ตอนที่ 1

3043 คำ
ผู้หญิงที่เปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน ขณะฉันกำลังหาแรงบันดาลใจ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีสายตาที่มองมา ไม่ได้สบตา แค่เพียงเสี้ยวหน้ายังสามารถทำให้ฉันคิดอะไรได้หลายอย่าง เสียงเครื่องพิมพ์ดีดดังขึ้น ลูกค้าในร้านหัน มามองหาเสียงนั้น ต๊อกแต๊กๆ ไปตามแรงของนิ้วที่กดลงเพื่อพิมพ์ตัวอักษร บนกระดาษ ซึ่งยุคนี้ยุคดิจิตอลแล้ว แต่ฉันยังคงสนุกสนานกับเครื่องพิมพ์ดีดที่วันหนึ่งเกิดเสียขึ้นมาจะมีคนซ่อมได้หรือไม่ยังไม่รู้ ฌาร์ม คือ ชื่อของฉัน เป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ไม่สนใจว่าลูกค้าจะรำคาญเสียงของเครื่องพิมพ์ดีดที่ดังอยู่หรือไม่ พนักงานของร้านส่ายหน้าและยิ้มๆ กับนักเขียนประจำร้านที่ไม่เคยยอมบอกนามปากกากับใคร เวลาส่วนใหญ่จะมาหมกตัวอยู่ในร้านกาแฟที่บางครั้งต้องวิ่งวุ่น หากมีลูกค้าเข้าร้านมากเหมือนเวลานี้ แต่ดูเหมือนว่า ไอ้เจ้าเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนั้นกำลังดึงดูดให้อยู่แค่ในโลกส่วนตัวเสียแล้ว “เสียงดังลั่นร้านขนาดนี้ เกรงใจลูกค้าหน่อยเถอะค่ะ คุณ” เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้นทำให้ฌาร์มถอนใจ ใช่ว่าไม่สบายใจแต่การถูกขัดจังหวะทำให้รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก “เขียนลงสมุดนี่ หรือพิมพ์ในคอมพิวเตอร์สิคะ จะได้ไม่เสียมารยาท” หญิงสาวซึ่งเป็นลูกค้าพูดต่อว่า ฌาร์มปัดแคร่เครื่องพิมพ์ดีดเสียงดังลั่น “เงียบแล้วค่ะ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวคนนั้นไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก หลังจากฌาร์ม หยุดพิมพ์งานมองดูสมุดที่ลูกค้านำมาวางให้ จึงเอื้อมไปหยิบ ดินสอมาขีดเขียนสิ่งที่คิดลงไปอยู่พักใหญ่ พนักงานของร้านยิ้มๆ มองดูหญิงสาวที่ทำให้ร้านอยู่ในความสงบ “ไม่หยุด โดนแน่ สวยเฉียบเล่นเอาพี่ฌาร์มจ๋อย” เสียงของพนักงานพูดขึ้นลอยๆ แถมยังหัวเราะคิกคัก “เดี๋ยวก็โดนไล่ออก ไม่มีเงินเรียนหนังสือนะ” ฌาร์มพูดขึ้น “แต่สวยจริงๆ นะ ดั่งนางพญาเลย” พนักงานของร้านบอก “นิสัยไม่ดีสิไม่ว่า คนทำงานอยู่กำลังไหลลื่น จินตนาการกระเจิด กระเจิงหมด” ฌาร์มยิ้มและยังเขียนบางอย่างขยุกขยิกลงใน สมุด โดยไม่ได้สนใจเลยว่า สมุดเล่มนั้นเป็นของคนที่ตัวเองกำลังพูดว่าอยู่ “ถามจริงพี่ ได้พิมพ์บ้างหรือเปล่าที่เขียนๆ น่ะ ถามนามปากกาก็ไม่บอก แล้วมีใครที่ไหนเขายังใช้พิมพ์ดีดกัน อินดี้ว่างั้น” พนักงานของร้านพูดจากวนๆ ใส่เจ้านายและเจ้าของร้าน “วอนซะแล้ว” ฌาร์มพูดจบก็ฉีกกระดาษที่ตัวเองเขียนไปสี่ห้าแผ่นก่อนจะเดินไปจัดเตรียมเครื่องดื่มด้วยตัวเอง พนักงานของร้านมองตามคนที่เดินไปชงชาอย่างพิถีพิถันค่อยๆ บรรจงเทลงในถ้วยชาด้วยความละเมียดละไมแล้วเดินยกถ้วยนั้นไปพร้อมสมุด