรือ?”
“เอ๋?” สาวใช้หันมามองผู้เป็นนายแล้วกวาดตาขึ้นลง “ทำไมฮูหยินถามเช่นนั้นเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
“ใครมันตาไร้แววมองฮูหยินเป็นสาวใช้ บอกข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวฉู่จะไปจัดการเอง!”
จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา เจ้าแพะน้อยเงยหน้ามองเจ้าของมือเรียวที่กำลังบิแป้งทอดให้มันกิน หัวทุยๆ ดันมือของนางเบาๆ ราวกับจะร้องขอของกินเพิ่ม
“แกจะกินทุกอย่างไม่ได้นะเปาเป่า” เสี่ยวฉู่แยกเขี้ยวใส่แล้วยื่นมือไปคว้าแป้งทอดที่เหลือครึ่งแผ่นยัดใส่ปากตัวเอง เจ้าแพะน้อยไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน พุ่งเข้าใส่ เสี่ยวฉู่ถึงกระโดดหลบไปมา ทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะจนน้ำตาคลอเบ้า
“แป้งทอดมีตั้งหลายชิ้น เจ้าจะไปแย่งของเปาเป่าทำไมกัน” จ้าวจื่อรั่วส่ายหน้าไปมา นึกถึงเฟยฉี และเฟยหลิง น้องชายทั้งสองชอบกินขนมที่นางทำมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้กินอิ่มนอนหลับ กลางคืนมีคนห่มผ้าให้หรือไม่
“ก็ของอร่อยเช่นนี้ ข้าก็หวงเป็นธรรมดา”
“แค่แป้งทอดเอง”
“ฮูหยินทำให้ท่านแม่ทัพกินด้วยสิเจ้าคะ”
จ้าวจื่อรั่วชะงักไป “ท่านแม่ทัพคงไม่กินของเช่นนี้หรอกกระมัง”
*** แพรขาวสามฉื่อ ผ้าขาวสำหรับผูกคอเพื่อฆ่าตัวตาย ***