หญิงสาวซึ่งเป็นเจ้าของบ้านกลับลงมาด้วยชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว ความเรียบง่ายของเสื้อผ้าและใบหน้าที่ไร้ร่องรอยของการแต่งแต้มสีสันใดๆ ทำเอาฌาร์มจ้องมองอย่างไม่วางตา ภาพของนักศึกษาสาวที่ได้เห็นกับศิตา ณ เวลานี้ดูไม่แตกต่างกันเอาเสียเลย ฌาร์มยังคงมองดูคนที่เดินถือขวดเบียร์มานั่งลงข้างๆ บนพื้นหญ้า ศิตายิ้มมองดูรอบๆ บ้านซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้มานั่งตากลมเย็นๆ เพราะกว่าจะเลิกงานกลับบ้าน ก็ดึกดื่นหรือมืดค่ำเสียจนเลยเวลามานั่งชมนกชมไม้ หัวเข่าเกยกันเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ศิตาหันไปมองคนที่แอบมองอยู่ตั้งแต่เห็นเธอออกมาจากบ้านแล้ว
“อยู่คนเดียวบ้านต้องหลังใหญ่ขนาดนี้เลย”
“รู้ด้วยว่าอยู่คนเดียว” ศิตาหันมามองสบตากับฌาร์มที่ยิ้มๆ
“ไม่เจอใคร ก็เลยเดาเอา” ฌาร์มบอก
“ฌาร์มล่ะ อยู่กับใคร” ศิตาถาม คำถามฟังดูเป็นการถามไถ่เป็นปกติ แต่ฌาร์มคิดเอาเองว่า อาจจะเป็นคำถามที่หยั่งเชิงดูว่า
ฌาร์มมีใครอยู่หรือเปล่า
“ฌาร์มไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง” ฌาร์มบอก ศิตามองดูอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ยังเด็กอยู่เดี๋ยวก็มี ร้านกาแฟขายดีขนาดนั้นน่ะ เปิดสาขาใหม่ได้แล้วล่ะ ซีนว่า” ศิตาบอก
“โตแล้ว แต่แค่ไม่มีบ้านเท่านั้นเอง” ฌาร์มบ่นงึมงำ
“คงโตแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าจูบซีนเนอะ” ศิตาพูดแหย่
“คุณซีนก็จูบด้วยนี่ หายกัน” ฌาร์มพูดเสียงอ่อยๆ ยิ้มอายๆ ยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ศิตาหัวเราะเล็กๆ กับคนที่น่าจะอยู่
ช่วงกึ่งกลางระหว่างวัย ซึ่งกำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวคงเป็นเพราะหน้าที่ความรับผิด ชอบ ถึงแม้ร้านกาแฟจะไม่ได้ใหญ่มากนัก
แต่พนักงานที่ต้องดูแลก็มีอยู่มากพอสมควร ร้านของฌาร์มสามารถเปิดสาขาได้อย่างสบาย หากเจ้าตัวคิดจะทำอย่างจริงจัง แต่ทั้งหมดคงต้องขึ้นอยู่กับตัวฌาร์มเอง ศิตาเพียงแค่คิดเพราะตัวเองอยู่ในแวดวงธุรกิจมานานพอสมควร จึงพอจะดูออกว่าหากจะเดินหน้าธุรกิจที่คิดว่าเล็กๆ ของฌาร์มคงก้าวไปได้อีกไกล
“ฌาร์มชอบผู้หญิงหรือ” ศิตาถาม
“ไม่เคยคบผู้ชาย” ฌาร์มบอก แต่ไม่ได้ถามคำถามนั้นกับศิตา
“ไม่คบจะรู้ได้ไงล่ะว่า ไม่ชอบผู้ชาย” ศิตาพูดขึ้น
“ถ้าชอบ ฌาร์มคงอยากคบนะ แต่ยังไม่เคยมีหนุ่มไหนทำให้รู้สึกคุณซีนล่ะ ทำไมถึงอยู่คนเดียว” ฌาร์มถาม
“คิดว่าความรักมีจริงไหม ซีนยังไม่เจอ เลยต้องอยู่คนเดียว”
“มันสำคัญมากหรือ ไอ้ความรักน่ะ” ฌาร์มถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน มันคงเป็นก้อนความคิดที่คิดว่า ถ้ามีความรักแล้วจะดีมั้ง” ศิตาหัวเราะเล็กๆ
“แล้วที่จูบตอบ เป็นก้อนความคิดหรือเปล่า หรือความรู้สึก” ฌาร์มถามโดยไม่ได้หันไปมองคนที่รีบหันมาทันที
“คงรวมๆ กัน ความรู้สึกอย่างเดียวนานไปคงลำบากนะ ว่าไหม”
“ความรัก เป็นเรื่องของความรู้สึก ก็ควรเริ่มด้วยความรู้สึกไม่ใช่หรือ” ฌาร์มถามและไม่แปลกใจที่ได้ยินสิ่งที่ศิตาบอก เพราะ
อายุอานามที่มากกว่า รวมถึงเป็นนักธุรกิจที่มีกิจการใหญ่โต หากจะใช้เหตุผลในการที่จะพาชีวิตให้ดำเนินไปข้างหน้าก็คงเป็นเรื่องปกติของคนเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าถามตัวเอง ฌาร์มคงเลือกที่จะปล่อยความรู้สึกให้ดำเนินไปตามหัวใจมากกว่า
“งั้นเราก็คิดต่างกัน” ศิตาบอก
“ไม่มีใครคิดเหมือนกันไปเสียทุกเรื่องหรอกค่ะ เอาเบียร์อีกไหม”
“ไม่ล่ะ แค่นี้พอแล้ว” ศิตาหันมายิ้มให้
“งั้น ฌาร์มขออนุญาตนะคะ” ฌาร์มบอกและเดินหายเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับมาพร้อมเบียร์เย็นเฉียบสองขวด
“ซีนไม่ได้มอมนะ เราน่ะจะมอมตัวเอง” ศิตาหัวเราะเล็กๆ แต่หยิบเบียร์อีกขวดที่ฌาร์มถือมาวางไว้ข้างตัวไปดื่มแทน
“ฌาร์มมั่นใจว่าปลอดภัย ดื่มเท่าไรก็ได้มั้ง” ฌาร์มหันมายิ้มแป้นให้ ฌาร์มมีความน่ารักสดใสตามวัย ซึ่งต่างจากครั้งแรกที่ได้พบ
กัน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงได้มีเสน่ห์ดึงดูดให้อยากอยู่ใกล้ แม้แค่สายตาที่ชำเลืองมาในบางครั้ง ศิตาขยับไปจูบเบาๆ เข้าที่แก้ม
บริเวณที่ชิดกับริมฝีปาก
“อาจจะไม่ปลอดภัยนะ” ศิตาอมยิ้ม
“นั่นสิ งั้นขวดนี้ก็พอแล้ว” ฌาร์มทำท่าเขินอาย เมื่อถูกจู่โจมแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่จะว่าไปตัวเองก็จู่โจมอย่างรวดเร็วเหมือนกัน หากคนหนึ่ง ใช้ความรู้สึก แล้วอีกคนล่ะใช้ความรู้สึกด้วยหรือไม่ ฌาร์มแอบคิด
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ดังมาจากภายใน ช่วยให้ฌาร์มหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น ถึงกับเป่าลมออกจากปาก ศิตาเอ่ยปากบอกขอตัวไปรับโทรศัพท์หันไปเห็นพูดคุยเดินไปเดินมาท่าทางดูจริงจัง แต่เมื่อหันมาได้ครู่หนึ่งศิตากลับออกมาพร้อมเบียร์อีกสองขวด ฌาร์มมองดูเบียร์ที่ถูกยื่นมาให้
“มีอะไรคะ ไหนว่าพอแล้วไง” ฌาร์มถามและสังเกตอากัปกิริยาของคนที่ยังยิ้มๆ ให้อยู่ แต่รอยยิ้มไม่เหมือนก่อนหน้าที่จะไปรับ
โทรศัพท์
“เรื่องงานนิดหน่อย” ศิตาบอก
“งั้นเอามือมา ฌาร์มจะจับไว้เผื่อจะสบายใจขึ้น” ศิตาหันมามองแล้วยิ้มก่อนจะยื่นมือไปให้ฌาร์มจับไว้ บางทีความเงียบก็สร้างความสุขให้ได้มากกว่าการสนทนา มือที่จับกระชับเอาไว้ได้สร้างความอบอุ่นให้ ศิตายิ้มมองดูมือของฌาร์มที่กระชับพอให้รู้สึกสบาย ศิตาไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างช้าๆ เพราะรู้ดีว่า ความสุขไม่เคยอยู่กับใครนานนัก จึงเลือกที่จะเห็นแก่ตัวตักตวงความสุขเอาไว้ เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับวันต่อๆ ไป เพราะบางทีผู้หญิงคนที่อยู่ด้วยแล้วทำให้มีความสุขอาจจะไม่อยากอยู่อย่างนี้กุมมืออย่างนี้อีกในวันข้างหน้า
เวลาเดินเร็วเสมอในความรู้สึกของคนที่กำลังมีความสุข ฌาร์มมองดูนาฬิกาที่ผนัง บทสนทนาของสองสาวเป็นเรื่องทั่วๆ ไป แต่
มือที่ฌาร์มจับไว้ยังคงอยู่ แม้จะย้ายเข้ามานั่งฟังเพลงจากแผ่นเสียงที่เปิดแผ่นแล้วแผ่นเล่า
“ไหนว่า คอแข็ง” ฌาร์มถามคนที่เอนศีรษะมาพิงที่ไหล่
“คอน่ะแข็ง แต่ใจไม่แข็งเท่าไร” ศิตาพูดงึมงำ
“ไปส่งขึ้นนอนไหมล่ะ เดี๋ยวจะตกบันไดลงมา” ฌาร์มถาม
“นอนเก้าอี้รับแขกก็ได้” ศิตาพูดเสียงอ่อยๆ
“เมาแล้วงอแงเหมือนกันนะ ผู้ใหญ่” ฌาร์มหัวเราะเล็กๆ
“อยากกลับ ก็กลับไปสิ” ศิตาดึงมือออกจากการกุมมือของฌาร์ม
“เป็นคนชวนมา แล้วก็มาไล่ กลับก็ได้” ฌาร์มบอกและกำลังลุกขึ้นแต่ถูกดึงแขนเอาไว้จนล้มลงนั่งทับที่ตักของศิตา ซึ่งกอดเอา
ไว้ทันที
“ซีนกลัวนะว่า ความสุขจะหายไปในพริบตา” ศิตาบอกจ้องมองคนที่หันมามองสบตาด้วย โดยไม่ได้ลุกหนี
“ไม่มีอะไรถาวร คุณซีนรู้ดี ฌาร์มทำได้แค่ดูแลในแต่ละวันของชีวิตให้ผ่านไปได้ด้วยดี และมีความสุขกับช่วงเวลานั้น” สิ่งที่ฌาร์
มบอกออกมาควรเป็นศิตาที่อายุอานามมากกว่าเป็นคนพูด
“จูบซีนสิ แล้วบอกหน่อยว่ามีความสุขหรือเปล่า” ศิตาพูดและจ้องมองเรียวปากของฌาร์ม อยากสะกดจิตให้ขยับเข้าใกล้โดย
เร็ว
“ไม่เร็วไปหรอกหรือ” ฌาร์มถาม
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่เป็นเหมือนตอนนี้ จะยังคิดว่าเร็วไปอีกไหม” ศิตาถาม ฌาร์มถอนใจ ไม่ได้ลังเลหรือถ่วงเวลา แต่บางทีก็ต้องหยุด
ถามหัวใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่า รวดเร็วเกินไปไหมหากจะทำตามคำขอของศิตา
“พูดเหมือนหลังจากนี้จะมีอะไรเปลี่ยนไปอย่างนั้นแหละ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฌาร์มอาจจะเปลี่ยน ถ้าซีนไม่ได้ดีอย่างที่คิด”
“เคยบอกเหรอว่าชอบคนดี” ฌาร์มกระซิบถามและกอดปลอบโยนคนที่ออกอาการงอแงอยู่
“ชอบ หรือ” ศิตาถาม
“อือ ไม่งั้นจะให้ถูกเนื้อต้องตัวหรือล่ะ” ฌาร์มบอก ศิตาจึงกระชับอ้อมกอดที่กอดฌาร์มเอาไว้ให้แน่นขึ้นอีก
“คุณซีนล่ะ” ฌาร์มถาม
“อือ นอนตรงนี้แล้วกอดซีนไว้ได้ไหม” ศิตาพูดอ้อน
“ไปอาบน้ำก่อน” ฌาร์มบอกศิตาที่ยิ้มและขยับตัวเพื่อรีบไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย แต่ก่อนจะเดินไปหันมายื่นมือและขยับมือเล็กน้อย
“ร้ายกาจเสียจริง ไม่ได้เมาใช่ไหมเนี่ย” ฌาร์มถาม ศิตายิ้มสวยๆ ให้เมื่อฌาร์มยอมเอามือมาวางที่มือของตัวเองก่อนจะพากันไปอาบน้ำ
ฌาร์มรู้ดีกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หลังจากเดินตามศิตาเข้ามายังห้องน้ำ โดยเจ้าของบ้านปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเอง และ
เดินนำเข้าไปปล่อยให้หยดน้ำไหลพร่างพรมบนเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ฌาร์มไม่กล้ามองยืนลังเลนิดหน่อยก่อนจะเปลื้องอาภรณ์ แต่
รู้สึกวาบหวิวเมื่อคนที่หันหลังให้อยู่เมื่อครู่หันมายิ้ม และจ้องมองเรือนร่างของฌาร์มยามไม่มีอาภรณ์สักชิ้นติดกาย แต่คนที่ยื่นมือมาให้พร้อมกับแววตาวาววับได้ดึงดูดให้ขยับเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล จูบที่กำลังทาบทับทำให้ฌาร์มเริ่มเบียดตัวเข้าหามากขึ้น
“ให้ได้มากแค่ไหน” ศิตาถาม แล้วยิ้มก่อนจะกลับไปจูบคลอเคลียโดยไม่รอคำตอบ
“ผู้ใหญ่เขาถามกันแบบนี้เลยหรือ”
“ถ้าไม่ตอบซีนซนนะจะบอกให้” ศิตากระซิบบอกและจูบเล็กๆ ไปที่หูของฌาร์มซึ่งรู้สึกร้อนวาบจนต้องกอดกระชับศิตาให้แน่นขึ้นอีก
“เหรอ ยืนเฉยๆ นะ จะช่วยฟอกสบู่ให้” ฌาร์มบอก ศิตายิ้มๆ เมื่อเห็นฌาร์มเอื้อมไปกดสบู่เหลวและเริ่มลูบไล้ไปที่บริเวณลำคอ
“ขออะไรอย่างสิ ถ้าจะลูบไล้ขนาดนี้ ขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้จูบด้วยสิ นะ ขยับมาอีกหน่อย” ศิตาพูดโดยไม่ได้ดึงตัวฌาร์มเข้ามา
แต่รอให้เจ้าตัวขยับเข้ามาอย่างเต็มใจ แต่เมื่อจุมพิตร้อนแรงถาโถมเข้าหา ฌาร์มไม่สามารถแม้แต่ควบคุมมือไม้ตัวเองที่ไม่ได้ลูบไล้อย่างเชื่องช้า แต่กลับขยำและบีบรัดในบางสัดส่วนที่แสนจะนุ่มนวลในความรู้สึก และเชื่อว่า เป็นชนวนที่ทำให้ คนที่ชวนมาอาบน้ำร้อนแรงขึ้น ศิตานำสบู่ที่ติดตามเรือนร่างของตัวเองมาลูบไล้บนเรือนร่างของฌาร์ม ซึ่งไม่ได้ถอยหนีแต่ขยับตัวเข้าแนบชิดขึ้นเรื่อยๆ จะว่าไปส่วนที่ทรงเสน่ห์ที่สุด ซึ่งทั้งสองคนรู้สึกเหมือนกัน น่าจะเป็นแววตาจากการได้ใกล้ชิด เพราะงดงามที่สุดตั้งแต่ได้พบเจอกันมา ถึงแม้จะไม่นานนักก็ตาม
ฌาร์มกลับเข้าบ้านเลยล่วงเวลาของวันใหม่ บิดาออกจากห้องนอนมาดูลูกสาวหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน ชัชวาลแปลกใจถึงแม้จะออกเที่ยวยามราตรีบ้าง แต่ไม่เคยจะกลับบ้านช้าขนาดนี้ หรือเป็นเพราะตัวเขาไม่ค่อยได้อยู่บ้านมากนักเลยไม่รู้ว่า ลูกสาวมีวิถีชีวิตเปลี่ยนไป
“ตีสามแล้วนะ” ชัชวาลพูดขึ้น ขณะที่ลูกสาวเดินก้มหน้ากำลังจะผ่านบริเวณที่บิดายืนอยู่
“ค่ะ” ฌาร์มบอกเพียงแค่นั้น ชัชวาลถอนใจ แต่ถือว่าลูกสาวโตเป็นผู้ใหญ่จึงไม่อยากซักถามอะไรนัก
“หรือจะมีแฟน” ชัชวาลคิด แต่แอบถอนใจและคิดถึงภรรยาขึ้นมาซึ่งอันที่จริงแล้วเขาคิดถึงภรรยาที่จากไปอยู่ตลอด เพียงแค่
ไม่ได้พูดถึงเพราะรู้ดีว่ามันจะเจ็บแปลบในหัวใจเสมอมา
ศิตาตื่นขึ้นมาโดยไร้เงาของคนที่ตระกองกอดเอาไว้ก่อนจะหลับไป จึงรีบหยิบโทรศัพท์มาดู ฌาร์มส่งข้อความมาแจ้งว่ากลับถึง
บ้านแล้ว ศิตามองดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือเป็นเวลาตีสี่กว่าๆ อาการง่วงหงาวหาวนอนหายไป เมื่อได้นึกถึงสาวสวยที่ยังทิ้งกลิ่นหอมกรุ่นไว้กับหมอนและผ้าห่ม เมื่อเปิดผ้าห่มดูยังเห็นเรือนร่างของตัวเองไร้ซึ่งอาภรณ์อดที่จะยิ้มไม่ได้ เพราะไม่เคยที่จะแสดงท่าทางอ่อนแอให้ใครได้เห็น แต่สาวช่างสังเกตอย่างฌาร์มสัมผัสได้แค่เพียงเสี้ยววินาที เบอร์โทรศัพท์ที่โทรฯ หาเมื่อช่วงเย็นยังคงอยู่ให้เห็น ศิตาถอนใจ แต่ขอเลือกที่จะตักตวงความสุขจากการได้นึกถึงสาวช่างออดอ้อนที่ได้คลอเคลียกันอยู่ค่อนคืน จนทำเอาหมดแรงนอนหลับไป โดยไม่รู้เลยว่าฌาร์มกลับไปตอนไหน ศิตายิ้มเอามือปิดหน้าปิดตาของตัวเอง
“เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้ ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ” ศิตาคิดอยู่ในใจ