พนักงานของร้านมองตามเห็นเดินตรงไปที่ลูกค้าสาวสวยท่าทางจะได้มีเรื่องเสียก็ไม่รู้ ถ้วยชาถูกวางลงตรงหน้าของลูกค้าที่ขมวดคิ้วมองสบตากับคนที่มายืนทำหน้ามึนและกำลังวางสมุดลงที่โต๊ะ โดยไม่พูดอะไรสักคำก้มศีรษะให้เล็กน้อยก่อนจะถอยหลังและเดินกลับไปนั่งที่เดิม “ท่าจะบ้านะ” หญิงสาวมองดูถ้วยชา สมุดและมองไปยังคนที่เดินกลับไปนั่งอยู่ที่เดิม หากเดาไม่ผิดจากการพูดคุยกับพนักงานคนอื่นพอจะเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน “ไม่บ้าหรอกค่ะ แค่กวนไปหน่อย” พนักงานของร้านเดินมากระซิบบอกลูกค้าที่ท่าทาง งงๆ กับอาการแปลกๆ ของเจ้าของร้าน “แน่ใจนะคะ ว่าปกติน่ะ” ลูกค้าถามยิ้มๆ และหัวเราะเล็กๆ “ลองชิมชาดูค่ะ จะได้คำตอบว่า ปกติดีค่ะ ไม่บ้าแน่นอน” “คนบ้าอาจจะชงชาได้นะคะ” “อาจจะค่ะ แต่ปลอดภัยค่ะ ทั้งหมดเป็นการขอบคุณที่คุณลูกค้าให้ ยืมสมุดนั่นแหละค่ะ เจ้านายหนูลีลาเยอะค่ะ คุณ” พนักงานอมยิ้ม เพราะท่าทางลูกค้าถึงแม้จะสวย แต่ก็ท่าจะแสบอยู่เหมือนกัน “ร้อนจะแย่ น่าจะให้ชาเย็นนะ” เสียงของลูกค้าคนสวยดังขึ้น ไม่ใช่เป็นการพูดคุยกับพนักงาน แต่ดูจะตั้งใจให้คนที่ยังนั่งเหม่อๆ ได้ยิน “แหม คุณก็นะ” พนักงานของร้านส่ายหน้าเล็กน้อยหันมายิ้มให้กับลูกค้าก่อนจะเดินไปทำงานของตัวเองต่อ แต่เมื่อเดินสวนกับเจ้าของร้านที่ถือแก้วใส่น้ำแข็งถึงกับต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่า จะเกิดศึกกวน กันไปมาระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าอีกหรือ ไม่ “คนสวย มักจะเรื่องเยอะ จริงสินะ ขอบคุณค่ะ” ฌาร์มนำชาร้อนเทลงในแก้วที่มีน้ำแข็ง “ก็แค่นั้นแหละ นึกว่าเป็นใบ้” ลูกค้าพูดขึ้นลอยๆ ฌาร์มกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่หญิงสาวที่เป็นลูกค้าเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่มีคนโทรฯ เข้ามาเสียก่อน “สวัสดีค่ะ ศิตาค่ะ” คนที่รับโทรศัพท์ไม่ได้สนใจเจ้าของร้านอีกเลยเพราะหันไปสนใจพูดคุยเรื่องงานกับคนที่โทรศัพท์เข้ามา ฌาร์มยิ้มๆ รู้สึกสบายใจที่ได้กวนใสสาวเจ้า แต่เมื่อตั้งใจมองดวงหน้าของเธอคนนั้น รวมถึงแววตาและริมฝีปากทำให้ตัวเองเกิดรอยยิ้มขึ้นมา เพราะจำได้แล้วว่า เป็นหญิงสาวที่เข้ามาในร้านและทำให้เกิดแรงบันดาลใจเล็กๆ เขียนงานออกมาได้ส่วนหนึ่ง “ศิตา น่าจะขายผ้าไหม” ฌาร์มพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินกลับมานั่งทำ งานเหมือนเดิม โดยไม่ส่งเสียงรบกวนลูกค้าอีก “คงตกงานแน่เรา” พนักงานของร้านพูดขึ้น “แหมใครจะกล้าไล่ล่ะจ้ะ ทำงานเก่งขนาดนี้” ฌาร์มพูดแหย่ “หนูว่า ร้านจะไปไม่รอดนะ ถ้าพี่ฌาร์มกวนลูกค้าขนาดนี้น่ะ” “ชามใส่ข้าวน่ะ นะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นและหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากร้านไป พนักงานของร้านหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าของร้านส่ายหน้า แต่ก็ชะเง้อมองตามลูกค้าคนสวยจนกระทั่งขับรถออกไป “พี่ชามใส่ข้าวคะ หนูจะไปซื้อก๋วยเตี๋ยวจะรับด้วยไหมคะ” สาวที่เป็นพนักงานหัวเราะคิกคัก “เดี๋ยวจะโดนนะ ไอ้แป๋วแหวว” ฌาร์มทำเป็นพูดเสียงเข้ม “โดนอะไรล่ะ ถามดีๆ นะเนี่ย ก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อย ไม่รับหรือคะ” “อยากจะกินหัวลูกน้องแทน เอ๊า เอาเงินไป ซื้อให้ครบคนด้วยล่ะ” “พี่ชามข้าวใจดีที่สุดในโลกเลย ขอบคุณค่ะ” แป๋วแหววพนมมือไหว้แบบย่อเข่าเดินมารับเงินจากมือของฌาร์มที่หัวเราะกับความทะเล้น “พอกันเลย” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ฌาร์มยิ้ม “เผื่อน้านุชด้วยนะ แป๋วแหวว” ฌาร์มเดินเข้ามาสวมกอดหญิงที่มีอายุอานามมากกว่าตัวเอง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของมารดา “ขอบใจจ้ะ เป็นไงขายดีไหม” น้านุชถาม “เรื่อยๆ ค่ะ น้านุชดื่มอะไรดีคะ” “ชาสิ ฝีมือเราน่ะ ดีเลิศ” น้านุชเอ่ยชมทำให้ฌาร์มหันไปมองที่โต๊ะของลูกค้าที่เพิ่งออกไป ชาแก้วที่ถูกเทใส่ในน้ำแข็งแห้ง เหือดไม่เหลือทำให้ ฌาร์มยิ้มก่อนจะไปจัดการเตรียมเครื่องดื่มให้กับน้าสาว สองน้าหลานพูดคุยถามทุกข์สุขกัน น้านุชเป็นเพื่อนสนิทของมารดาซึ่งฌาร์มไม่ได้คิดอย่างนั้น หลังจากมารดาเสียชีวิต น้านุช คอยถามไถ่และดูแลเอาใจใส่ฌาร์มเหมือนเป็นหลานสาวแท้ๆ ทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น “พ่อเราล่ะ สบายดีหรือ” น้านุชถามถึงชัชวาลบิดาของฌาร์ม “เหมือนเดิมค่ะ เนื้อหอมกว่าเดิมหลังจากเล่นการเมือง” ฌาร์มยิ้มน้อยๆ มองสบตากับน้านุช “หล่อ รวย เป็นนักการเมืองเข้าไปอีก เนื้อหอมก็ไม่แปลกนะ” “น้านุชล่ะคะ เป็นอย่างไรบ้าง ครั้งก่อนโทรฯ ไปเห็นไม่ค่อยสบาย หายดีแล้วหรือยังคะ” บทสนทนาเป็นเรื่องทั่วๆ น้านุชไปมาหาสู่ฌาร์มเสมอตั้งแต่เริ่มทำร้านกาแฟ เพราะท่านไม่ค่อยอยากไปที่บ้านสักเท่าไรนักอาจจะกลัวว่า ตัวเองจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ “ตามประสาคนที่อายุมากขึ้นนั่นแหละ ว่าแต่เราไม่คิดจะไปช่วยงานพ่อเขาหรอกหรือ” น้านุชถาม ขณะจิบชาที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น “ได้ช่วยอยู่บ้างค่ะ แต่ไม่ได้ลงไปเต็มตัว ได้กลิ่นชา ได้กลิ่นกาแฟมีความสุขกว่าตั้งเยอะ” ฌาร์มบอกกับน้าสาว “ถ้าแม่เราอยู่คงจะมาหมกตัวอยู่กับลูกสาวที่ร้านนะ” น้านุชยิ้มจางๆ เมื่อได้เอ่ยถึงเพื่อนรัก “คงอยู่บ้านคอยดูแลพ่อตอนกลับจากทำงานมากกว่าค่ะ” “พ่อเรากลับมาเนื้อหอมอีกครั้ง ตอนมีแม่เราอยู่น่ะ ออกจะติดบ้าน” น้านุชยิ้มน้อยๆ มองสบตากับฌาร์มที่ยิ้มจางๆ หลังจากสูญเสียมารดาด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ชัชวาลบิดาของฌาร์มได้ กลับไปใช้ชีวิตทุ่มเทกับงานมากขึ้น จนกระทั่งกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นหนึ่งในนักการเมือง ซึ่งอีกไม่นานนักจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ บิดาเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองหลังจากสูญเสียภรรยา ฌาร์มเองก็เช่นกันที่เปลี่ยนไปโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัวมีเพียงคำพูดของผู้ที่มีความหวังดีเอ่ยให้ได้ฟังบ้างอย่างเช่น น้านุช ฌาร์มอาสาขับรถพาน้านุชมาทำธุระ การฝ่ารถติดกลางเมืองถือว่าลำบากสำหรับคนที่ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไรนัก แต่อย่างว่าความสวยงามของเสื้อผ้าอาภรณ์ทำให้หญิงสาวทุกวัยยอมทนลำบากด้วยกันทั้งนั้น “ผ้าไหม” ฌาร์มรำพึงออกมาเบาๆ ขณะเดินเข้ามายังห้องเสื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งมองเห็นชุดผ้าไหมที่ออกแบบอย่างทันสมัย “สวยไหมล่ะ ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์มีผ้าเก่ามาจัดโชว์ด้วยนะ เผื่อสนใจระหว่างรอน้าจะได้ไม่เบื่อ” น้านุชบอกกับฌาร์มที่ถึงกับอึ้งเมื่อได้เห็นผ้าไหมแพรพรรณที่ถือว่าสวยสง่า และความงดงามเหล่านั้นกำลังอยู่ในงานเขียนของฌาร์มด้วย “ขอบคุณค่ะ น้านุช ถ้าอย่างนั้นน้านุชโทรฯ ตามฌาร์มนะคะ หากธุระเสร็จแล้ว” “ตามสบายเลย ใช้เวลาได้ตามสะดวก ถ้าสนใจจะตัดชุดล่ะก็ลงมาหาน้าข้างล่างได้เลย นักออกแบบที่นี่ฝีมือดีมากผสมผสานความเก่าใหม่ได้อย่างลงตัวทีเดียว ฌาร์มรีบขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งน้านุชบอกว่าเป็นส่วนที่ถูกจัดแสดงผ้าเก่าที่พอขึ้นไปถึง รู้สึกได้ว่า มิติของความทันสมัยที่ชั้นล่างขาดเสน่ห์ไปเลยทีเดียวทั้งๆ ที่ตอนเข้ามาและได้เห็นรู้สึกชอบความสวยงามแบบทันสมัย ห้องโถงโล่งๆ มีผ้าเก่าหลากหลายชนิด หากเป็นของเก่ามากๆ จะถูกเก็บไว้ในตู้ควบคุมอุณหภูมิ ฌาร์มไม่ได้คิดถึงเรื่องของราคาแต่กลับคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต เพราะบางชิ้นลวดลายงดงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คนที่คิดลายและค่อยๆ ทอขึ้นมา ถือว่าเป็นคนที่น่าทึ่งหรือมหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ ในความรู้สึกของฌาร์มที่หลงใหลในดินแดงแห่งแพรพรรณที่บางชิ้นน่าจะเรียกว่าเป็นผ้าโบราณเลยทีเดียว “นางฟ้าเทวดาทอไหมเนี่ย ลายละเอียดเสียขนาดนี้” ฌาร์มรำพึงออกมาเบาๆ แต่เมื่อมองเงาในกระจกเห็นคนที่จำได้ดี จึงรีบหันไปทันที “เป็นขโมยหรือเปล่า” เสียงของหญิงสาวที่เริ่มทักทายทำให้ฌาร์มยิ้ม แต่ขมวดคิ้วหันไปมองและทำท่าคิด “ดูเหมือนขโมยหรือ พิพิธภัณฑ์ใครๆ ก็เข้าชมได้ไม่ใช่หรือคะ” “ใครจะไปรู้ จู่ๆ ก็มายืนอยู่ที่นี่” หญิงสาวที่เคยเจอกับฌาร์มที่ร้านเมื่อตอนสายๆ พูดขึ้น พร้อมด้วยรอยยิ้ม “สาวสวยกับผ้าไหม” ฌาร์มรำพึงออกมาเบาๆ “อะไรนะ” “เปล่าค่ะ ผ้าไหมสวยดี” ฌาร์มยิ้มๆ ไม่มีท่าทีกวนๆ เหมือนตอนที่ได้พบกันที่ร้านกาแฟทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คิดว่าควรจะพูดจากันดีๆ เพราะคนที่ยังคงมองดูบริเวณโดยรอบน่าจะเป็นลูกค้า “มีส่วนที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมด้วยค่ะ ถ้าสนใจ” “ฌาร์มค่ะ สนใจอยากเห็นค่ะ” ฌาร์มรีบแนะนำตัวเอง ซึ่งคนได้ยินอมยิ้ม หลังจากท่าทีของสาวจอมกวนเปลี่ยนไป “แต่วันนี้ไม่ได้ ต้องมาวันหลัง เพราะกำลังทำความสะอาดอยู่” “อ้าวแล้วชวนทำไมเนี่ย หลอกให้สนใจแล้วก็จากไป” ฌาร์มพูดบ่นเล็กน้อย แต่คนที่ยืนอยู่หัวเราะเล็กๆ ก่อนจะยื่นมือให้ “ซีนค่ะ ศิตา เจ้าของที่นี่” ฌาร์มถอนใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้าแสดงท่าทางกวนๆ ใส่ผู้หญิงคนนี้ไว้เสียเยอะ แต่กลับมีไมตรีที่จะทำความ รู้จักกัน ซึ่งฌาร์มรู้ดีเรื่องมารยาท จึงยื่นมือไปจับเล็กน้อย “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณซีน” ฌาร์มบอกแล้วยิ้มเจื่อนๆ “ชื่อ ชาม จริงๆ หรือ” ศิตาถาม “ฌาร์ม แต่เวลาพูดก็ ชามข้าว นั่นแหละค่ะ” ฌาร์มบอกศิตายิ้มๆ “ดื่มอะไรดีคะ เย็นหรือร้อน” ศิตาถามอมยิ้ม เพราะเจ้าตัวคงจำได้กับคำพูดที่เคยพูดกับศิตาก่อนหน้านี้ “อืม เหมือนจะโดนเอาคืน ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฌาร์มหัวเราะเล็กๆ เมื่อได้มองดวงหน้าชัดๆ ในระยะใกล้ ถือได้ว่า เจ้าของ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าควรเรียกว่า ห้องเสื้อหรือไม่ ถือว่าเป็นผู้หญิงที่สวยบาดตาบาดใจเลยทีเดียว “ที่นี่มีน้ำสมุนไพรไว้ต้อนรับลูกค้า โตแล้ว ใครจะไปคิดเอาคืนกับเด็กล่ะ” ศิตาพูดยิ้มๆ ยืนกอดอกมองดูสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เด็กที่ไหนคะ ตัวจะโตขนาดนี้ แต่ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณมากที่ไม่ไล่ออกจากที่นี่” ฌาร์มพูดเสียงอ่อยๆ “ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ” ศิตาบอก ฌาร์มยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ค่อยกล้ามองสบตาด้วยมากนัก “น้าซีนคะ ลูกค้ามารออยู่ข้างล่างค่ะ” เสียงของหญิงสาว ซึ่งเปิดประตูเข้ามาบอกกับศิตา “จ้ะ อ้อก้าวรับรองลูกค้าของน้าต่อทีสิ หาน้ำกับขนมมารับรองด้วย พาเดินชมและให้ข้อมูลเรื่องผ้าเก่าด้วยนะ คุณฌาร์มคะ ก้าวหน้าจะเป็นคนบอกรายละเอียดเกี่ยวกับผ้า เผื่อสนใจอยากได้ข้อมูล” “ขอบคุณค่ะ คุณซีน” ก้าวหน้ายิ้มให้กับฌาร์ม “ยินดีค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ศิตาบอกและพยักหน้าให้กับก้าวหน้า “รับทราบค่ะ น้าซีน” ก้าวหน้ายิ้มๆ “จริงๆ ไม่ต้องรบกวนขนาดนั้นก็ได้นะคะ แค่อยากมาเดินดูเฉยๆ” ฌาร์มบอกกับคนที่ชื่อ ก้าวหน้า ซึ่งศิตาให้อยู่ช่วยดูแล ไม่รู้ทำไมถึงต้องให้คอยดูแล หรือยังคิดว่า จะมาขโมยของอยู่นะ ฌาร์มคิด “เอาเป็นเดินดูไปเรื่อยๆ ถ้ามีคำถามก็ถาม ไม่มีก็เดินกันไปเงียบๆ เสร็จแล้วค่อยไปทานของว่างกับเครื่องดื่ม ตกลงตามนี้นะคะ” ก้าวหน้ายิ้มมองสบตากับคนที่ทำเพียงพยักหน้าและเริ่มเดินดูไปเรื่อยๆ ก้าวหน้าสนใจโทรศัพท์มือถือที่มีข้อความส่งเข้ามาและต้องส่งข้อความตอบกลับ จึงทำให้ ฌาร์มได้เดินดูแพรพรรณที่งดงามอย่างเงียบๆ สมดังตั้งใจ ฌาร์มรู้สึกช่วงเวลาที่มีอยู่เป็นของเธอคนเดียว จนทำให้ลืมไปเลยว่ามีคนเดินติดตามอยู่ห่างๆ แต่เหมือนจะสนใจโทรศัพท์เสียมากกว่า ก้าวหน้าใช้เครื่องมือสื่อสารไว้เพื่อสื่อสารกับคนอื่นๆ รวมถึงใช้งานออกแบบด้วย ก้าวหน้ายิ้มหลังจากวาดภาพลงในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งรุ่นใหม่ที่เธอมีสามารถลงสีวาดลวดลายได้ ศิตาซื้อให้เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์กับงานที่ทำและเชื่อว่าหลานสาวใช้อย่างคุ้มค่าแน่นอน ซึ่งด้วยความสนใจที่แต่ละคนมีทำให้สองสาวถึงกับลืมเวล่ำเวลาไปเลย “ค่ะ น้านุช” ฌาร์มรับโทรศัพท์และมองดูที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองถึงได้รู้ว่า ตัวเองใช้เวลาในการเดินอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ค่อนข้างนาน “ขอบคุณนะคะ” ฌาร์มหันมาบอกขอบคุณก้าวหน้าที่ยืนยิ้มและก้มศีรษะให้เล็กน้อย “ยินดีค่ะ ว่างก็เชิญอีกนะคะ แขกพิเศษของน้าซีน ก้าวยินดีเสมอค่ะ” ก้าวหน้าบอกและทำท่าลังเลเล็กน้อยว่าควรจะนำภาพที่ วาดไว้ให้เจ้าตัวดูดีหรือไม่ รอยยิ้มน้อยๆ ของผู้หญิงที่ชื่อ ฌาร์ม ทำให้ก้าวหน้าถึงกับต้องลงมือวาดเก็บเอาไว้ เพราะหากจะกดถ่ายรูปคงจะดูเป็นการเสียมารยาทจน เกินไป “ไม่ได้พิเศษสำหรับคุณซีนหรอกค่ะ แต่ว่าปกติต้องดูแลคนมาเยี่ยมชมอย่างนี้ด้วยหรือคะ” ฌาร์มถาม เพราะก่อนหน้าคิดว่าการดูแลที่ได้รับเป็นเรื่องปกติของคนที่เข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ “เปล่าค่ะ ใครมาก็เดินดูได้ตามสะดวก แต่ก็คงพิเศษสำหรับน้าซีนนะคะ ก้าวว่า” ก้าวหน้าพูดยิ้มๆ มองดูภาพวาดที่อยู่ในโทรศัพท์ “ขอได้ไหม ไหนๆ ก็วาดแล้ว” ฌาร์มเห็นเข้า จึงเอ่ยปากขอ “ไม่เป็นไรใช่ไหมที่แอบวาด” ก้าวหน้าถาม “ต้องขอบคุณมากกว่าค่ะ” ฌาร์มยิ้ม “งั้นก็ให้ได้ คุณฌาร์มยิ้มสวยนะคะ แม้จะยิ้มน้อยนิดกระจิดริดมากก็ตาม” ก้าวหน้าหัวเราะ ฌาร์มเองก็เช่นกัน สองสาวคุยกันได้ง่ายคงเป็นเพราะช่วงวัยที่ใกล้เคียง สองสาวแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ฌาร์มจึงได้รูปวาดของตัวเองที่เจ้าตัวยิ้มๆ เมื่อได้เห็น เพราะไม่คิดว่า ด้วยเวลาเพียงน้อยนิด ก้าวหน้าจะสามารถวาดรูปได้สวยขนาดนี้ และที่สำคัญใช้เพียงปากกาจากโทรศัพท์เท่านั้น “ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ฌาร์มคงต้องไปก่อนแล้วล่ะ น้าสาวรออยู่ชั้นล่างแล้วค่ะ” ฌาร์มบอก ก้าวหน้าจึงเดินนำหน้าเพื่อพาลงไปชั้นล่าง ซึ่งจะจัดเตรียมของว่างไว้ให้กับฌาร์มและน้าสาวก่อนจะกลับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม