ศิตากลับไปนอนที่บ้านหลายวัน รวมถึงต้องไปคุยงานต่างจังหวัดแต่เมื่อกลับมาเห็นฌาร์มนอนหลับตาพริ้มทำให้ยิ้มได้ เพราะเจ้าตัวไม่ได้กดล็อกห้อง หากคิดเข้าข้างตัวเองอาจจะเพราะรอการกลับมา ศิตาค่อยๆ ย่องเข้าไปหอมแก้มก่อนจะไปอาบน้ำ สัมผัสแผ่วเบาคงไม่ทำให้เจ้าตัวรู้สึก แต่หัวใจของศิตาเบ่งบาน แม้จะรู้ดีว่าเป็นเพียงความสุขที่ฉาบฉวยก็ตาม
ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและหัวใจทำให้ศิตาหลับไปในห้วงเวลาไม่นานนัก แต่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น จากหลายวันที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการงานรวมถึงหัวใจที่พะวงคิดถึงแต่คนที่นอนอยู่ข้างๆ ตัวเธอเองไม่ใช่หรือที่ทำให้คนที่ตัวเองตกหลุมรักเป็นบุคคลต้องห้ามไปโดยปริยาย ศิตาตกอยู่ในห้วงคำนึงของความคิดทั้งๆ ที่ยังหลับอยู่ แต่จุมพิตที่โหยหาได้เริ่มคลอเคลียออดอ้อน ศิตาไม่กล้าลืมตาขึ้นแต่หัวใจก็อ่อนไหวเกินกว่าจะต้านทานความอ่อนหวานของฌาร์ม ซึ่งกำลังเคลื่อนมือเข้าไปภายใต้เสื้อนอนและเริ่มคลึงเคล้าจนทำให้ร่างกายของศิตาสั่นสะท้าน ฌาร์มนำมือของศิตาสัมผัสไปที่เนินอกของตัวเอง ร่างกายเปลือยเปล่าคล่อมอยู่บนตัวศิตารู้สึกได้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาจ้องมองด้วยอยากซึมซับสัมผัสนั้นด้วยความรู้สึก ไม่ใช่จากการมองเห็น เสียงครวญครางที่ได้ยินแว่วๆ ทำให้ศิตาจูบอย่างร้อนแรงและเริ่มบีบไปที่ปทุมถันของฌาร์ม หัวใจที่โหยหาความใกล้ชิดมานานทำให้ลืมสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลไปจนหมดสิ้น สิ่งที่เคยได้ยินพี่สาวพูดให้ฟังว่า ตัวเธอนั้นอาจไม่พบเจอความรักอีกเลย หากปล่อยความรักครั้งนี้ให้จางหายไป โดยไม่คิดยื้อแย่งต่อสู้หรือปล่อยวางบางสิ่ง เพื่อจะเหนี่ยวรั้งความรักครั้งนี้เอาไว้ ศิตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อจุมพิตได้ทาบทับไปบนเรือนร่าง ซึ่งทำให้ไม่สามารถที่จะขยับตัวได้อีกหรือเป็นเพราะกลัวว่า หากขยับตัวจะทำให้จุมพิตที่ทาบทับอยู่จางหายไป สิ่งที่กักเก็บไว้แม้จะโดนยั่วเย้าบ้างในบางครั้ง แต่ความเหินห่างที่เกิดขึ้น ได้ทำให้ศิตาลืมเหตุผลทุกอย่างที่เคยก่อร่างสร้างเอา ไว้อย่างแข็งแกร่ง และถูกปลดปล่อยเมื่อถูกฌาร์มสัมผัสไปแทบทุกอณูบนเรือนร่างที่ถึงแม้อาภรณ์ยังติดกาย แต่สัมผัสเหล่านั้นทำให้ร่างกายร้อนรุ่มได้เช่นกัน
เมื่อจุมพิตที่ทาบทับอย่างหนักหน่วงและคำว่ารักที่ฌาร์มกระซิบได้ค่อยๆ แทรกผ่านเข้าไปสำรวจในเรือนกาย ซึ่งกำลังถาโถมความรุ่มร้อนและหยอกเย้ายั่วยวนอย่างอ่อนหวานจนทำให้ร่างกายศิตาเกือบจะแหลกสลาย ความรักของฌาร์มได้นำพาความสุขมาให้กับศิตา ซึ่งฝากเอาไว้ด้วยจุมพิตอันแสนหวานทำให้ร่างกายในทุกอณูเสียวซ่านสั่นสะท้านทั่วสรรพางค์กายี
ความสุขที่อบอวลอยู่เมื่อครู่จางหายไป เมื่อศิตาลืมตาเพราะเรือนร่างรุ่มร้อนมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น แต่เมื่อสำรวจดูเสื้อผ้าอาภรณ์ยังคงเป็นปกติเหมือนเมื่อก่อนเข้านอน โดยเฉพาะคนที่นอนเงียบอยู่ข้างๆ ยังคงเป็นท่าเดียวกับตอนกลับมาถึงแล้วหอมแก้มก่อนจะไปอาบน้ำ ศิตาถอนใจเมื่อรู้ว่า ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
“ฝันไปได้” ศิตาบ่นพึมพำเอามือปิดหน้าตา มองดูคนที่ยังคงนอน
หลับอยู่ข้างๆ ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร ศิตาขยับตัวเข้าใกล้ ถึงแม้จะเป็นคนต้องห้ามหากเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ และได้รับไออุ่นที่ออกมาจากเรือนกายของ ฌาร์มเพียงเท่านั้นก็ยังดี
ฌาร์มตื่นขึ้น แต่เมื่อเห็นศิตานอนอยู่ใกล้ๆ จึงยังไม่ลุกแต่เลือกที่จะนอนนิ่งๆ เพราะท่าทางดูเหนื่อยล้าจากใบหน้าซีดเซียวที่ได้เห็นทำให้เกรงว่าจะไปปลุกให้คนที่นอนหลับสบายอยู่ตื่นขึ้น ฌาร์มเอนศีรษะไปจูบเบาๆ ที่เส้นผม จุมพิตเล็กๆ นั้นทำให้ฌาร์มยิ้มและรู้สึกสดชื่นขึ้น
“พ่อคะ คนของพ่อสอบผ่าน ฌาร์มยินดีด้วยค่ะ” ฌาร์มตัดสินใจบอกกับบิดา เพื่อว่าการที่ต้องใช้เวลาด้วยกันจะได้จบลง ซึ่ง
จริงๆ แล้วตัวเองทนไม่ไหวมากกว่าที่จะเห็นศิตาเดินไปเดินมา และบางครั้งมีอาภรณ์น้อยชิ้นเพราะไม่อย่างนั้นคงได้ทำอะไรเกินเลยไป ยิ่งชอบแกล้งยั่วเพื่อข่มความรู้สึกอยากใกล้ชิดเอาไว้ แต่นานวันเข้าอาจทำให้ระเบิดออกมาได้ในสักวัน
“สอบผ่านหรือรำคาญเขากันแน่” บิดาหัวเราะเล็กๆ แล้วยิ้มให้กับลูกสาว
“ผ่านจริงค่ะ ฌาร์มจะไปทะเลสองสามวันนะคะ”
“บอกคุณซีนหรือยัง” บิดาถามฌาร์มที่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“แฟนใหม่พ่อ ไม่ใช่แม่ฌาร์มนะคะ” ฌาร์มอยากจะตบปากตัวเองที่พูดจาไม่ดีไปกับบิดาอย่างนั้น ถ้าน้านุชรู้เข้ามีหวังโดน
เอ็ดตะโรไปอีกเป็นเดือนแน่
“แล้วมันจะผ่านได้ไง ฌาร์ม ในเมื่อความเคารพดูเหมือนจะไม่มี” ศิตากำลังจะลงจากชั้นบนได้ยินการสนทนาระหว่างบิดากับลูกสาวเข้าพอดี
ก้าวหน้ารายงานรายละเอียดต่างๆ ให้กับศิตาทราบเพราะคนที่เป็นทั้งน้าและเจ้านายไปต่างจังหวัดเสียหลายวัน เจ้าตัวอึกอักเล็กน้อยที่จะขอหยุดงานวันศุกร์ จนศิตาเงยหน้ามายิ้มน้อยๆ ให้ เพราะรู้สึกว่าหลานสาวเหมือนอยากจะบอกอะไรแต่ไม่กล้าพูด
“ว่ามามีอะไร” ศิตาแสร้งทำเสียงเข้ม
“จะขออนุญาตลางานวันศุกร์ค่ะ จะไปเที่ยวทะเล” ก้าวหน้าพูดเสียงอ่อยๆ ที่เอ่ยปากขออนุญาตศิตาไปเที่ยว
“ไปเถอะ ดูงานแทนน้ามาหลายวันเหนื่อยแย่ ขอบใจนะ” ศิตายิ้ม
