บทที่ 4 ชีวิตก่อนหน้า...ที่ข้าจำได้ 2

1562 คำ
คนเป็นมารดาฟังแล้วยกยิ้ม ก่อนจะกอดรัดร่างอวบของบุตรสาวให้แน่นยิ่งขึ้น พร้อมกับก้มหน้าลงหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้างของบุตรสาวเพียงคนเดียว “ได้ยินอย่างนี้แล้วแม่ช่างชื่นใจนัก มา เดี๋ยวแม่อาบน้ำให้เจ้าเอง” “เจ้าค่ะท่านแม่” สองแม่ลูกอาบน้ำให้กันไปพลาง หยอกล้อกันไปพลาง ทำให้เวลาผ่านไปราวสามเค่อกว่าที่หลานหลีเกอจะอาบน้ำเสร็จ เถาลี่อิงแต่งตัวให้บุตรสาวด้วยชุดสีฟ้าเสื้อคลุมตัวนอกเป็นผ้าโปร่งบาง เนื่องจากยามนี้ย่างเข้าฤดูร้อน เสื้อผ้าหน้าผมของเด็กน้อยจึงไม่จำเป็นต้องมากชิ้นนัก เมื่อแต่งตัวให้กันเสร็จเถาลี่อิงก็จับจูงบุตรสาวมาที่เรือนใหญ่เพื่อทานมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา “วันนี้พี่รองงามมากเลยขอรับ” หลานเจี่ยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างกายผู้เป็นบิดาเอ่ยขึ้น เมื่อมองเห็นพี่สาวคนงามวัยห้าหนาวของตนกำลังเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับผู้เป็นมารดา “ขอบใจเจ้า น้องรักของพี่” หลานหลีเกอเอ่ยกับน้องชายก่อนจะนั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย “วันนี้หลีเอ๋อร์ของพ่อแต่งตัวเสียงดงาม แม่เจ้าคงเคี่ยวกรำอยู่นานสองนานเป็นแน่” หลานเหวินเอ่ยเย้าบุตรสาวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากที่หลานหลีเกอฟื้นขึ้นมาเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ผู้เป็นบิดาเช่นเขาก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่เห็นว่าบุตรสาวปลอดภัย นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาหลานเหวินก็ไม่เคยบังคับให้บุตรสาวต้องเรียนหนังสือหรือท่องจำอีก เขาปล่อยให้นางได้ทำทุกอย่างตามใจ จะกินจะนอนเวลาใดล้วนไม่มีใครขัด ขอเพียงบุตรสาวคนนี้ไม่ล้มป่วยให้เขากับผู้เป็นภรรยาต้องทุกข์ใจเหมือนที่ผ่านมาก็เพียงพอแล้ว เพราะนับตั้งแต่ที่หลานหลีเกอเกิดมาจนอายุได้ห้าหนาว เจ้าเด็กน้อยนี่ก็ป่วยหนักเกือบถึงขั้นหายใจแผ่วมาถึงสองครั้งสองคราแล้ว และถ้าหากเขาผู้เป็นบิดายังบังคับให้นางทำอะไรที่เป็นการฝืนใจนาง อีก เกรงว่าจะเป็นการทำร้ายนางทางอ้อมไป และถึงแม้ว่าการตามใจนางแทบทุกเรื่องจะเป็นการทำร้ายนางทางอ้อมไม่ต่างจากการบีบบังคับ ทว่าอย่างน้อยๆ นางก็มีความสุขและยิ้มออกอย่างที่เป็นอยู่ เพียงเท่านี้หัวอกบิดามารดาก็ไม่หนักหน่วงอีกต่อไป ส่วนปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นมาในภายภาคหน้า ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตไปก็แล้วกัน “ท่านพี่ไม่รู้อะไร วันนี้หลีเอ๋อร์ของเราว่าง่ายมาก ไม่ลำบากให้ข้าต้องเคี่ยวกรำนางเลยแม้แต่น้อย” เถาลี่อิงเอ่ยปากบอกผู้เป็นสามี ก่อนจะหันมองบุตรสาวด้วยรอยยิ้มแห่งความเอื้อเอ็นดู “จริงรึ?” หลานเหวินเอ่ยอย่างแปลกใจ สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนไม่ต่างไปจากสีหน้าของเสี่ยวถงเมื่อเช้านี้เลยแม้แต่น้อย “เจ้าค่ะ” เถาลี่อิงยืนยันด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปหลีเกอจะเป็นเด็กดี ไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ต้องลำบากใจอีก วางใจได้เลยเจ้าค่ะ” หลานหลีเกอเอ่ยบอกกับบิดามารดาและพี่ชายด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะด้วยเวลานี้นางไม่ใช่หลานหลีเกอคนเดิมอีกต่อไปแล้ว... ต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร นางก็จะไม่ทำให้ครอบครัวของนางต้องเป็นกังวลอีก ทั้งนางยังจะทำให้ทุกคนภูมิใจและยินดีกับนางอีกด้วย “พี่ใหญ่ หลีเกอขอไปสำนักศึกษาด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ?” หลานหลีเกอเอ่ยขึ้นหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ “หลีเอ๋อร์อยากไปที่สำนักศึกษาหรือ?” หลานจิ้นหลี่เอ่ยขึ้นอย่างกังวล ด้วยเพราะตัวเขานั้นไม่อยากจะให้น้องสาวไปเยือนที่สำนักศึกษาอีก หากว่านางไปเยือนที่นั่นอีกครั้งแล้วเกิดหมดสติไปอีกรอบ คราวนี้เขาอาจจะกลายเป็นบ้าไปเลยก็เป็นได้ “เจ้าค่ะ หลีเกออยากไป” เด็กน้อยว่าแล้วกะพริบตาปริบๆ “หลีเอ๋อร์ พ่อว่าวันนี้อยู่จวนกับพ่อดีหรือไม่ เจ้าอยากเรียนอะไรพ่อจะสอนเจ้าเอง” หลานเหวินเอ่ยขึ้น วันนี้ตัวเขาไม่มีเวรสอนหนังสือที่สำนักศึกษา จึงตั้งใจจะอยู่จวนเพื่อจัดการเรื่องบัญชีต่างๆ ของสำนักศึกษาอยู่ที่จวน แต่พอมาได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนี้ ในใจผู้เป็นบิดาก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ “แต่ลูกอยากไปที่สำนักศึกษากับพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” หลานหลีเกอยืนยันความต้องการของตน ที่สำนักศึกษา...ที่ศาลาเหลียนฮวานั่นจะต้องมีอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่เป็นแน่ อีกทั้งดอกไม้ปริศนาสีแดงดอกนั้นอีก… หลานหลีเกอคิดว่าตนเองต้องการคำตอบของข้อสงสัย และที่ศาลาเหลียนฮวานั่นจะพอมีเบาะแสอะไรให้นางสืบได้บ้าง นางไม่เชื่อหรอกว่าอยู่ดีๆ นางจะจำชีวิตในอดีตชาติของตัวเองได้ เพราะแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะมองเห็นบางสิ่งบางอย่างและมีภาพจำเลือนรางอยู่ในหัวจริง ทว่าก็ไม่ได้แจ่มชัดเป็นเรื่องเป็นราวอย่างเช่นทุกวันนี้ “ไปไม่ได้หรือเจ้าคะ?” เด็กน้อยเอ่ยถามพร้อมกับเป่าลมในปากจนแก้มป่อง ดวงตาคู่กลมกะพริบถี่เรียกหยดน้ำใสๆ ให้มาไหลรวมกัน สองพ่อลูกมีสีหน้าหนักใจ หลานเหวินกับหลานจิ้นหลี่หันหน้ามองกันด้วยความหนักอก เป็นห่วงบุตรสาวน้องสาวอย่างยิ่ง ทว่าพวกเขาก็ไม่อยากทำให้นางเสียใจหรือร้องไห้ อีกอย่าง การที่นางอยากไปที่สำนักศึกษานั้นถือว่าเป็นเรื่องดี...หากไม่นับเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางภายในศาลาเหลียนฮวา “นะเจ้าค่ะ ท่านพ่อ พี่ใหญ่ หลีเอ๋อร์อยากไปสำนักศึกษา” เสียงอ้อนออดมาพร้อมกับหยดน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโต สุดท้ายหลานเหวินจึงยอมอนุญาตให้บุตรสาวไปที่สำนักศึกษากับพี่ชายของนางในที่สุด โดยมีตัวเขาที่เป็นบิดาเดินทางไปด้วย เมื่อมาถึงสำนักศึกษา หลานหลีเกอก็วิ่งตรงไปที่ศาลาเหลียนฮวาในทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ ของผู้เป็นบิดาและพี่ชาย เด็กน้อยวิ่งตัวปลิวไปตามสะพานไม้ไผ่จนมาถึงหน้าศาลากลางน้ำ หลานจิ้นหลี่วิ่งตามน้องสาวมาด้วยหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ เช่นเดียวกันกับหลานเหวินที่เวลานี้บุรุษวัยกลางคนแทบอยากจะเอาเชือกมามัดบุตรสาวตัวกลมของเขาไว้นัก ตัวหรือก็อ้วนกลมปานนี้ แต่เหตุใดนางจึงวิ่งเร็วนักนะ! “หลีเอ๋อร์” หลานจิ้นหลี่เอ่ยเรียกน้องสาว สองขาของเขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปหานางด้วยความแผ่วเบา หมายจะอุ้มเอาตัวน้องน้อยออกมาในจังหวะที่นางเผลอ แล้วพาออกไปจากศาลาแห่งนี้ ทว่าคนเป็นพี่ชายกลับต้องชะงักค้าง เมื่อน้องสาวตัวน้อยของเขาหันหน้ากลับมาพอดี “พี่ใหญ่ ท่านเชื่อภูตผีวิญญาณหรือไม่เจ้าคะ?” “อะ...อะไรนะ?” “หลีเกอถามว่าพี่ใหญ่เชื่อหรือไม่ว่าศาลาแห่งนี้มีวิญญาณสิงสถิตอยู่” หลานหลีเกอเอ่ยถามพี่ชายด้วยสีหน้าจริงจัง “ละ หลีเอ๋อร์ เจ้า...เห็นอะไร” หลานหลีเกอหันหน้ากลับไปมองทางศาลาแล้วยกยิ้ม ก่อนจะหันหน้ากลับมามองพี่ชายของตัวเอง ที่เวลานี้กำลังทำหน้าตาราวถูกผีหลอกอยู่ก็ไม่ปาน โดยที่ตัวเขาหารู้ไม่ว่า สิ่งที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าถูกผีหลอก คือการจำอดีตชาติของตัวเองได้ เพราะการจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชาติก่อนได้นั้น หมายความว่านางจะจดจำทุกความรู้สึกที่เคยได้รับมาได้ ไม่ว่าจะความรู้สึกดีใจ เสียใจ เจ็บปวด ทรมานหรือแม้แต่ความรัก สิ่งเหล่านั้นนับเป็นตัวถ่วงชั้นดีในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งหลานหลีเกอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดนางจึงยังมีความทรงจำเหล่านั้นอยู่ “ศาลาแห่งนี้ขาดการทำนุบำรุงมานาน ท่านปู่ทวดคงเป็นกังวลไม่น้อย” หลานหลีเกอเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลานจิ้นหลี่ฟังแล้วขมวดคิ้ว เช่นเดียวกันกับหลานเหวินผู้เป็นบิดา “ท่านปู่ทวด...ปู่ทวดคนไหน?” หลานเหวินเอ่ยถามบุตรสาว หากจะนับญาติไล่ย้อนขึ้นไป คนที่หลานหลีเกอสามารถเรียกว่าท่านปู่ทวดได้จะมีใครอีก นอกเหนือจากบิดาของบิดาเขา บรรพบุรุษที่เป็นผู้ก่อตั้งสำนักศึกษาคงเสวียแห่งนี้… มิใช่ว่ายามนี้ดวงวิญญาณของท่านปู่ของเขามาปรากฏตัวให้หลานหลีเกอเห็นหรอกนะ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม