CHAPTER 4 “เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ”

1948 คำ
บริษัท อัครพงศ์ คอนสทรัคชั่น หมอกนั่งตรวจงานโครงสร้างอาคารโครงการใหม่อยู่กับฟานในห้องทำงาน กระทั่งเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของทั้งสองสั่นเตือนขึ้นพร้อมกัน จนทั้งคู่ต้องเงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะเพื่อหยิบขึ้นมาดู Line Infinite Inter textile แพร : พี่ ๆ คะ แพรขอรบกวนแจ้งเตือนประชุมผู้ถือหุ้น : วันพุธนี้ ตอน 10 โมงนะคะ : มีใครไม่สะดวกมั้ยคะ แพรจะได้เลื่อนให้ : ทางพี่เซนกับพี่ปราบ แพรให้คุณขวัญแจ้งผ่านเลขาพี่ไปแล้ว บอย : พี่ได้ครับ ไม่ติดอะไร “มึงตอบเผื่อกูไปเลยนะ ยังไงก็ไปพร้อมกันอยู่แล้ว” หมอกเงยหน้ามาบอกฟาน แล้วก้มไปตรวจงานต่อ “เอ้า แค่ตอบตกลงครับ พิมพ์ยากนักรึไงวะ” ฟานบ่นเพื่อน แต่ก็ยอมพิมพ์ให้ ฟาน : พี่กับไอ้หมอกคอนเฟิร์มนะครับ เซน : พี่นาราแจ้งพี่แล้วน้องแพร แพร : งั้นคอนเฟิร์มครบทุกคนนะคะ : ของพี่ปราบเลขาแจ้งมาแล้วว่าสะดวก : เจอกันวันพุธตอน 10 โมงนะคะ ขอบคุณค่ะ “มึง คอนเฟิร์มวันพุธ 10 โมงนะ มึงจะเข้ามานี่ก่อนมั้ย หรือจะไปนู่นเลย” ฟานถามหมอก “ที่นี่มีอะไรอีกมั้ยวะ โครงการนี้พรุ่งนี้น่าจะตรวจเสร็จ ของทีมน้องดิวส่งมายัง” หมอกเช็คงานในตาราง “ยังว่ะ น้องแจ้งมาเมื่อวานว่ามีปรับแก้อีกนิดหน่อย” หมอกพยักหน้าให้ฟาน “งั้นถ้าไม่มีงานอะไรค้างแล้วโครงการนี้ตรวจเสร็จ กูคงเข้าไปที่นู่นเลย มึงจะให้กูแวะรับมั้ย” ฟานส่ายหน้า “กูน่าจะเอารถไปเองว่ะ ถ้ามึงไม่เข้ามานี่ก่อนกูก็คงไม่ได้เข้า ขับไปเองจากคอนโดเลยดีกว่า ไอ้ปราบกับไอ้บอยก็น่าจะเอารถไปเอง เพราะไอ้บอยมันต้องเข้าไปตรวจหน้างานต่อด้วย” ฟานไล่ถึงเพื่อนทีละคน “งั้นก็ตามนี้ เจอกันที่นู่นเลย รีบตรวจให้เสร็จเถอะ จะได้ส่งต่อทีมเขียนแบบ” ฟานและหมอกก้มกลับไปโฟกัสกับงานที่กองอยู่บนโต๊ะต่อ บริษัท อินฟินิท อินเตอร์ เท็กซ์ไทล์ วันนัดประชุมผู้ถือหุ้น หมอกเดินทางมาถึงบริษัทก่อนเวลาประชุมเกือบชั่วโมง เพราะเค้าเผื่อเวลารถติดไว้แต่การจราจรกลับโล่งกว่าปกติมาก และเมื่อส่งข้อความถามเพื่อน ๆ ก็พบว่ายังไม่มีใครมาถึง หมอกจึงเลือกนั่งรอในรถแทนการขึ้นไปรอในห้องประชุม “ใกล้ ๆ เวลาแล้วเรียกด้วย ชั้นขอพักสายตาหน่อย” หมอกบอกกับขุนและแทนที่นั่งอยู่ด้านหน้า วันนี้เค้ารู้สึกปวดหัวตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้า แม้จะกินยาไปแล้ว