“ไปด้วยกันไหมคะ ฌาร์มไปด้วย” ศิตาเงยหน้ามามองเล็กน้อยทั้งที่ก่อนหน้าจดจ่ออยู่กับเอกสาร
“อย่าเลยจะหมดสนุกเอานะ ไปเถอะ”
“น้าซีนเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกเรื่องเลย สู้กับทุกเรื่องเท่าที่ก้าวจำได้ทำไมถึงได้ยกเว้นเรื่องสำคัญไปได้ล่ะคะ ถ้าโลกมันจะ
แตกเพราะเราต้องทำตามสิ่งที่คนอื่นต้องการล่ะก็ ปล่อยให้มันแตกไปเลยค่ะน้าซีนนะ ชักช้าล่ะก็รับรองได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่” ก้าว
หน้าพูดเป็นนัย หลังจากได้ยินเรื่องของ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อวิมาดาจากปากของพันธุดา ซึ่งเอ่ยชมเลยว่าสวยสง่าเป็นนางพญาหงส์ที
เดียว
“เราน่ะ ยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ น้ายังไม่ได้จัดการเลยที่โดนแม่เราเรียกไปบ่นน่ะ” ศิตาพูดคล้ายดุ แต่เอ็นดูก้าวหน้า
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพราะความห่วงใยที่มีให้
“น้าจัดการในส่วนของน้าแล้ว ถ้าใช่ความรักจะยังคงอยู่ ถ้าไม่ใช่ต่อให้ทำอย่างไรก็ไม่ใช่ เข้าใจน้าใช่ไหม” ศิตาถาม
“จัดการ ยังไงคะ” ก้าวหน้าถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทำให้คนเป็นหลานต้องถอยร่นออกมา หรืออาจจะต้องลองไปหาคำ
ตอบดูปฏิกิริยาจากฌาร์มตอนไปเที่ยวทะเล
น้านุชถอนใจ เมื่อเห็นชัชวาลแต่องค์ทรงเครื่องเพื่อไปรับประทานมื้อค่ำกับศิตา วิมาดามองดูด้วยความแปลกใจ เพราะท่าทางน้านุชดูเป็นกังวลหรือมีอะไรที่วิมาดายังไม่รู้
“มีอะไรกังวลใจ อยากให้วิช่วยไหมคะ คุณนุช” วิมาดาถาม
“ไม่ใช่เรื่องของนุชหรอกค่ะ” น้านุชบอกกับวิมาดา
“เป็นห่วงคนอื่น คุณชัช หรือคะ” วิมาดายังคงเรียบเคียงถามมองดูหนุ่มใหญ่ในชุดหรู วิมาดาไม่รู้ว่าเตรียมตัวไปงานไหน เพราะ
หากเกี่ยวกับเรื่องงานคงมีการแจ้งให้ทราบ แต่เท่าที่ดูน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว
“คิดไปเรื่อยเปื่อยค่ะ ท่าทางคุณชัชจะมีข่าวดี หลังการเลือกตั้งนะ” น้านุชพูดเปรยๆ วิมาดามองดูใบหน้าเรียบนิ่งไม่ได้มีทีท่าว่า
จะมีเรื่องดีอะไรหรือมีเรื่องอะไรที่วิมาดายังไม่รู้ แต่พอจะทราบเรื่องของหัวหน้าพรรคที่ชื่อชัชวาลเกี่ยวกับสาวๆ ที่รายล้อม ท่านดูสุขุม สุภาพอ่อนโยน ซึ่งไม่น่าแปลกอะไรที่จะมีสาวๆ มากมายเข้าหา เรื่องของสาวสวยที่เคียงข้างออกงานอยู่หลายครั้ง วิมาดาพอจะทราบอยู่บ้างเคยเห็นเข้ามาที่นี่ แต่แค่เพียงผ่านๆ ยังไม่ได้รับการแนะนำให้รู้จักกัน หากผู้หญิงคนนั้นได้รับเลือกให้เป็นภรรยา ก็ไม่น่าจะแปลกใจอะไร แต่ทำไมถึงทำให้น้านุชของฌาร์มดูเป็นกังวล
“เอะ หรือฌาร์มไม่รู้เรื่องคุณศิตา” วิมาดาถามน้านุช
“ทราบค่ะ คุณชัชพาไปแนะนำทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว”
“จะว่าไปถ้าใช่อย่างที่คุณนุชคิด สองคนนั้นก็เหมาะสมกันดีนะคะ” วิมาดายิ้มมองดูหนุ่มใหญ่หน้าตาดีที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง
“เหมาะเท่าที่เราเห็นนั่นแหละค่ะ” น้านุชพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับบ้าน วิมาดามองดูด้วยความแปลกใจ เพราะรู้มาว่า
คุณนุชเป็นเพื่อนของอดีตภรรยาของชัชวาล หรือผู้หญิงคนนั้นคุณสมบัติไม่เหมาะสมทำให้คนเป็นเสมือนญาติถึงมีท่าทางกังวลให้เห็น
ศิตารับคำเชิญรับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมหรู ซึ่งห้องเหมือนจะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับสองคน ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม ซึ่งอายุอานามมากกว่าศิตาอยู่พอสมควร หากดูจากภายนอกไม่สามารถดูออกเลยว่าศิตาอ่อนกว่าชัชวาลมากอยู่เหมือนกัน เสียงเพลงจากนักไวโอลินคลอเคล้าทำให้บรรยากาศดีพร้อมกับไวน์ชั้นเลิศ สิ่งที่เกิดอยู่คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นซึ่งทำให้ศิตารู้สึกตื่นเต้น หลังจากรับประทานอาหารที่ใครๆ คิดว่าแสนอร่อย เพราะอยู่ในเมนูอาหารที่ถือว่าเลิศหรูสำหรับโรงแรมยักษ์ใหญ่ที่อยู่กลางใจเมือง ช่อดอกไม้ได้ถูกนำมาให้กับชัชวาลที่รับมาถือไว้พร้อมด้วยรอยยิ้ม เมื่อมอบดอกไม้ให้ศิตากล่องแหวนได้ถูกนำออกมาให้เห็น รอยยิ้มของศิตาจางลงและขยับเข้าสวมกอดชัชวาลเอาไว้แน่น
เสียงหัวร่อดังขึ้นอยู่ตั้งแต่สี่สาวเริ่มออกเดินทาง จนมาถึงที่พักซึ่งเป็นคอนโดมีเนียมหรูริมทะเล ฌาร์มลงจากรถและสูดลมหายเข้าใจเข้าลึกๆ เพื่อซึมซับกลิ่นอายทะเลและทุกคนดูเหมือนจะทำคล้ายกัน เพราะห้วงเวลาแห่งความสุขกำลังจะเริ่มต้นขึ้น นั่น คือ เป้าหมายใหญ่ของการออกเดินทางท่องเที่ยวของทุกคน ห้องพักของวิมาดาใหญ่โตโอ่อ่า โดยเจ้าตัวบอกว่าเป็นของครอบครัว ห้องนอนใหญ่ถูกยกให้เจ้าของสถานที่ แต่วิมาดาอยากยกให้คนที่มาเป็นแขกมากกว่า เพราะแอบคิดว่า สามสาวอาจจะอยากพักห้องเดียวกัน
“พี่ฌาร์มพักห้องใหญ่กับพี่วินั่นแหละ ห้องใหญ่นอนสามคนก็จะแน่นไปค่ะ นะ พี่ฌาร์มนะ” ก้าวหน้ายิ้มกับคนที่คงคิดวางแผนอะไรเอาไว้
“ไม่เอาล่ะ เกรงใจพี่วิ นอนข้างนอกก็ได้เก้าอี้รับแขกใหญ่เบ้อเริ่ม” ฌาร์มยิ้มให้วิมาดา
“พี่เป็นเจ้าบ้านจะปล่อยให้ฌาร์มมานอนโซฟาได้ยังไง นอนในห้องนั่นแหละ แฟนไม่ว่าใช่ไหมล่ะ” วิมาดาพูดขึ้นทำเอาก้าวหน้า
กับพันธุดาหันมายิ้มให้กัน
“อ้าว พี่ฌาร์มมีแฟนด้วยหรือ ไปแอบมีตอนไหนทำไม่พี่ก้าวกับแพท ไม่เห็นจะรู้เลย เพิ่งอกหักมาค่ะ รายนี้น่ะ พี่วิ” พันธุดาพูด
ขึ้น ฌาร์มทำท่าเงื้อมือจะเขกที่ศีรษะ แต่พันธุดาหลบทัน
“ใครกันนะที่ปล่อยโอกาสดีๆ ของชีวิตไป” วิมาดายิ้ม เมื่อเห็นคนที่ไปแอบอยู่ข้างหลังก้าวหน้ากำลังค่อยๆ ยกมือขึ้น
“หนูเอง แต่นานแล้ว แต่นี่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ เลยค่ะ เลยพามาเที่ยว” พันธุดาพูดจบก็กลับไปแอบอยู่ข้างหลังของก้าวหน้า
เหมือนเดิม เพราะสายตาของฌาร์มที่จ้องมองเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“ชอบผู้หญิงสินะ เรา” วิมาดาบอกและหยิบกระเป๋าเดินเข้าห้องไปก่อน ก้าวหน้ากับพันธุดาซึ่งโผล่หน้าออกมาเล็กน้อยพยัก
พเยิดให้ตามเข้าไปพักห้องเดียวกับเจ้าบ้าน
“ปิดจ๊อบแน่ น้าซีน” ก้าวหน้าถอนใจรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกน้าสาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นฌาร์มหยิบกระเป๋าเดินตามวิมาดาเข้าไปในห้อง
“คุณซีนมีโอกาส แต่ไม่คว้า เหมือนแพทที่ปล่อยโอกาสดีๆ ไป แพทจะแก้ไขสิ่งที่ทำผิดกับพี่ฌาร์มเอาไว้ ใครสักคนที่สามารถมาทำให้พี่ฌาร์มมีรอยยิ้มและความสุข แพทสนับสนุนเต็มที่ พี่ก้าวคงไม่ว่าอะไรนะ” พันธุดาไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรศิตา แต่ไม่ชอบที่ไม่คิดจะหาทางเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตกับฌาร์ม หากดูจากภายนอกก็คงเดาได้ไม่ยากนักว่า สังคมที่แวดล้อมอยู่ คือ สิ่งที่นักธุรกิจอย่างศิตาเลือก เงินทอง เกียรติยศ หน้าตาในวงสังคมเพื่อไปต่อยอดธุรกิจที่ทำอยู่ แต่น้าสาวของก้าวหน้าไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกตามความต้องการของตัวเอง คนที่ไม่ถูกเลือกก็แค่ถอยออกมาเพื่อเดินไปในเส้นทางของตัวเอง
“น่าจะไปได้สวย ดีนะแค่ชอบยังไม่ได้รัก” ก้าวหน้าถอนใจที่ถอนตัวออกมาทัน เพราะเคยหลงเสน่ห์ในความเรียบง่ายของฌาร์
มอยู่พักหนึ่ง
“ชอบผู้หญิงอะดิ” พันธุดาถามยิ้มๆ
“ไม่รู้ ถ้าผู้ชายเข้ามาแล้วทำให้รู้สึกดีได้ เพศไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ”
“ไบ” พันธุดาหัวเราะลั่น
“งั้นมั้ง ไปล้างหน้าล้างตาจะได้ไปหาอาหารทะเลกินกัน”
“แพทมีทูพีชมาอวดด้วยล่ะ” พันธุดายักคิ้วหลิ่วตาล้อ
“ถามคนอื่นด้วยนะ ว่าอยากดูหรือเปล่า” ก้าวหน้าหัวเราะ
“แหมอย่ามาจ้องเขาก็แล้วกัน เออพี่ก้าวน่ะ เคยเห็นพี่ฌาร์มใส่เจ้าตัวจิ๋วสองชิ้นหรือเปล่า ถ้าเห็นอาจจะเปลี่ยนใจเข้าแข่งขันกับพี่วิ ก็ได้นะ”
“ถามจริง”
“เฮือก เห็นครั้งแรกถึงกับต้องกลืนน้ำลายเลยล่ะ” พันธุดาหัวเราะ แต่ก้าวหน้ายิ้มๆ เพราะคิดว่าเป็นการพูดแหย่เล่นเสียมากกว่า
ก้าวหน้ายิ้มมองดูสองสาวที่ลงไปว่ายน้ำ ตอนแรกตั้งใจว่าจะลงไปร่วมด้วย แต่หลังจากได้มาเห็นเข้าเลยคิดว่าดื่มอะไรเย็นๆ มองดูจากระเบียงห้องพักน่าจะดีกว่า
“เสียดายแทน” ก้าวหน้ารำพึงออกมาเบาๆ
“บอกแล้วว่า สวย” พันธุดายักคิ้วล้อขณะนำเบียร์มาให้ก้าวหน้าที่ยังคงมองดูวิมาดาว่ายน้ำอยู่กับฌาร์ม
“สาวๆ ยังตะลึงเลยเหอะ” ก้าวหน้าหัวเราะ แต่เมื่อภาพของสองสาวที่ขยับเข้าใกล้คลอเคลียกันทำให้ถึงกับต้องเรียกให้พันธุดา
มาดู
“จูบเลย จูบเลย” พันธุดาหัวเราะ
วิมาดายิ้มมองดวงตาที่ทะเล้นระคนเขินอาย เมื่อขยับเข้าใกล้ชิดและจับมือของฌาร์มเอาไว้ ใบหน้าที่อยู่ใกล้ชิดทำให้เห็นเสน่ห์
ดวงตาที่ก่อนหน้าเห็นแววใสซื่อ แต่เวลานี้ยามเขินอายแก้มแดงระเรื่อทำให้วิมาดาอยากเข้าใกล้มากขึ้นกว่าเดิม แม้จะรู้ว่าอาจจะเร็วไปสำหรับคนที่อ่อนวัยกว่าอย่าง ฌาร์มแถมยังเพิ่งอกหักมาหมาดๆ ด้วย
“ต้องขอบคุณคนที่ยอมปล่อยมือจากฌาร์มนะ” วิมาดาพูดขึ้นก่อนจะทาบทับริมฝีปากไปยังคนที่ยืนนิ่งไม่ได้ถอยหนี ก่อนจะ
ขยับริมฝีปากตอบรับเล็กๆ ได้น่าเอ็นดูในความรู้สึกของวิมาดาที่ยิ้มน้อยๆ ให้
“อาจจะไม่ได้จับกันตั้งแต่แรกหรือเปล่า ฌาร์มไม่แน่ใจค่ะ”
“พี่จับอยู่แล้ว เหลือเรานั่นแหละ ปล่อยเขาออกมาจากข้างในไหวหรือเปล่า” วิมาดาบอกและกระชับมือที่จับฌาร์มเอาไว้ให้
แน่นขึ้นอีก
“ไม่กลัวเงาเขาจะอยู่กับฌาร์มตลอดไปหรือคะ” ฌาร์มถาม
“ไม่มีใครอยู่กับใครได้ตลอดไปหรอก นานไปไอ้เจ้าความรักก็จางไปเอง พี่เชื่ออย่างนั้นนะ ขอบคุณที่ไม่ปิดกั้น” วิมาดาบอก แต่
เมื่อเหลือบไปเห็นคนกำลังถ่ายรูปรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจอะไรขยับเข้าไปจูบ อีกครั้งอย่างอ่อนหวานและดูดดื่ม โดยสาว
น้อยไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“หายห่วง” พันธุดาบอกแล้วกลับมานั่งที่เก้าอี้บริเวณระเบียงห้องพักมองดูก้าวหน้านั่งคิ้วขมวดเข้าหากัน
“เรื่องง่ายๆ ทำไมน้าซีนถึงทำให้ยากก็ไม่รู้นะ” ก้าวหน้าบอก
“เขาอาจจะไม่ใช่คู่กันก็ได้ พี่ก้าว”
“แต่น้าซีนรักฌาร์มนะ”
“รู้ได้ไง” พันธุดาถาม
“แม่พี่เรียบเคียงถามดู แล้วกล่อมให้เปลี่ยนใจด้วย แต่เหมือนจะไม่ได้ผล” ก้าวหน้าบอก
“คุณซีนเลือกสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วล่ะ พี่ฌาร์มก็ไปได้สวยอย่าไปกังวลเรื่องของเขาเลย” พันธุดาบอกและส่งโทรศัพท์ให้
ก้าวหน้าดู
“ชัดเลย” ก้าวหน้ามองดูรูปถ่ายระหว่างชัชวาลกับศิตาที่สวมกอดกัน โดยหนุ่มใหญ่ถือกล่องใส่แหวนเอาไว้
“พี่ก้าวเป็นญาติกับพี่ฌาร์มเลยทีนี้” พันธุดายิ้มๆ
“เรื่องมันจะจบง่ายอย่างนั้น จริงๆ หรือ” ก้าวหน้าแอบคิดมองดูรอยยิ้มของชัชวาลที่ดูท่าทางมีความสุข โดยลูกสาวก็มีรอยยิ้ม
สวยๆ กับคนที่ตัวเองกำลังเริ่มต้นค้นหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่
“ดีนะ ที่พี่ฌาร์มมีพี่วิเข้ามาพอดี” พันธุดาพูดขึ้น