คนขัดจังหวะ

2257 คำ
"มีอะไร" น้ำเสียงเชิงหาเรื่องแบบนี้ มักใช้เอ่ยกับกมลเนตรเป็นประจำ "พี่มาลา ต่อไป คงไม่ได้เจอกันแล้ว" เช้านี้ อดีตสาวออฟฟิศมาหาถึงบ้าน ไม่รู้ว่าทำไมถึงหาบ้านเจ๊หลินเจอ แต่ก็คงไม่แปลก เพราะแค่เดินเข้าตลาด คุณก็ได้ข้อมูลนี้ไปจากบรรดาลูกหนี้ทั้งหลาย ซึ่งมันไม่ปลอดภัยนัก พนัสสร ไม่ได้เชื้อเชิญแขกเข้าบ้านด้วยซ้ำ ทั้งคู่ยืนคุยกันหน้ารั้ว "คุณคงได้ดิบได้ดี ตอนที่หายไป" ไม่วายนึกถึงเรื่องที่คาใจ "ใช่ แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะจี๋" เด็กสาวเลิกคิ้วทันทีอย่างไม่เข้าใจ "มันน่าอายที่จะเล่า แต่ พี่อยากให้จี๋รู้" "พี่รู้จักเซ็กส์ก็เพราะจี๋ เลือกใช้มันต่อรอง และหาประโยชน์จากคนที่พี่เกลียด แต่สุดท้าย พี่ก็ติดกับเสียเอง" "พี่หลงรักคนที่พี่ทำร้ายเค้าด้วยเซ็กส์ กว่าจะรู้ตัว พี่ก็เสียเค้าไป" พร้อมส่งรูปตัวเองที่ถ่ายคู่กับน้ำฟ้าให้เด็กสาวดู "พี่เสียเค้าไปเมื่อสองเดือนก่อน ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ มันทำให้พี่กลับมาทบทวนตัวเอง และรู้ว่าทุกวินาทีมีค่า เราไม่ควรเสียเวลากับความรู้สึกแย่ๆ ไม่ควรคาดหวัง และทุกการกระทำมันโคตรจะมีเหตุผลของมัน "พี่เคยเกลียดเค้ามาก แต่ตอนนี้พี่โคตรจะรักเค้า แต่มันสายไป" "ที่พี่จะบอกก็คือ ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ ที่ปิดโลกใบเก่าของพี่ และทำให้เจอกับชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆ ชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และทำให้รู้จักความรัก" "พี่ไปนะ ไม่อยากให้จี๋กับเจ๊ผิดใจกัน" "เห้ย! ไม่ได้เป็นแบบที่พี่คิด" สรรพนามเปลี่ยนไป เพราะคนตรงหน้าสารภาพ หรือเพราะอิ่มเอมใจ ที่อยู่ๆ หล่อนมาพูดเรื่องนี้ กันแน่ "พี่ว่า พี่คิดไม่ผิดหรอก ถ้าไม่งั้น คงไม่แอบดูพวกเราคุยกัน" "แต่อย่าหันไปนะ" พูดยังไม่ทันขาดคำพนัสสรก็หันควับทันที แต่ด้วยความไว กมลเนตรจึงคว้าจับหน้าเด็กสาวให้หันกลับมา ทำให้ใบหน้าทั้งคู่แทบจะแนบชิด ลมหายใจเป่ารดกัน "ห้ามจูบนะ ไม่งั้นคิดตัง" คำพูดทีเล่นทีจริง ของพนัสสรบอกออกไป นั่นทำให้กมลเนตรถึงกับยิ้มออกมา แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคือคนในบ้านที่กำลังแอบดูคนทั้งคู่ผ่านช่องหน้าต่าง หล่อนรีบเบือนหน้าหนี และเลิกมอง  เพราะมุมเจ๊หลินที่ไม่ได้เห็นทุกอย่างแบบเต็มตา ทำให้เข้าใจไปว่าทั้งคู่จูบกัน ใบหน้าร้อนผ่าว ลูกค้าประเภทไหนกัน แบบไหนกัน ที่พนัสสรต้องยอมจูบด้วย แถมเนิ่นนานแบบไม่ขัดขืนอีก ก็กฎเหล็กระหว่างเด็กสาวกับลูกค้าเรื่องจูบ มันค้ำคอทำให้เจ๊หลินวางใจ ว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่สิ่งที่เห็นมันกลับตรงข้าม "ขอโทษ ที่ครั้งแรกไม่ได้บอก เลยได้จูบกันเลย" กมลเนตรยอมสารภาพในท่าทีล่อแหลม จนพนัสสรต้องคว้ามือของคนอายุมากออกจากหน้าตัวเอง ก็นี่ยืนกันอยู่หน้าบ้าน "รับคำขอโทษเป็นเงินเท่านั้น" "ก็ได้ แต่นี่เป็นเงินก้อนสุดท้ายนะ ที่พี่จะซื้อบริการจากจี๋" กดโอนเงินให้ทันที โดยที่ไม่ได้โชว์ยอดเงินให้ดู "พี่ไปแล้วนะ ขอให้จี๋มีความสุข และก็ฝากลาเจ๊ด้วย" "อืม" ก่อนกลับ ทั้งคู่กอดลากันอย่างเต็มใจทั้งสองฝ่าย และคนที่ยิ้มกว้างไม่หุบก็เห็นจะเป็นเด็กสาว "มีอะไร" เจ๊หลินก็เป็นอีกคน ที่พนัสสรมักจะพูดห้วนใส่ ก็พอเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ก็เจอหล่อนยืนกอดอก พร้อมส่งสายตาไม่พอใจมาทางเธอ "ไม่ไปอยู่ด้วยกันเลยล่ะ" "รู้อะไรมา" "เปล่า" รู้สิ เพราะกมลเนตรติดต่อเธอมา ให้ช่วยพูดและเกลี้ยกล่อมให้พนัสสรย้ายไปอยู่เมืองนอกด้วย หล่อนเพียงแค่รับปากส่งๆ ไป แต่ใครมันจะช่วยจริงกันล่ะ ช่วยก็บ้าแล้ว เธอไม่ยอมเสียพนัสสรไปง่ายๆ หรอก "เอาเงินไปฝากให้ที" ก็หลังจากพนัสสรหนีไปนอนร้าน เงินที่เก็บดอกทุกวัน ยังคงอยู่ที่ตัว มันเพิ่มพูนจนไม่กล้าเก็บไว้เอง "อย่าบอกนะว่าไม่ได้เอาเข้าแบงค์เลย" "อือ" ยอมรับแต่โดยดี "มันจะอะไรนักหนากับอีแค่เอาเงินไปฝากธนาคาร" ไม่ใช่แค่ไม่ฝาก แต่หล่อนคงไม่นับ ไม่ทำบัญชี และใช้อย่างเดียว "มันหน้าที่แก! ถ้าไม่เอาแต่งอนและหนีไปนอนร้าน ฉันคงไม่ลำบากแบบนี้"  เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ทะเลาะและถูกไล่ออกจากบ้าน พนัสสรก็จะหนีไปนอนที่ร้าน "ทีหลังก็หัดง้อให้ไวกว่านี้ จะได้ไม่ลำบาก! " เด็กสาวก็ไม่ยอมเช่นกัน ไม่รู้และแยกแยะไม่ออกด้วยซ้ำว่าต้นเรื่องนั้นใครผิด แถมตีโพยตีพายเดินหนีขึ้นบ้านไปพร้อมเงินหลายซอง "นี่กูผิดเหรอเนี่ย" ทิ้งให้เจ๊หลินได้แต่บ่นกับตัวเอง และกลายเป็นว่าวันนั้นทั้งวัน พนัสสรต้องนั่งทำบัญชีอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน แต่สิ่งที่เรียกความสนใจไม่แพ้กองเงินคือเสียงของคนห้องข้างๆ ใช่เลยว่าวันนี้วันพระ เธอมั่นใจเพราะปฏิทินตรงหน้า แต่มันจะดูเร็วเกินปกติเสียหน่อย เพราะตะวันยังไม่ตกดินเลยด้วยซ้ำ เปิดลิ้นชักทันที เพื่อจะหยิบหูฟังมากลบปิดเสียง คราง ของเจ๊หลินที่มันดังขึ้นๆ เรื่อยๆ พลางให้นึกถึงครั้งล่าสุดและก่อนหน้า ของเธอและเจ๊หลิน หล่อนไม่ได้ร้องดังขนาดนี้ แบบที่ได้ยินทุกครั้งเวลาที่หล่อนร่วมรักกับผู้ชาย มันดูน่ารำคาญ และเกินจริง หมดแล้วความอดทน 'ปึ้ง! " อยู่ๆ ห้องที่เกิดเสียงรบกวนก็เปิดกว้างขึ้น โดยคนด้านนอกที่กำลังจ้ำๆ เข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ปลายเตียง กิจกรรมทำรักกันอย่างออกรสบนเตียงต้องหยุดลง แต่ไม่ยอมผละออกจากกัน ชายหนุ่มตื่นตกใจ เพราะการมาแบบไม่ได้นัดของพนัสสร พยายามจะผละออกจากร่างเจ๊หลิน เขาเริ่มอายสายตาคนมาใหม่ แต่หล่อนดันกอดรัดเขาไว้แน่น และเพียงผงกหัวขึ้นมาหาเด็กสาวเท่านั้น "ไปแบงค์เป็นเพื่อนหน่อยดิ" "ไม่เห็นรึไงว่าทำอะไรอยู่! " ตวาดกลับไปอย่างเสียอารมณ์ เพราะกำลังเข้าได้เข้าเข็ม "เห็น! ทำเร็วๆ ดิ" รอบนี้พนัสสรจงใจพูดใส่ชายคนที่กำลังเหงื่อตก เขาทั้งอายและตกใจ ที่ต้องมาอยู่ในห้องกับผู้หญิงสองคน คนหนึ่งที่เขากำลังเริ่มมีเซ็กส์ด้วย อีกคนหนึ่งหล่อนกำลังเร่งเร้าและยืนกดดันให้เขาทำรักต่อ ซึ่งสิ่งที่ทั้งคู่เหมือนกัน คือการไม่สะทกสะท้านกับท่าทางล่อแหลมแบบนี้ แถมยังถกเถียงกันอีกอย่างออกรส "หมดอารมณ์แล้ว! " พูดจบ ก็ผลักร่างชายคนนั้นออกจากตัว พร้อมยืนขึ้นกอดอกอย่างเอาเรื่อง "งั้นๆ เดี๋ยวผมมาใหม่" เขาละล่ำละลักพูดออกมา "ไม่ต้อง! " หล่อนหันไปแว้ดใส่ ไม่วายส่งเสียงขับไล่ไม่หยุด จนเขาแทบจะวิ่งออกจากบ้าน เพราะอยู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนที่ถูกเจ๊หลินวีนใส่เสียอย่างงั้น "กลางวันก็ไม่เว้น" พนัสสรแขวะคนข้างๆ ทันทีที่เจ๊หลินเข้ามานั่งข้างกันภายในรถ "เสือก" ด่ากลับทันทีด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์นัก นั่นทำให้เด็กสาวยิ้มเยาะออกมาอย่างถูกใจที่เป็นสาเหตุให้เจ๊หลินหงุดหงิด 'Rrrr Rrrr' เสียงโทรศัพท์ของพนัสสรดังขึ้น เด็กสาวจึงจำต้องกดรับ ทั้งที่ยังขับรถ "ค่ะ" "วันนี้เหรอคะ" บอกพร้อมก้มดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง ในหัวเริ่มคำนวนเวลา "ดึกได้มั้ยคะ" คำนี้จากปากเด็กสาวทำให้เจ๊หลินต้องหันมอง แต่ก็แค่แว้บเดียว แล้วจึงหันหนีและมองไปนอกหน้าต่างแทน แสร้งทำไม่สนใจ "ค่ะ" หลังจากวางสาย พนัสสรก็ไม่ได้พูดอะไรกับเธอ จนถึงธนาคารตามที่ตั้งใจ จัดการกดบัตรคิวจนเรียบร้อยและนั่งลงข้างเจ๊หลิน โชคดีที่มาถึงธนาคารก่อนเวลาปิด ก็หล่อนดันลีลา กว่าจะอาบน้ำแต่งตัว "ไปดิ" สะกิดบอกคนที่เอาแต่นั่งนิ่งหลับตา ไม่ไหวติง นั่นเพราะถึงคิวเธอแล้ว 'จิ๊! ' ส่งเสียงไม่พอใจ พร้อมมองค้อนลูกน้อง ก็จ้างให้มาทำแทนทุกอย่าง แต่ดันมาใช้เจ้านายเสียอย่างงั้น "เป็นเจ้าของเงิน ก็หัดทำธุรกรรมเองบ้างสิ เดี๋ยวก็เป็นง่อยหรอก" ซึ่งคำพูดของเด็กสาวไม่ได้ทำให้เจ๊หลอนรู้สึกดีเลยสักนิด กลับถลึงตาใส่อีก 'บัตรคิวที่ แปดสี่เจ็ด อยู่มั้ยคะ' เสียงของพนักงานธนาคารเรียกซ้ำ "อยู่ค่ะ" พนัสสรโพล่งออกไป แถมยังทำหน้าพยักเพยิดใส่เจ้านายอย่างไม่รู้ร่อนรู้หนาว "เผื่อไม่มีฉัน เจ๊จะได้ทำเอง" เจ๊หลิน ลุกขึ้นเดิน ตรงไปยังเคาท์เตอร์ เพื่อทำธุรกรรมตามคิวอย่างว่าง่าย หลังจากได้ยินประโยคที่ชวนให้ใจกระตุก หันกลับไปมองพนัสสรที่กำลังคุยโทรศัพท์ พร้อมใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอเดา แต่การเดาของเธอ มันคงจะเป็นจริงเสมอ สายโทรเข้า สายนั้น คงเป็นคะนึงนิจ สองครั้งแล้ว สำหรับเดือนนี้ ที่ลูกค้านัดให้เด็กสาวไปให้ความสำราญนอกสถานที่ แต่สิ่งที่ทำให้มั่นใจ เพราะก่อนจะออกไปทำงาน พนัสสรจะบอกเธอทุกครั้ง และกลับมาพร้อมเช็คเงินสด ราวกับเด็กไปทำความดีมา แล้วเอารางวัลมาอวด "ถ้าแกรีบ ฉันกลับเองได้" เมื่อทำธุรกรรมเรียบร้อย ก็เดินกลับมาหาเด็กสาว "จะกลับยังไง เดี๋ยวไปส่ง" "แท็กซี่" "เดี๋ยวก็โดนเค้าโกง แล้วก็ทะเลาะกันเพราะเจ๊ไม่ยอม และสุดท้าย ดันไปจบที่โรงพัก ไม่ถึงบ้าน" "วิน" "เจ๊นั่งมอไซค์ไม่เป็น ครั้งก่อน ก็รถล้ม สภาพดูไม่จืดทั้งคนขับและก็คนซ้อน " "รถเมล์" "เจ๊ไม่พกเศษ โดนไล่ลงกลางทาง จำไม่ได้เหรอ" "เออๆ กูยอมแล้ว" เดินหน้าตึงออกจากธนาคารไปขึ้นรถทันที ลูกจ้างคนนี้นี่รู้ดีไปเสียหมด จนหงุดหงิด "ส่งตรงนี้ เดี๋ยวเดินไป" ทั้งที่จะถึงบ้านอยู่แล้ว แต่คนที่นั่งเงียบมาตลอดทาง ยังไม่ยอมหยุดดื้อดึง "เป็นอะไรเนี่ย วัยทองเหรอ" "ก็แกรีบไม่ใช่รึไง ป่านนี้ คุณนิดรอแย่แล้ว" "คุณนิดไม่ได้เร่ง ไปดึกก็ได้" เมื่อถึงบ้าน พนัสสรก็เตรียมจะลงรถเพื่อเปิดรั้ว ตั้งใจจะขับเข้าไปจอดที่เดิม แต่ดันถูกขัด "ขับรถฉันไปก็ได้ ขี่มอเตอร์ไซค์ดึกๆ ดื่นๆ อันตราย" "เป็นห่วงเหรอ" "เออ! เพราะถ้าแกตาย คงไม่มีใครเอาเงินเข้าธนาคารให้" พูดจบก็เปิดประตูลงรถ  ทิ้งให้พนัสสรเอาแต่นั่งยิ้มอยู่ในรถ ทั้งที่เด็กสาวเคยบอกว่าจะออกไปทำงานข้างนอกแค่สองครั้งต่อเดือน แต่ถ้ารวมครั้งนี้ก็เป็นสาม กดล็อกรั้วทันที เพราะไม่แน่ วันนี้พนัสสรอาจไม่กลับบ้าน "ไหนว่าจะไปข้างนอก เจ๊หลินได้ยินเสียงกุกกักจากด้านล่าง เหมือนมีใครกำลังไขประตู ด้วยความที่ต้องอยู่คนเดียว จึงเป็นธรรมดาที่จะระแวง และรีบลงมาดู โดยในมือก็ถือแจกันใบโตติดมาด้วย "ใครบอกว่าจะไป" แน่นอนว่าคนที่เข้าบ้านมาตอนนี้คือพนัสสร หล่อนจึงวางใจและวางแจกันลง "เอามาทำอะไร จะฟาดฉันเหรอ" แต่ก็ไม่พ้นสายตาเด็กสาว จึงถามออกไป "ไม่คิดว่าแกจะกลับมา ลืมอะไรล่ะ" เวลานี้พนัสสรควรจะขับรถออกจากบ้านไปแล้ว ไม่ใช่ย้อนกลับเข้ามา แถมมันผ่านไปแค่ไม่กี่นาที ราวกับเด็กสาวยังไม่ได้ออกไปไหน "ลืมหลายอย่างเลยล่ะ" หันมาบอก พร้อมตรงดิ่งหาคนที่ยังยืนอยู่บนขั้นบันได สายตาที่เอาแต่จ้องมองคนอายุมากกว่า ทำให้หล่อนใบหน้าร้อนผ่าว "มองทำไม" กลั้นใจถามออกไปทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าสายตาแบบนั้น พนัสสรต้องการสิ่งใด "ตรงบันไดได้มั้ย" ไม่พูดเปล่า กลับเดินเข้าใกล้อีก จนหน้าแทบจะชิดกัน "นะ" ร้องขอ พร้อมด้วยสายตาเว้าวอนของเด็กสาวตรงหน้า สับสน แต่ "อือ" สิ้นเสียงอนุญาต ก็ถูกฉกจูบทันทีอย่างจาบจ้วง สับสน แต่ดันยอมง่ายๆ แถมไม่มีความยั้งคิด ตรงบันไดงั้นเหรอ นั่นยิ่งเลวร้าย เส้นบางๆ ระหว่างความต้องการ ดันมาพร้อมกับความเห็นแก่ตัว เพราะหากพนัสสรอยู่กับเธอตอนนี้ ก็จะไม่มีเวลาไปให้คะนึงนิจ จึงไม่จำเป็นต้องลังเล และ ใครจะไปรู้ ว่าพนัสสรอยากจะไปหาคะนึงนิจจริงหรือเปล่า ทั้งคู่นัดกันจริงใช่มั้ย สายที่รับนั่นจากหล่อนจริงเหรอ แต่ที่รู้ๆ เจ๊หลินติดกับดักของพนัสสรเข้าแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม