“ก็หม่อมฉันอยากเดินเล่นในตลาดเพียงลำพังเพคะ” ถิงเอ๋อร์พูดเสียงอ้อมแอ้มคล้ายไม่พอใจที่บุรุษพูดจาตำหนินาง ระหว่างที่สองหนุ่มสาวกำลังสนทนากันอยู่นั้น ฉับพลันก็มีลมพัดมาวูบใหญ่ทำให้ผ้าคลุมหน้าของฟางลี่ถิงปลิวเปิดขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าโฉมสะคราญปานล่มเมือง ผิวของนางขาวราวกับหิมะ ปากสีแดงธรรมชาติและพวงแก้มที่มีเลือดฝาดอมชมพูนั้นทำให้ผู้คนที่กำลังเดินตลาดอยู่แถวนั้นเผลอจ้องมองดรุณีน้อยด้วยความตกตะลึง คล้ายเข็มวินาทีในกาลเวลาหยุดค้างไป ลมที่พัดโชยมาโดนตัวของนางทำให้กลิ่นเย้ายวนนั้นกระจายฟุ้งอยู่รอบตัวสตรี แม้แต่แม่ทัพหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายยังเผลอก้มหน้าลงจ้องมองใบหน้าเนียนใสด้วยความลืมตัว บุรุษเผลอสูดดมกลิ่นหอมหวานจากคนตรงหน้า
พลันทำให้ใจพยัคฆ์เกิดอาการเต้นแรง ‘ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก’
หลี่เฟยหลงที่ใจเต้นแรงอยู่นั้นกลับยิ่งต้องเต้นแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อจู่ ๆ ดรุณีน้อยตรงหน้าก็เคลื่อนใบหน้าเนียนใสเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา “เจ้า!” แม่ทัพหนุ่มพอเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงตัดสินใจรวบตัวหญิงสาว แล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดเหินออกไปจากตลาดแห่งนี้ทันที
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเหาะเหินกลางอากาศด้วยวิชาตัวเบาของท่านแม่ทัพ ก็มีเหตุที่ทำให้บุรุษต้องเอ่ยปากขอร้องหญิงสาว
“ถิงเอ๋อร์กอดพี่แน่นเกินไปแล้ว ถ้าไม่อยากร่วงลงไปด้านล่าง จงคลายอ้อมแขนออกสักนิดเถิด” บุรุษกระซิบบอกสตรีที่อยู่ในอ้อมกอด แต่กระนั้นด้วยความกลัวความสูงของหญิงสาวก็ทำให้นางยิ่งกอดรัดชายหนุ่มแน่นกว่าเดิม พร้อมกับเบียดกายนิ่มซุกอกแกร่ง ไม่ได้สนใจต่อคำขอนั้นเลย แม่ทัพหนุ่มจึงทำได้เพียงยกยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจอย่างไม่รู้ตัวเอง ใจของบุรุษเต้นแรง ใบหน้าหล่อเหลานั้นขึ้นสีแดงระเรื่อลามไปจนถึงใบหูด้วยความหวั่นไหว
ณ จวนแม่ทัพ
“ถิงเอ๋อร์...” หลี่เฟยหลงก้มหน้าลงกระซิบบอกดรุณีน้อยในอ้อมกอดคล้ายกับเตือนสติให้หญิงสาวปล่อยแขนที่รัดร่างกายเขาอย่างแนบแน่นออกเสียที
“ขอประทานอภัยเพคะ” ถิงเอ๋อร์พูดไปได้เพียงแค่ครึ่งคำก็ถูกบุรุษที่ยืนนิ่งให้นางกอดพูดขัดขึ้นก่อน
“เจ้าคิดยั่วยวนพี่ใช่หรือไม่” หลี่เฟยหลงกล่าวจบก็จับแขนทั้งสองของถิงเอ๋อร์ออกพร้อมกับขึงพรืดดันร่างบางชิดกับกำแพงข้างประตูห้องบรรทมด้วยความรวดเร็ว
“หม่อมฉันเปล่าคิดเช่นนั้นนะเพคะ” ถิงเอ๋อร์รีบเอ่ยปฏิเสธ เพราะนางไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น
“มิได้ตั้งใจเช่นนั้นหรือ แล้วที่เจ้ากอดพี่แน่น ซ้ำยังเบียดทุกส่วนของร่างกายเข้าหาเช่นนี้” หลี่เฟยหลงพูดจบก็เบียดร่างอันใหญ่โตเข้าหาร่างเล็กที่นุ่มนิ่ม ชายหนุ่มค่อย ๆ ไล่ต้อนสตรีที่เป็นคู่หมั้นและก้มหน้าจ้องมองสตรีโฉมสะคราญที่กำลังพูดจาผิด ๆ ถูก ๆ อยู่ตรงหน้าเขา
“ทะ ท่านพี่…หม่อมฉันว่าเรามานั่งคุยกันดีกว่านะเพคะ อย่าทำแบบนี้…” ถิงเอ๋อร์กล่าวไม่ทันจบประโยคก็ถูกร่างสูงก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปากบางโดยที่นางก็มิได้ทันตั้งตัว
“อะ อื้อ!” ถิงเอ๋อร์พยายามหันหน้าหนี แต่การกระทำเช่นนี้กลับยิ่งเปิดโอกาสให้แม่ทัพหนุ่มเอาจมูกมาซุกไซ้ซอกคอของนางและขบเม้มลำคอสาวอย่างหลงลืมตัวตน
“ยะ อย่า ท่านพี่ปล่อยหม่อมฉันเพคะ” นางพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากชายหนุ่มแต่ก็ทำไม่ได้
“อืม” หลี่เฟยหลงครางตอบคนใต้ร่าง ฝ่ามือหนาทำหน้าที่ลูบไล้ร่างบางไปทั่วทั้งกายสาว ทรวงอกอวบอิ่มที่บดเบียดกายชายไม่อาจทำให้บุรุษเช่นเขาหักห้ามใจได้ จึงได้แต่เคล้นคลึงมันด้วยสองมือพร้อมทั้งใช้ปลายนิ้วปัดผ่านยอดปทุมนั้น สร้างความเสียวสยิวกายให้แก่สตรีตรงหน้า
“อะ อา” เสียงครางของนางดังขึ้น และมันก็กระตุ้นความดำมืดในกายของบุรุษ
“เป็นของพี่ได้หรือไม่ ถิงเอ๋อร์” ร่างสูงกระซิบบอกสตรีตรงหน้า ที่ตอนนี้ถูกบุรุษเช่นเขาจับนางถอดเอี๊ยมตัวน้อยออกจนมิเหลือปราการใดบดบังทรวงอกอิ่มคู่นั้นได้อีก
เวลานี้แม่ทัพหนุ่มรู้สึกปวดหนึบไปทั่วทั้งกึ่งกลางกาย ไฟราคะแทรกซึมเข้าสู่ในกายของบุรุษจนอดทนต่อความต้องการของตนเองไม่ไหวจึงเอ่ยคำที่ไร้ยางอายออกไป “พี่ต้องการเจ้า…ถิงเอ๋อร์” หลี่เฟยหลงจ้องมองสตรีที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาหลงใหล สองเต้าอวบอิ่มนั้นเย้ายวนใจให้บุรุษหลงลืม กลืนคำพูดที่เคยอยากถอนหมั้นสตรีตรงหน้านี้จนหมดสิ้น และมีเพียงสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มต้องการในตอนนี้ก็คือครอบครองนางทั้งกายและใจ
ถิงเอ๋อร์ที่โดนล่วงเกินจนไม่หลงเหลือความเป็นสตรีในห้องหอที่ดีงาม นางถูกกระทำจนทั้งเรือนร่างแปดเปื้อนเคลิ้มรับไปกับสัมผัสที่เสียวซ่าน “อะ อา ปล่อยนะเพคะ” สตรีพยายามขืนกายออก เมื่อถูกบุรุษรุกล้ำล่วงเกินด้วยการก้มใบหน้าลงชิมรสยอดผลอิงเถานั้นด้วยความร้อนแรงจนทำให้อุณหภูมิทั่วทั้งห้องสูงขึ้น ชายผู้แข็งแกร่งรวบหญิงสาวขึ้นอุ้มพาตรงไปที่เตียงกว้างที่อยู่ห่างออกไปราวสามวา พร้อมกับผลักให้นอนราบลงบนเตียงอุ่น แนบทับกายแกร่งตามลงมาและไม่ยอมปล่อยโอกาสให้สตรีใต้ร่างได้ขยับตัวหนี