แต่ก็ยังมีอาการปวดหัวอยู่ “นายน้อยครับ คุณแพรกำลังเดินมาทางรถเราครับ” ขุนที่นั่งมองด้านนอกรถอยู่ หันไปบอกเจ้านาย เมื่อเห็นแพรเดินส่องมาทางรถที่พวกเค้านั่งอยู่ หมอกเองก็ลืมตาขึ้นมามองคนตัวเล็กที่เดินมุ่งตรงมาเรื่อย ๆ แพรที่จอดรถเรียบร้อยตัดสินใจเดินมาตรงมาที่รถของหมอก เธอขับรถตามรถหมอกเข้ามาจากหน้าบริษัท แต่รออยู่ซักพักก็ไม่เห็นใครลงจากรถ จึงเดินเข้ามาหาเผื่อจะได้เดินขึ้นไปด้านบนพร้อมกัน ก๊อก!...ก๊อก!...ก๊อก!... แพรสะดุ้งนิด ๆ เมื่อประตูถูกเลื่อนเปิดในจังหวะเดียวกับที่เธอยกมือขึ้นไปเคาะกระจกรถพอดี “คุณมีอะไร อยู่ดีดีเดินมาเคาะรถคนอื่นเค้า” หมอกเอ่ยถามแพรออกไปด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็ก ๆ ที่มีคนมากวนเวลาพักผ่อน “แพรขับตามรถพี่เข้ามา เห็นไม่ลงจากรถซักทีเลยเดินมาดูค่ะ ขึ้นไปพร้อมกันมั้ยคะ” แพรถามหมอกกลับ “ไม่ล่ะ ผมจะพักสายตา ใกล้ ๆ เวลาแล้วค่อยขึ้นไป เชิญคุณไปทำงานเถอะ” หมอกปฏิเสธแพร กำลังจะปิดประตูรถ คนตัวเล็กตรงหน้าก็เอื้อมมือมาขวางไว้ “ไปพักด้านบนก็ได้หนิคะ ในห้องทำงานแพรก็พักได้ มานอนในรถมันไม่สบายหรอก” แพรยังคงตื้ออีกคน “เฮ้อ...มันจะอะไรนักหนานะ คนจะพักก็ไม่ได้พักซักที” หมอกบ่นเบา ๆ “ขุน แทน รอที่รถนะถ้าใกล้จะเลิกแล้วชั้นจะโทรบอกอีกที” เมื่อหันไปสั่งลูกน้องจบตัวเองก็เดินลงจากรถมา “ไปสิครับ ผมจะได้ไปพักซักที” “คนอุตส่าห์หวังดี แค่นี้ก็ต้องเหวี่ยงใส่” แพรบ่นเบา ๆ ขณะที่เดินนำหน้าหมอกเข้าไปในบริษัท “ผมได้ยิน” หมอกพูดเท่านั้น แพรก็เงียบเสียงบ่นลงทันที ทั้งคู่เดินขึ้นลิฟต์มาที่ห้องทำงานของแพร เมื่อเข้ามาด้านในห้อง หมอกก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา โดยไม่ได้รอให้เจ้าของห้องอนุญาตก่อนเลยด้วยซ้ำ “พี่หมอกไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ เอายามั้ยแพรหาให้” แพรเห็นอีกคนดูอาการไม่ค่อยดี จึงถามออกมา “ไม่ต้อง แค่ปล่อยให้ผมพักเงียบ ๆ โดยไม่มีเสียงงุ้งงิ้งจากคุณก็พอ” หมอกตอบกลับมา แล้วหรี่ตามองหน้าคนถามที่ยืนทำปากขมุบขมิบ ล้อเลียนเค้า เพราะคิดว่าเค้าไม่เห็น “ผมเห็นนะครับคุณภาวิดา เชิญคุณไปทำงานของคุณเถอะ แล้วก็เลิกล้อเลียนและเลิกสนใจผมซะ” หมอกพูดออกไปเสียงเข้ม “ค่า ไม่กวนแล้วค่า เชิญตามสบาย” แพรรับคำด้วยเสียงประชดประชันอีกคน แล้วเดินไปนั่งทำงานต่อที่โต๊ะ “ประชดเก่งจังวะ” หมอกบ่นกับตัวเองเบา ๆ ไม่ให้อีกคนได้ยิน แล้วหลับตาลงเพื่อพักจากอาการปวดหัว เมื่อใกล้เวลาเข้าประชุม คุณขวัญเลขาส่วนตัวของแพร มาเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้ามาแจ้งเตือนเวลาเข้าประชุมเหมือนทุกครั้ง แต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในห้อง แพรก็ส่งสัญญาณมือให้คุณขวัญเบาเสียงลง แล้วชี้ไปทางหมอกที่หลับอยู่บนโซฟา “ตอนนี้ผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ มาครบแล้วค่ะ รออยู่ที่ห้องประชุม” คุณขวัญบอกแพรโดยพยายามพูดให้เบาที่สุด “ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวแพรตามไป รบกวนเตรียมน้ำแตงโมคั้นสดไม่ต้องใส่น้ำเชื่อมกับน้ำเปล่าอย่างละแก้วให้พี่หมอกด้วยนะคะ ของคนอื่น ๆ ก็เป็นกาแฟตามปกติ” คุณขวัญยิ้มพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วค่อย ๆ เดินออกจากห้องเพื่อไปเตรียมของที่แพรสั่ง “พี่หมอกคะ พี่หมอก” แพรเดินมาสะกิดคนที่นอนอยู่บนโซฟาเบา ๆ ไม่อยากให้คนที่หลับอยู่ต้องตกใจมาก “อืม...” เสียงขานรับในลำคอดังขึ้น พร้อมกับอีกคนที่พยายามลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ “ใกล้เวลาประชุมแล้วค่ะ เพื่อน ๆ พี่มากันครบแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแพรก่อนก็ได้ค่ะ” แพรเอ่ยบอกกับหมอก ที่พยักหน้ารับรู้กลับมา “ขอบคุณ เดี๋ยวผมไปขอเวลาแปปเดียว” หมอกหลับตาลงอีกครั้ง “พี่หมอกทานยาไปตอนไหนคะ ทานอีกซักรอบก่อนเข้าประชุมดีมั้ย” แพรเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไร เดี๋ยวประชุมเสร็จค่อยว่ากัน ผมดีขึ้นแล้วยังมีตึง ๆ นิดหน่อย ขอบคุณครับ” หมอกตอบแพรกลับแล้วลุกขึ้นจากโซฟา “ห้องน้ำไปทางไหนครับ” เค้าหันไปถามเจ้าของห้อง “ทางนี้ค่ะ” แพรเดินนำไปที่ห้องน้ำภายในห้องทำงานของเธอ แล้วปลีกตัวมาเตรียมเอกสารสำหรับเข้าประชุม เมื่อหมอกออกมาจากห้องน้ำ ทั้งสองคนก็เดินตามกันออกมาจากห้องทำงานของแพร แล้วตรงไปที่ห้องประชุมที่เพื่อน ๆ ของหมอกมารออยู่ก่อนแล้ว “อ่าวมึงไปอยู่ไหนมา ที่รถก็ไม่มีขึ้นมาก็ไม่เจอ” ฟานถามเมื่อเพื่อนเดินมานั่งข้าง ๆ เค้า “ไปนอนพักมา กูปวดหัวไมเกรนขึ้นตั้งแต่เช้าและ” หมอกตอบคำถามเพื่อนสั้น ๆ “ไปพักที่ไหนมาวะ แล้วทำไมมาพร้อมน้องได้” ฟานถามเพื่อนด้วยความสงสัย “ไม่ต้องรู้ซักเรื่องได้มั้ยมึงเนี่ย กูจะนอนที่ไหนก็ช่างกูเถอะ” หมอกตอบปัดรำคาญเพื่อน ถ้าบอกไปเดี๋ยวก็โดนแซวอีก มันไม่นั่งรับรู้อยู่เฉย ๆ แน่นอน “ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มนะคะ” คุณขวัญเดินมาแทรกระหว่างฟานกับหมอก วางแก้วกาแฟลงตรงหน้าฟานและวางแก้วน้ำแตงโมคั้นสด พร้อมแก้วน้ำเปล่าตรงหน้าหมอก “เอ่อ...ขอโทษนะครับ ทำไมของผมไม่ใช่กาแฟ แล้วน้ำแตงโมนี่คือ” หมอกหันไปถามคุณขวัญ “อ่อ คุณแพรให้เตรียมให้คุณหมอกค่ะ สั่งว่าให้เป็นน้ำแตงโมคั้นสดไม่ใส่น้ำเชื่อมกับน้ำเปล่า” คุณขวัญตอบ ส่งยิ้มให้หมอกแล้วหันไปเสิร์ฟกาแฟให้คนอื่นต่อ หมอกหันไปมองทางแพรที่คุยกับเพื่อนอยู่ที่ด้านหน้าห้องประชุม เมื่อแพรมองกลับมาเค้าจึงชี้นิ้วไปที่แก้วน้ำแตงโม เชิงถามอีกคนว่ามันคืออะไร แพรจึงเดินปลีกตัวจากเพื่อนมาหาหมอก “แพรให้คุณขวัญเตรียมให้ พี่หมอกปวดหัว น้ำแตงโมจะช่วยได้ค่ะ ทานให้หมดนะคะ ทั้งสองแก้วเลย ส่วนกาแฟอย่าเพิ่งทานเลย มันจะยิ่งส่งผลกับอาการ แพรไปเตรียมข้อมูลต่อก่อนนะคะ” แพรเพียงเดินมาตอบคำถามให้เค้า แล้วเดินแยกตัวกลับไปเตรียมการประชุมต่อ “ฮั่นแน่...ยังไงครับ น้องใส่ใจขนาดนี้ เคลิ้มเลยสิมึง กูไม่ต้องถามแล้วเนอะว่าไปพักที่ไหนมา กูน่าจะได้คำตอบแล้ว หึหึ” ฟานเอ่ยแซวเพื่อนทันทีที่ได้ยินแพรเดินมาคุยกับหมอก “เออ! ตามที่มึงคิดนั่นแหละ” หมอกตอบเพื่อนกลับไป แล้วหันมานั่งมองแพรสลับกับแก้วน้ำด้านหน้าตัวเอง “มันเป็นอะไร นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว” เซนกระซิบถามฟาน เมื่อหันไปเห็นเพื่อนนั่งมองแก้วน้ำไปยิ้มไปอยู่คนเดียว “ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก มันไมเกรนขึ้นจนบ้าไปชั่วคราว” ฟานตอบเซนกลับ แต่จงใจให้อีกคนได้ยิน “มันทำไมนักห๊ะ กูก็แค่ปวดหัวแล้วไปนอนพัก มีปัญหากับกูจังมึงเนี่ย” หมอกหันไปถามฟาน “เค้าเปล่าน้า เค้าไม่ได้มีปัญหาน้า เพื่อนถามเค้าเค้าแค่ตอบเฉย ๆ” ฟานทำเสียงเล็กเสียงน้อยตอบหมอกไป พลางเลื่อนเก้าอี้ไปหลบหลังเซน “ไอ้หมอก มึงจะเกรี้ยวกราดทำไมเนี่ย กูแค่ถามมันว่ามึงนั่งยิ้มกับแก้วน้ำทำไม” หมอกหันมาถลึงตาใส่ “มึงจะเสียงดังเพื่อ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ เตรียมประชุมได้แล้ว” หมอกพูดกับเซนแล้วหันไปมองทางแพร ให้แน่ใจว่าไม่มีใครนอกเหนือจากพวกเค้าสามคนได้ยินประโยคที่คุยกันเมื่อกี้ เมื่อเห็นว่าแพรไม่ได้หันมามองอะไร จึงลากเก้าอี้ฟานให้กลับมานั่งเตรียมตัวประชุม “ชอบก็แสดงออก เก็บไว้เค้าไม่รู้หรอกนะเพื่อนนะ” ฟานกระซิบปิดท้าย ก่อนจะหันไปตั้งใจเตรียมประชุม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม