เช้านี้ชัชวาลตื่นเช้ามาดื่มกาแฟ เพราะว่ามีนัดหมายเรื่องงานตั้งแต่เช้าตรู่ จึงเอ่ยชวนลูกสาวนั่งพูดคุยถามทุกข์สุขกัน
“เอาชาร้อนไปทานในรถไหมคะ” ฌาร์มถาม เพราะยังเช้าเกินไปสำหรับตัวเองที่จะทานอาหารเช้า ซึ่งได้ถูกจัดวางให้บิดาเรียบร้อยแล้ว ปกติแม่บ้านจะมาสาย แต่บิดาคงแจ้งเอาไว้ให้มาเช้ากว่าทุกวัน สองพ่อลูกจ้างแม่บ้านดูแลบ้านแบบไปกลับ ซึ่งเป็นคนเดิมที่ช่วยดูแลมารดาตอนป่วยและทั้งสองคนเห็นพ้องกันเรื่องอยากช่วยเหลือให้คนที่เคยดูแลมารดาไม่ลำบากจึงจ้างต่อโดยให้เงินเดือนเท่าเดิม แต่งานที่ทำน้อยกว่าเดิม
“ไม่ทานอาหารเช้ากับพ่อก่อนหรือ” ชัชวาลถามลูกสาว
“เช้าไปค่ะ เดี๋ยวฌาร์มไปทานที่ร้านค่ะ”
“เออ เสาร์นี้ว่างไหม กลับบ้านเร็วหน่อยสิ พ่อมีคนอยากให้ฌาร์มรู้จักเอาไว้” ชัชวาลบอกแล้วยิ้มน้อยๆ ให้ลูกสาวที่นั่งนิ่งไม่
ไหวติง เพราะรู้ดีว่าเหตุการณ์อย่างนี้สักวันคงจะเกิดขึ้น
“ไม่ว่างได้ไหมคะ” ฌาร์มถาม บิดายิ้มๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
“ช่วยพ่อดูหน่อยว่าดีหรือเปล่า ถ้าฌาร์มไม่ พ่อเคารพการตัดสินใจของฌาร์ม ว่างได้หรือยังล่ะทีนี้” บิดาพูดคล้ายเป็นเรื่องปกติทั่วไป
“จะจริงจังกับคนที่พามา” ฌาร์มพูดขึ้นลอยๆ
“ถึงให้ช่วยดูไง ถ้าเหตุผลฌาร์มดีหรือมีข้อติ พ่อเคารพการตัดสินใจของฌาร์มนะ อย่างที่บอกถ้าฌาร์มไม่พ่อก็ไม่” ชัชวาลมองสบตากับลูกสาวที่รู้สึกแปลกๆ กับท่าทีของบิดา
“ใครกันนะ” ฌาร์มแอบคิด แต่คงต้องรอดูวันเสาร์ที่จะถึง
“แต่พ่อมั่นใจนะว่าฌาร์มจะชอบ” บิดาเลยบอกขอบคุณลูกสาวที่จะจัดชาร้อนให้ดื่ม
“ค่ะ” ฌาร์มถอนใจทั้งๆ ที่รู้ดีว่า วันหนึ่งผู้หญิงคนใดคนหนึ่งที่บิดาควงไปไหนมาไหนจะต้องเข้ามาอยู่ในบ้านสักวันและวันนั้น
กำลังจะมาถึง
“พ่อดูคนเก่งคงจะเลือกดีแล้วแหละ” ฌาร์มรำพึงออกมาเบาๆ นึกถึงคำที่มารดาเคยสอนไว้ว่าให้มีความสุข เมื่อเห็นความสุขของคนที่เรารัก
แป๋วแหวววิ่งหน้าตาตื่นมาที่รถยนต์หลังจากฌาร์มจอดสนิทแถมยังช่วยเปิดประตูให้อีกด้วย ท่าทางดูลุกลี้ลุกลนจนฌาร์มหัวเราะ เพราะคิดว่า แป๋วแหววอาจจะทำอะไรพังเสียหายและมาดักรอรายงานเอาไว้ก่อน
“อะไรพังอีกล่ะ” ฌาร์มถาม
“พี่ชามข้าวนั่นแหละจะพัง ไปเร็วๆ เข้า”
“ทำไมต้องเร็วด้วยล่ะ” ฌาร์มถามและยิ้มๆ ให้กับแป๋วแหวว แต่พอเหลือบไปเห็นรถยนต์ของศิตาและน้านุชที่มาก่อนเวลาเปิด
ร้านเลยคิดว่านั่นน่าจะเป็นสิ่งที่แป๋วแหววอยากจะบอก แต่ทำไมถึงต้องรีบมาบอกล่ะ
“คุณแพทด้วย” แป๋วแหววบอกทำให้ฌาร์มถอนใจเฮือกใหญ่
น้านุชนั่งร่วมโต๊ะกับศิตาที่ดูท่าทางน้าสาวของฌาร์มคงแปลกใจที่เห็นศิตา รวมถึงเมื่อวานที่ฌาร์มบอกไปว่ารับประทานอาหาร
อยู่กับเธอ แต่พันธุดาหลังจากทักทายกับทั้งน้านุชและศิตา ก็ขอแยกไปนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งโดยแป๋วแหววจัดเครื่องดื่มให้เรียบร้อยแล้ว
“นุชไม่รู้มาก่อนเลยว่า คุณซีนกับฌาร์มสนิทกัน” น้านุชเรียบเคียงถามดู เผื่อศิตาจะบอกเล่าอะไรออกมาบ้าง
“ฌาร์มบอกอะไรคุณนุชบ้างหรือยังคะ” ศิตาถามเพราะไม่รู้เหมือน กันว่าน้านุชรู้อะไรบ้าง
“เรื่องฌาร์มไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณซีนล่ะ เรื่องของ” น้านุชถอนใจเมื่อเห็นฌาร์มเดินยิ้มร่าเข้ามาหา หลังจากเดินไปทักทาย
อดีตคนรักแล้ว
“นัดประชุมอะไรกันแต่เช้าหรือเปล่าคะ เนี่ย” ฌาร์มเห็นสองสาวดูจริงจังเลยแสร้งพูดแหย่
“มาซื้อกาแฟสิ” ศิตาพูดขึ้นก่อน หลังจากสบตากับน้านุชเล็กน้อยและคำตอบที่คิดเอาไว้พอจะเดาได้ไม่ยากนักว่า ฌาร์มคงยัง
ไม่ได้บอกอะไรไปกับน้านุช
“นึกว่าอยากดื่มชา” ฌาร์มพูดขึ้น
“ดื่มกาแฟแล้วล่ะ ซีนขอตัวก่อนดีกว่า มีแขกต้องรับรองหลายคน” ศิตาพูดขึ้นทำเอาฌาร์มถอนใจ ศิตาพนมมือไหว้น้านุชแล้วเดินไปขอบคุณแป๋วแหววที่จัดการเรื่องกาแฟให้
“เดี๋ยวฌาร์มมานะคะ น้านุช” พันธุดายิ้มน้อยๆ มองดูหญิงสาวที่เนียบตั้งแต่หัวจรดเท้าต่างจากสาวคนเมื่อวานโดยสิ้นเชิง
ฌาร์มวิ่งตามศิตามาที่รถและรั้งตัวไว้ ศิตาหันมามองมือของฌาร์มที่จับอยู่ที่แขนของตัวเอง
“ร้านกาแฟ ใครจะไปจะมาก็ได้หรือเปล่า คุณซีนเป็นอะไร” ฌาร์มถามและจับแขนของศิตาเอาไว้ให้แน่นขึ้นอีก
“ไม่ได้เป็นอะไร คุณนุชเหมือนจะถามเรื่องเราสองคน แต่อย่าบอกเลยนะ ผู้ใหญ่คงไม่เข้าใจ” ศิตาบอกแล้วถอนใจมองเข้าไป
ด้านในยังเห็นน้าสาวของฌาร์มมองมา
“ไม่เป็นไร แล้วทำไมไม่ทานอาหารเช้าก่อน” ฌาร์มถามเสียงเข้ม
“ซีนมีนัดตอนเช้า เรื่องงาน” ศิตาบอก
“แน่ใจนะ ว่าแค่เรื่องงาน” ฌาร์มถาม
“ไปจัดการเรื่องตัวเองดีกว่าไหม โดนจูบแก้มไปหรือยังล่ะ โน่นมาอีกรายลูกค้าก่อนเวลา” ศิตาถอนใจมองดูรถยนต์ของก้าว
หน้าที่กำลังจอด
“โตกว่าทำไมไม่สอนฌาร์มว่าต้องทำไง คุณซีนถึงจะสบายใจ”
“กลับไปต่างคนต่างทำงาน ดูแลลูกค้า” ศิตาบอกเพียงแค่นั้นและรีบดึงแขนตัวเองเข้าไปนั่งในรถและรีบขับออกไป เพราะฌาร์
มมัวแต่หันไปมองก้าวหน้าที่กำลังเดินเข้ามาทักทาย ซึ่งก้าวหน้าเองก็แปลกใจที่เห็นศิตา
“มีอะไรกันหรือเปล่า น้าซีนขับรถออกไปเร็วขนาดนั้น” ก้าวหน้าถามและมองตามรถยนต์คันที่เพิ่งขับออกไป
“เห็นบอกมีนัดเรื่องงานแต่เช้า” ฌาร์มพูดขึ้น
“เอ่อใช่ เรื่องส่งออกผ้าไหม” คำพูดของก้าวหน้าช่วยให้ฌาร์มสบายใจขึ้นบ้างเล็กน้อย เพราะเรื่องงานที่ศิตาบอกเป็นเรื่องจริง
“ดีนะที่กลับไปแล้วหนึ่งราย” แป๋วแหววถอนใจ ขณะมานั่งคุยอยู่กับน้านุช ซึ่งส่ายหน้าเมื่อเห็นก้าวหน้าเดินเข้ามาในร้านอีกคน
น้านุชยังไม่อยากพูดคุยเรื่องที่คุยค้างเอาไว้กับศิตา แต่เชื่อว่าสองคนนั้นมีอะไรมากมายกว่ามิตรภาพแน่ สังเกตได้จากสายตาที่มองกันแต่ไม่ค่อยเข้าใจในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นหรือดำเนินต่อไปอย่างไร ในเมื่อจู่ๆ แฟนเก่าโผล่มาแถมยังสาวนักออกแบบหลานของศิตาที่ได้ยินจากแป๋วแหววว่า แวะมาพูดคุยและท่าทางจะพออกพอใจฌาร์มอยู่เหมือนกัน
“มันจะกี่เศร้ากันล่ะเนี่ย ยายฌาร์ม” น้านุชยิ้มให้ก้าวหน้าที่เดินมาพนมมือไหว้ทักทาย โดยน้านุชขอตัวกลับก่อนเพราะต้องไป
ทำงาน
ฌาร์มยิ้มให้ก้าวหน้าที่ทำหน้าตาแปลกๆ คงยังแปลกใจเรื่องที่เจอกับศิตาที่ร้านแต่เช้า
“แพทนี่พี่ก้าวเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า แล้วก้าวนี่แพทค่ะ” ฌาร์มแอบถอนใจ เมื่อพันธุดาเดินมานั่งลงข้างๆ ก้าวหน้ายิ้มให้ สองสาวจึงเอ่ยทักทายกันโดยพันธุดาพนมมือไหว้ก้าวหน้า แป๋วแหววยืนยิ้มมองดูคนที่เดินไปร่วมโต๊ะกับสองสาวที่นั่งอยู่ก่อน
“เวลาไม่มีใคร ก็เงียบจนหยากไย่ขึ้น เวลามาก็มากันซะยังกับฝูงผึ้งเลยทีเดียว” แป๋วแหววรำพึงออกมาเบาๆ มองดูเจ้าของร้านที่เดินมาจัดขนมให้กับสาวๆ
“พี่ก้าวอยากได้กาแฟเย็นๆ ฝีมือแป๋วแหววเพิ่ม สงสัยพี่จะฝีมือตก” ฌาร์มบอกกับแป๋วแหววที่ยิ้มแป้นทันที เพราะสิ่งที่ได้ยิน
เหมือนเป็นการเอ่ยปากชม
“พี่ฌาร์มคนไหนแน่เนี่ย จะได้คอยกันคนอื่นให้ หลายคนหนูไม่รู้จะช่วยยังไง” แป๋วแหววบอก ฌาร์มหัวเราะเล็กๆ นึกขอบคุณใน
ความห่วงใยที่แป๋วแหววมีให้
“คืออะไรของเธอ”
“เลือกคนไหน แต่แฟนเก่าไม่เอานะ โดนเทซ้ำสองขี้เกียจปลอบ”
“ไอ้นี่เดี๋ยวเถอะนะ พูดดังไป” ฌาร์มพูดคล้ายดุ แป๋วแหววจึงรีบไปจัดเตรียมกาแฟให้ก้าวหน้า
ฌาร์มหันมองดูสองสาวที่พูดคุยกันเรื่องเสื้อผ้า ซึ่งเป็นความสนใจของพันธุดา นั่นทำให้หายห่วงไปได้มาก เพราะอดีตคนรักไม่แสดงท่าทางแปลกๆ เหมือนที่เคยทำให้ศิตาเห็น
“พี่ก้าวเก่งเนอะ แป๊บๆ ก็วาดออกมาได้เลย” พันธุดามองดูภาพวาดซึ่งก้าวหน้ายื่นให้ดู
“ไม่หรอก วาดบ่อยๆ เข้าก็จะชำนาญไปเองนั่นแหละ แพทล่ะทำ งานอะไร” ก้าวหน้าชวนพูดคุย
“เรียนโทอยู่ ลอยไปลอยมาใช้เงินพ่อแม่” พันธุดาหัวเราะ ก้าวหน้ายิ้มๆ มองสบตากับฌาร์มที่เพิ่งเดินกลับมา สามสาวสนทนา
กันด้วยเรื่องทั่วๆ ไป พันธุดาไม่มีทีท่าไม่ชอบก้าวหน้า สองสาวพูดคุยกันเป็นอย่างดี แอบนึกถึงคนที่พันธุดาแอบแกล้งไปเมื่อวาน เมื่อเช้าเจอกันไม่รู้ได้คุยอะไรกันหรือเปล่า ศิตาถึงได้ดูไม่ค่อยพอใจ และรีบกลับโดยอ้างเรื่องงานกับน้านุชด้วยเหมือนกัน
“ชอบเสื้อผ้าทำไมไม่เป็นเรียนออกแบบ” ก้าวหน้าถามพันธุดา
“วาดรูปไม่สวยเหมือนพี่ก้าวสิ”
“เขาสอนให้ สนใจไหมล่ะ จะหาที่เรียนให้” ก้าวหน้าบอก ฌาร์มนั่งฟังสองสาวคุยกันท่าทางจะถูกคอ ถึงกับจะหาที่เรียนให้กัน
เลยทีเดียว
“แฟนเก่าแพท ไม่ได้เรื่อง ชอบไม่ชอบอะไรไม่คอยรู้หรอก” พันธุดาพูดขึ้นลอยๆ ฌาร์มอมยิ้มกับคำพูดที่อดีตคนรักพูดแขวะตัว
เอง
“ถ้าดีจะเป็นแฟนเก่าหรือล่ะ” ก้าวหน้าหัวเราะ พันธุดาก็เช่นกัน
“จริงด้วย ขอเบอร์ด้วยนะคะ พี่ก้าว” พันธุดายื่นโทรศัพท์ให้ก้าวหน้าซึ่งรับไปกดเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองและส่งเครื่องคืนเจ้า
ของ
“เรียบร้อยจ้ะ พี่ขอตัวก่อนนะ ก้าวไปก่อนนะ ฌาร์ม เดี๋ยวเข้าสายน้าซีนจะด่าเอา” ก้าวหน้าหัวเราะที่พูดเหมือนนินทาน้าสาว
“น้าดุขนาดนั้นเลย วันก่อนยังบอกใจดีที่สุดในสามโลกนี่นา”
“จุ๊ๆ อย่าไปฟ้องเชียวนา” ก้าวหน้าหัวเราะ
“แพทยิงเบอร์โทรศัพท์เข้าเครื่องพี่ก้าวแล้วนะคะ”
“จ้ะ ไปละนะ” ก้าวหน้าเดินไปหาแป๋วแหววที่ส่งแก้วกาแฟให้”
“กาแฟค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ แอบไปเปิดร้านเองเลย ฝีมือดีมากเราน่ะ” ก้าวหน้าพูดชมแป๋วแหววที่ยิ้มแก้มแตกรีบเดินไปเปิดประตูให้ ฌาร์มมอง
ตามยิ้มๆ กับความน่ารักของทั้งสองคน ก้าวหน้าอัธยาศัยดีฌาร์มรู้ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันและรู้ว่าดีมากที่สามารถพูดคุยกับพันธุดาได้
เป็นอย่างดี โดยกล่อมเสียจนคนที่แสนดื้อสนใจไปเรียนออกแบบ แม้ว่าตอนที่คบหากันฌาร์มเองยังเคยแนะนำเหมือนที่ก้าวหน้าบอก แต่พันธุดาไม่สนใจเลย
“เมื่อเช้าป่วนสาวพี่ฌาร์มไปนิดหนึ่งนะ” พันธุดาหันมาบอก
“ใครกัน” ฌาร์มแสร้งถามทั้งๆ ที่รู้ว่าหมายถึงใคร
“แหมทำมาพูดดี ไม่แก่ไปหรือ ถามจริง” พันธุดาถามตามตรง
“ไปว่าเขา” ฌาร์มพูดดุ
“ไม่ได้ว่าเขา แค่ถามดู เช็คดูให้ดีด้วยล่ะว่าเขามีคนอื่นหรือเปล่า” พันธุดาบอกแล้วยิ้มๆ ให้
“ป่วนนะ เราน่ะ” ฌาร์มพูดต่อว่า
“เป็นห่วงต่างหาก แต่เป็นแฟนกันอีกไหมล่ะ เสียใจที่เทพี่ฌาร์มไปตอนโน้น” พันธุดาหัวเราะเล็กๆ แต่จะว่าไป ตอนที่คบหากับฌาร์มก็ถือได้ว่าฌาร์มเป็นคนรักที่ดี แต่ดูนิ่งไปสำหรับพันธุดาทำให้ตัวเธอเลือกที่จะไปคบหากับคนอื่นแทนและทำให้ฌาร์มเสียใจมาครั้งหนึ่ง
“ครั้งก่อนเสียใจแทบตาย รู้บ้างไหมล่ะ” ฌาร์มพูดแหย่ ถึงแม้จะเคยเสียใจเพราะพันธุดา แต่ช่วงเวลาที่ผ่านไปเหมือนช่วย
รักษาแผลใจทำให้การมานั่งอยู่ข้างๆ กัน ณ ตอนนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกโกรธเหมือนตอนที่พันธุดามาบอกเลิกใหม่ๆ
“ไม่เห็นรู้เลย เมื่อวานก็เห็นหวานๆ กันดีนี่” พันธุดาพูดแหย่
“ไม่ใช่แล้วมั้ง” ฌาร์มพูดแก้ตัว
“ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ถ้าคุณเขาเทมา แพทจะมาปลอบใจพี่ฌาร์มเอง”
“พี่จะโดนสาวๆ ของแพทมาตามตบก่อนไหม” ฌาร์มหัวเราะ
“แหมไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น” พันธุดายิ้มๆ ฌาร์มเป็นคนสบายๆ ซึ่งมีเสน่ห์ แต่เมื่อคบหากันนานไปทำให้รู้สึกชินชา แต่ยามเมื่อ
ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง การได้พูดคุยโดยที่เจ้าตัวไม่ได้โกรธอะไรกับเรื่องในอดีตและยัง คงมีท่าทางสบายๆ เหมือนที่เคยเป็นทำให้รู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์ หรือบางทีอาจเป็นเพราะตัวเองโตขึ้น พันธุดาคิด
ศิตาตกใจเล็กน้อย เมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่เมื่อได้กลิ่นหอมๆ จากตัวคนกอดก็รู้ว่าเป็นใคร ความตกใจและความกลัวจึงหายไปทันที เพราะกลิ่นหอมๆ จากคนที่คุ้นเคย
“เข้ามาได้ไง” ศิตาถาม โดยทำทีเป็นไม่ได้สนใจ ขณะจัดเตรียมอาหารมื้อเย็นของตัวเอง ซึ่งมีเพียงผลไม้กับไวน์แดง
“ปีนรั้ว เพราะถ้ากดออดคงไม่มีคนไปเปิดให้” ฌาร์มกอดกระชับให้แน่นขึ้นอีก เนินอกของฌาร์มทาบทับอยู่ที่หลังของศิตาทำ
ให้คนที่ถูกกอดอยู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และยังคงแสดงท่าทางเย็นชาต่อไป
“ก็รู้ว่าไม่ต้อนรับ แล้วเข้ามาทำไม”
“นี่หันมาก่อน โกรธฌาร์มเรื่องอะไร” ฌาร์มขยับตัวเล็กน้อยยื่นหน้าไปมองสบตากับศิตา
“เบื่อคนเนื้อหอม”
“นึกว่าชอบคนเนื้อหอม เห็นจูบไปทั้งตัวแล้วนะ” ฌาร์มพูดอ้อน
“ใครจูบ” ศิตาพูดขึ้นแล้วหันมาเผชิญหน้าด้วย
“ลืมแล้ว ว่างั้น” ฌาร์มขยับเข้าใกล้ทำท่าจะจูบ แต่ถูกศิตาเอาส้มยัดใส่ปากแล้วยิ้มๆ
“หิวหรือเปล่า มีแต่ผลไม้กับไวน์” ศิตายังคงทำเสียงเข้ม แต่แอบยิ้มตั้งแต่ถูกกอดแล้ว เพราะรู้ดีว่า ฌาร์มคงมาง้อ
“ใช่เหรอ มีอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า” ฌาร์มยิ้มๆ เบียดตัวเข้าหาและพยายามหาความผิดปกติในแววตาของศิตา
“ทะลึ่ง” ศิตาพูดแล้วมองไปทางอื่น
“ร้านกาแฟ ใครไปก็ได้ ฌาร์มห้ามไม่ได้นี่” ฌาร์มเริ่มอธิบาย
“ก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายนี่” ศิตาบอก บางขณะก็รู้สึกอายตัวเองที่ออกอาการแง่งอนไปโดยไม่มีเหตุผล
“ไม่ให้อธิบายได้อย่างไรล่ะ งอนซะขนาดนั้นเมื่อเช้า เอ๊ะหรือคิดไปเองว่าหวง” ฌาร์มยิ้ม รอยยิ้มน้อยๆ ของศิตาที่ได้เห็นทำให้
คนที่มาง้อยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“เปล่าสักหน่อย ใครงอน” ศิตายิ้มอายๆ ก่อนจะกอดฌาร์มเอาไว้
“คนงอนไม่ค่อยรู้ตัวหรอกนะ แต่คนถูกงอนใส่น่ะ รู้ตัวนะคะ คุณ” ฌาร์มยิ้มและกอดศิตาเอาไว้เช่นกัน แต่กอดแน่นๆ ของศิตาทำ
ให้ฌาร์มจู่ๆก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา หรือเพราะรู้สึกหวงแหนที่เจอกับพันธุดาอดีตคนรัก
“ไวน์ไหม” ศิตาแอบถอนใจ
“มอมเหล้าตลอดแหละ” ฌาร์มหัวเราะเล็กๆ แต่รับแก้วมาดื่มโดยช่วยยกจานผลไม้ไปวางที่โต๊ะเล็กหน้าเก้าอี้รับแขก
“จะนอนนี่ไหม จะได้รินไวน์เพิ่มให้” ศิตาถามคนที่ทำท่าคิดก่อนจะพยักหน้า เจ้าของบ้านเลยเดินไปเติมไวน์ให้ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ
“ดูมีเรื่องกังวลใจนะ” ฌาร์มถาม
“ไม่มีอะไรนี่ ขยับไปหน่อยอยากนอนหนุนตัก” ศิตาบอกแล้วยิ้มให้ ฌาร์มปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย เอานิ้วไล้เบาๆ ไปที่แก้มของศิ
ตาซึ่งหลับตาพริ้มเพื่อซึมซับสัมผัสเล็กๆ นั้น
“แพทเด็กมากนะ” ศิตาพูดขึ้น
“ค่ะ ตอนนั้นฌาร์มก็ยังเด็ก” ฌาร์มบอกมองสบตากับศิตา
“ตอนนี้โตแล้ว” ศิตาถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“โตไหมล่ะ คุณซีนน่าจะรู้ดีกว่าใคร” ฌาร์มยิ้มทะเล้น เมื่อเห็นคนที่ยิ้มอายๆ
“ทะลึ่งตลอดเลย ไม่น่าชวนไปอาบน้ำด้วยเลยแบบนี้” ศิตาพูดบ่นพึมพำเอามือปิดหน้าปิดตาตัวเอง
“เอามือมาให้จับหน่อย” ศิตาบอกและจับมือฌาร์มมาวางไว้ที่อก
“ได้อยู่ด้วยทุกวันคงดี ฌาร์มมีความสุขนะ เวลาได้อยู่กับคุณซีน” ฌาร์มบอกแล้วจับมือศิตามาจูบเบาๆ
“ซีนก็เหมือนกัน” ศิตาเอามือทั้งสองข้างกุมมือของฌาร์มเอาไว้
“ไม่เหมือนหรอก เพราะฌาร์มชอบคุณซีนมากกว่า” ฌาร์มยิ้มและก้มลงจูบ โดยศิตาตอบรับอย่างอ่อนหวานสองสาวยิ้มให้กัน