Chapter 14 บุรุษพยาบาลคนพิเศษ

1349 คำ
เพียงไม่นานที่คนป่วยหลับตาลง มือของชายหนุ่มอีกคนกระชากแขนปรินทรออกและซัดหมัดเปรี้ยงเสยปลายคางอย่างแรง “ไอ้สารเลว!” ปรินทรใช้ลิ้นดุนข้างแก้ม รสเค็มปร่ามาพร้อมกับเลือดที่ไหลซิบออกมาจากมุมปากเล็กน้อย ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นเช็ดเลือดออกจากมุมปาก พร้อมกับบอกออกมาอย่างท้าทาย “ชกอีกสิ! ถ้านั่นมันคือการแก้ปัญหาของคุณ เมื่อคุณเห็นผมเจ็บแล้วเรื่องจะจบ คุณรษาจะหายปวดร้าว และชื่อเสียงของเธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” “อย่าท้านะ” ธามง้างหมัดจะชกอีกครั้ง “ผมไม่ได้ท้า แต่ถ้าจะให้ดี คุณควรมีสติในการแก้ปัญหามากกว่านี้ คุณควรนึกถึงจิตใจคุณรษามากกว่านี้ ต่อไปนี้ผมจะดูแลเธอเอง ผมจะแต่งงานทันทีหลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล” “ไม่ได้” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบกลับเสียงแข็ง “อันนั้นก็แล้วแต่คุณ แต่ผมจะแต่ง และผมจะเป็นคนตกลงกับคุณรษาเอง” ปรินทรตอบกลับเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน “ก็ได้ ถ้ายัยรษายอมแต่งกับนาย แต่นายก็อย่าฝันไปเลยว่าน้องสาวฉันจะยอมรับคนที่ย่ำยีให้เธอเจ็บปวดได้ เพราะฉันรู้จักน้องสาวฉันดี นายกลับไปได้แล้ว” พ่อเลี้ยงตอบกลับอย่างท้าทาย ไม่วายไล่แขกที่ไม่ชอบหน้าออกไป “วันนี้ผมบอกกับเธอว่าจะนอนเฝ้าและรอเธอตื่นมาเจอผมเป็นคนแรก ผมจะค้างที่นี่” ปรินทรบอกพร้อมกับเดินไปจับจองเก้าอี้หน้าเตียงหญิงสาว ไม่ลืมหยิบหนังสือที่เขาซื้อติดมือมาหลายเล่ม มากางอ่านอย่างไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบกาย พ่อเลี้ยงหนุ่มยืนหันรีหันขวางมองโซฟาตัวเล็ก ตอนนี้มันกลายเป็นออฟฟิศส่วนตัวของชายหนุ่มอีกคนไปแล้วอย่างหงุดหงิด มีทั้งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและแฟ้มเอกสารพร้อมทำงาน เหมือนเจ้าตัวเตรียมมาทำงานปักหลักเฝ้าไข้ ปรินทรเลิกคิ้วมองอีกคน ก่อนที่จะบอกออกมา “คุณไปนอนที่โรงแรมก็ได้นะ ผมจะสั่งเลขาฯ เปิดห้องให้ ส่วนเรื่องคุณรษาคุณคงจะห้ามให้ผมมาดูแลเธอไม่ได้ แล้วผมก็สัญญาว่า ต่อจากนี้ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดี” พ่อเลี้ยงหนุ่มกัดฟันกรอด ยอมถอยตั้งหลัก เดินออกจากห้องพักคนป่วยไปอย่างหัวเสีย เพราะพื้นที่ว่างในห้องถูกชายหนุ่มอีกคนยึดเป็นห้องทำงานเฉพาะกิจไปแล้ว แม้จะรู้ว่าการการรับผิดชอบด้วยการแต่งงานของปรินทรคือทางออกสูญเสียน้อยที่สุด แต่เขาก็ทำใจไม่ได้อยู่ดี ม่านโปร่งถูกเปิดรับแสงพร้อมไอลมเย็นพัดพลิ้วผ่านผิวเหลืองซีดของคนป่วย รษาปรือตารับแสงของวัน สองคืนผ่านไปแต่ทว่าความพร่าสลัวเพราะรางเลือนฤทธิ์ยาที่ยังคงมีอยู่ หญิงสาวพยายามปรับสายตาให้คุ้นชิน กวาดสายตามองไปรอบห้องสี่เหลี่ยม แปลกใจอยู่ครามครันเมื่อเห็นเจ้าของร่างหนาคนเมื่อคืนยังนั่งกุมมือเธออยู่เหมือนที่เขาบอก และทุกครั้งที่ได้สติก็จะเจอเขาทุกครั้ง รอยยิ้มละมุนที่เธอมองเห็นอย่างรางเลือนยังอยู่บนดวงหน้าเหมือนเดิม เขาเป็นใครกันแน่นะ “ตื่นแล้วเหรอ ทำไมถึงคิดตื้นๆ ล่ะ เป็นยังไงบ้าง ยังตาพร่าอยู่ไหม ยังง่วง รู้สึกอยากนอนอยู่อีกหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเป็นเชิงตำหนิ แต่เพราะรู้ว่าเขาจะไม่ได้คำตอบจากเธอ เขาจึงเล่าต่อ “คุณหมอบอกว่าคุณจะตาพร่ามัวสักสองสามวัน ถ้าคุณได้ยินที่ผมพูดคุณช่วยตอบหรือบีบมือผมได้ไหม” ชายหนุ่มถามพร้อมกับยกมือบางขึ้นมากุมเอาไว้ หญิงสาวกระดิกนิ้วเบาๆ เหมือนรับรู้และอยากคัดค้านในสิ่งที่เขาพูด เธอไม่ได้คิดสั้น ชายหนุ่มยกมืออีกข้างเกลี่ยลูบผมเธออย่างอ่อนโยน เหมือนที่เขานั่งทำมาตลอดสองวันเต็มที่อยู่กับเธอที่นี่ เขาเพียงงีบหลับไปบ้างเท่านั้น และรู้สึกตัวทุกครั้งที่หญิงสาวตื่น คนป่วยบนเตียงขยับหนีทันที ทว่าชายหนุ่มกลับรั้งตัวเธอไว้ กดจมูกจุมพิตบนหลังมือซีด พร้อมกับถามเธอต่อ “อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า” หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ชายหนุ่มเห็นเธอตอบโต้บ้างก็เล่าเรื่องของเธอให้ฟัง “คุณหลับไปสองวันเลยรู้ไหม พี่ชายคุณมาเยี่ยมทุกวัน นี่ก็เพิ่งกลับไปไม่นาน รวมถึงญาดาและคุณนนท์ด้วย แต่คุณไม่ยอมตื่นมาเจอพวกเขาเลยสักครั้ง นอนขี้เซาอยู่บนเตียงอย่างนี้” ชายหนุ่มเย้า “คุณเบื่อไหม ให้ผมเล่าเรื่องที่ผ่านมาให้คุณฟังรวมถึงเรื่องของผมด้วยดีไหม ถ้าคุณอยากฟังคุณก็บีบมือผม หรือถ้าไม่อยากฟังคุณก็ส่ายหน้านะ ผมรู้ว่าคุณยังเจ็บคอจากสายที่โดนสอดลงไป” รษาบีบมือชายหนุ่มเบาๆ เหมือนตอบรับเขา “คุณหมอบอกว่าจะมาเจาะเลือดไปตรวจอีกทีเย็นนี้ ถ้าผลการตรวจเลือดของคุณดีขึ้น ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลในอีกไม่กี่วัน” รษายิ้มออกมาผ่านดวงตา ชายหนุ่มเย้าเธออีกครั้ง “ผมชักอยากให้คุณไม่ค่อยพูดอย่างนี้แล้วสิ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกดจมูกลงบนหลังมือของหญิงสาว คราวนี้คนป่วยบีบมือแรงเหมือนต่อต้าน พยายามขยับปากเหมือนจะเถียงแต่สภาพของเธอกลับไม่อำนวย “ดูสิ ขนาดไม่มีแรงยังออกฤทธิ์ได้ขนาดนี้เลย ถ้าหายเจ็บคอผมคงฟังไม่ทัน หูดับรับชะตากรรมเดิมแน่นอน คุณว่าไหม” ปรินทรหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับดึงจมูกรั้นของหญิงสาวแล้วเล่าต่อ คนบนเตียงได้แต่ดิ้นฮึดฮัดอย่างขัดใจที่ตอบกลับเขาไม่ได้ “คุณอยากรู้จักผมหรือเปล่า” เขาถามต่อ หญิงสาวหันหน้าหนีไปอีกทางเป็นการตอบคำถามว่าไม่อยากรู้จัก “แต่ผมอยากเล่า คุณก็ทนฟังหน่อยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มบอกหน้าตาย “ผมเป็นผู้บริหารของเครือปางวิมานกรุป นั่นรวมถึงผับที่คุณเข้าไปเที่ยววันนั้นด้วย ผมเจอคุณและภาพนั้นติดตรึงใจผมตั้งแต่แรกเห็น...ผม...” เมื่อคนบนเตียงหันกลับมามองและตั้งใจฟัง พูดได้เพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็หยุดดื้อๆ คนป่วยพยายามขยับปากประท้วงอยากฟังต่อ ทว่าคนเล่ากลับเพียงแค่ยิ้มบาง “ไม่เล่าละ คุณนอนต่อดีกว่า หมอบอกว่ายายังไม่หมดฤทธิ์ คุณต้องนอนกินน้ำเกลือแทนข้าวแทนน้ำอีกเยอะๆ” ปรินทรยิ้มขำแกล้งคนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นว่าเธอสนใจก็ไม่อยากเล่าต่อ คนป่วยดิ้นขลุกขลักไม่ยอมจนคนตัวโตต้องใช้แขนโอบรัดตัวเธอเอาไว้ “ดิ้นเยอะๆ เลย ผมจะได้กอดคุณไว้อย่างนี้” เพียงแค่นั้นคนป่วยก็หยุดดิ้น ชายหนุ่มยกมือลูบผมกล่อมให้เธอหลับเหมือนอย่างที่เคยทำทุกครั้ง “ถ้าคุณตื่นขึ้นมาอีกครั้งและหายเจ็บคอแล้ว คุณอยากรู้อยากถามอะไรผมจะเล่าให้คุณฟังหมดทุกอย่าง ผมสัญญา แต่ตอนนี้คุณหลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างอ่อนโยน คนป่วยบนเตียงทำหน้างอที่ถูกขัดใจ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู เมื่อเธอเห็นว่าเขาไม่เดือดร้อน หญิงสาวจึงปิดตาลเพราะทนฝืนปรือตาต่อไปไม่ไหว อีกทั้งฤทธิ์ยาที่อยู่ในร่างกายยังไม่หมด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม