“น้องน่ารักดีนะ” อยู่ ๆ พ่อก็พูดขึ้นขณะที่เรากำลังกลับบ้านกัน
“ในสายตาพ่อนอกจากแม่แล้วยังมีคนอื่นน่ารักอยู่อีกเหรอครับ”
“ในสายตากูไม่มีแต่สายตามึงไม่แน่”
“...”
“ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะแต่เคลียร์ตัวเองก่อนก็ดี”
“ผมว่าวันนี้พ่อดื่มเยอะไปนะ”
กลับถึงบ้านไฟยังเปิดอยู่เลยครับสงสัยแม่จะยังทำงานอยู่
“ทำไมยังไม่นอนอีก” น้ำเสียงห่วงใยเอ่ยก่อนจะเข้าไปสวมกอดแม่อย่างเช่นทุกครั้ง “ตีสองแล้วนะ”
“รู้ว่าตีสองแล้วทำไมเพิ่งมากันล่ะคะ”
“อ่า...เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่ง” ผมว่ายิ้ม ๆ แล้วเดินเลี่ยงเข้าห้องตัวเองทันที ปล่อยให้พ่อรับมือไปแทนครับ
อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ยังไม่นอน ง่วงแหละแต่นอนไม่หลับ ไถฟีดโซเชียลไปเรื่อยก่อนจะเห็นจุดสีเขียวของใครบางคนที่กำลังออนไลน์อยู่ แน่นอนว่าผมเข้าไปส่อง ในบัญชีการใช้งานของเธอเต็มไปด้วยเพลงเศร้าหรือบางทีก็คำพูดหม่น ๆ พวกรูปอะไรแบบนี้มีน้อยมากครับแต่ยอดกดถูกใจหลักพันเชียวนะ ไถฟีดดูไปเรื่อย ๆ ไม่เห็นมีไอ้หมอนั่นเลยครับ ไม่รู้ว่ามันถูกลบหรือไม่เคยลงแต่ทีแรก
“ยังไม่นอนอีก” ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่มือมันก็ส่งแชทไปแล้ว
[ยังค่ะ กำลังเขียนนิยายอยู่]
“ดึกขนาดนี้เนี่ยนะ”
[ปกติของหนู แล้วพี่ล่ะทำไมยังไม่นอนอีก]
“นอนไม่หลับ แล้วไอ้มิวมาหรือยัง”
[ยังค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหนโทรไปก็ไม่รับ] เห็นแบบนั้นผมจึงลองโทรหามันบ้างครับ สรุปไม่รับสายผมเหมือนกัน
“พี่ลองโทรแล้วไม่รับเหมือนกัน”
[ช่างเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวเขาคงมา]
บทสนทนาหยุดลงเพียงเท่านี้ก่อนที่จุดสีเขียวจะหายไป น้องคงไปนอนแล้วมั้งครับ เห็นแบบนั้นผมจึงปิดหน้าจอแล้ววางมือถือเพื่อจะเข้านอนเช่นกัน แต่แค่ไม่นานเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[พี่คนนั้นที่เราเจอในร้านสะดวกซื้อพี่ยังไม่ตอบหนูเลยนะคะ]
“เพื่อนน่ะ เรียนมาด้วยกัน”
[อ่อ]
“มีอะไรหรือเปล่า”
[เปล่าค่ะ แค่ถามเฉย ๆ เขาเป็นน้องสาวของพี่คนนั้นแต่ว่าเราไม่เคยคุยกันหรอกเพราะพี่เขาไม่ค่อยให้หนูรู้จักครอบครัวของเขาเลย]
“ดีแล้วอย่าไปอยากรู้จักพวกเขาเลย อะไรก็ตามที่ถูกปิดกั้นนั่นหมายความว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ของเรานะ”
[เข้าใจแล้วค่ะว่าแต่พี่สนิทกับเขามากไหม แล้วเขาสนิทกับพวกพี่ ๆ ด้วยหรือเปล่า เผื่อวันนึงเจอหน้ากันหนูจะได้ทำตัวถูก]
“เพื่อนร่วมชั้นเฉย ๆ ไม่ต้องห่วงไอ้มิวก็รู้ลองถามมันสิ”
[ถามให้ถูกดุเหรอคะหนูไม่เอาหูไปเสี่ยงแน่นอน]
“ฮ่า ๆ”
นานนับชั่วโมงที่เราคุยกันกระทั่งผมผล็อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นอีกทีฟ้าก็สว่างแล้วครับ หยิบมือถือขึ้นมาดูก็ยังคงค้างอยู่ที่แชทของเสียงเพลงซึ่งมันขึ้นว่าใช้งานเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ไม่รู้ว่าน้องออนค้างหรือเพิ่งนอนนะ
ครืด... ครืด...
เป็นไอ้มิวครับที่โทรกลับมา
“เออ”
(เมื่อคืนมึงไปส่งน้องกูเหรอ)
“เออ จุ้นมันไม่ได้เอารถมาไม่ต้องห่วงกูดูแลน้องมึงอย่างดี อ๋อแล้วกูก็เจอให้เหี้ยนั่นด้วยนะ”
(มันทำอะไรเสียงเพลงหรือเปล่า)
“เปล่า น้องมึงจัดการตัดขาดความสัมพันธ์เรียบร้อยละ”
(ยังไงวะ)
“ไปถามเอาเองแล้วนี่มึงอยู่ไหนโทรไปก็เสือกไม่รับ”
(อืม กำลังจะกลับแล้ว)
“นี่มึงยังไม่กลับบ้านอีกเหรอแล้วเสียงเพลงไปโรงเรียนยังไง”
(ก็นี่แหละที่โทรมาจะรบกวนมึงไง)
“กูว่ากูต้องได้คำตอบจากเรื่องนี้นะ”
(เออ ฝากด้วยขอบใจมาก) แล้วสายก็ถูกตัดไปเลยครับ
อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาเพียงฝันก็รออยู่ก่อนแล้ว
“ให้พี่ไปส่งเหรอคะ?” ตั้งคำถามพลางค้อนสายตาใส่คนตรงหน้าเล็กน้อย ถามว่ามีเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอกครับ
“ใช่ค่ะ แม่ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว”
“พ่อก็อยู่”
“ก็หนูอยากให้พี่ไปส่ง” น้ำเสียงใสเอ่ยก่อนจะเข้ามากอดผมเป็นเชิงอ้อน “ขอโทษนะคะที่พูดไม่ดีใส่”
“ถ้ามันเป็นเรื่องที่บอกไม่ได้ก็อย่าให้มีอีกครั้งแล้วกัน แล้วนี่ถูกเชิญผู้ปกครองหรือเปล่า”
“ค่ะ หนูบอกพ่อแล้วพรุ่งนี้เก้าโมงเช้า”
“แล้วถูกพ่อดุไหม”
“อือ ถูกงดค่าขนมด้วย”
“...” แสดงว่าเพียงฝันเริ่มก่อนอย่างที่เอ้บอกครับเพราะทุกครั้งที่พ่อทำโทษนั่นแปลว่ามีความผิด “เดี๋ยวพี่ต้องไปรับน้องไอ้มิวด้วยนะมันวานให้ไปส่งหน่อย”
“หืม...”
“อะไร? ไปขึ้นรถได้แล้ว”
“ค่ะ”
แค่เพียงไม่นานก็ถึงบ้านไอ้มิวครับแต่ว่าประตูปิด บ้านเงียบมากเลย ไม่แน่ใจว่าเสียงเพลงไปเองแล้วหรือว่ายังแต่งตัวไม่เสร็จ เห็นแบบนั้นผมจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทรออกผ่านโซเชียลแทน
(ค่ะ)
“ไอ้มิวให้มารับพี่รออยู่หน้าบ้านครับ”
(ค่ะ ๆ) น้ำเสียงลนลานเชียวครับสงสัยจะตื่นสายแต่ก็ไม่แปลกหรอกได้นอนกี่ชั่วโมงเอง
“ไม่บอกจริงเหรอว่ามีเรื่องอะไรกัน” วางสายจากเสียงเพลงผมก็หันมาตั้งคำถามกับคนข้าง ๆ ครับ
“เรื่องเขาใจผิดกันน่ะค่ะ แต่ว่าหนูผิดหนูเริ่มก่อน”
“กับใคร?”
“พี่มอหก”
“รู้ตัวว่าเป็นคนไม่ยอมใครต้องหัดควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้นะ”
“ก็มันตอแหลนี่”
“เพียงฝัน”
“เรื่องของหนูช่างเถอะ ว่าแต่พี่เคลียร์ตัวเองแล้วเหรอถึงมาวุ่นวายกับยัยนั่นน่ะ” เอ่ยถามผมก่อนจะหันไปทางเสียงเพลงที่กำลังเดินมาครับ
“ทำไมต้องเคลียร์ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่”
“แต่ก็เป็นคนแรกที่พี่โทรหา”
“...”
“ในบรรดาคนคุยของพี่หนูเห็นพี่เป็นฝ่ายรับสายอยู่ตลอดหรือแม้แต่หนูพี่ยังไม่โทรตามเลยค่ะ”
“พูดไปเรื่อย”
เพียงฝันไม่พูดอะไรออกมาอีกนอกจากเบะปากใส่ผมแล้วบทสนทนาก็หยุดลงเพียงเท่านี้เพราะเสียงเพลงมาซะก่อน
“สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอ” พลางยกมือไหว้ผมอย่างเช่นทุกครั้งก่อนจะหันไปมองเพียงฝันแวบหนึ่ง
“ไม่เป็นไรปกติพี่รอน้องสาวที่อาบน้ำห้านาทีแต่งตัวหนึ่งชั่วโมงบ่อย” ต้องกระแนะกระแหนครับ
“พี่ปั้น!”
“ฮ่า ๆ”
ระหว่างทางก็จะมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของเพียงฝันที่พูดคุยกับผม เหลือบมองคนที่นั่งเบาะหลังเงียบมากครับ คงทำตัวไม่ถูกสินะ
“เข้าโรงเรียนแล้วนะคะสวัสดีค่ะ” เพียงฝันเอ่ยก่อนจะหอมแก้มผมอย่างเช่นทุกครั้งจากนั้นก็ลงจากรถไปทันทีครับเหลือแต่เสียงเพลงที่กำลังจะลงเช่นกัน
“ขอบคุณนะคะ พี่มิวโทรกลับมาแล้วเห็นบอกว่าวันนี้จะกลับ”
“ครับ”
“ไปนะคะ สวัสดีค่ะ”
มองคนทั้งคู่ที่เดินตามกันไป เหมือนว่าเสียงเพลงจะไม่ค่อยกล้าคุยกับเพียงฝันนะ
ครืด... ครืด...
สายเรียกเข้าของเจนดังขึ้นทำให้ผมละสายตาจากเด็ก ๆ แล้วหันไปขับรถแทน ไม่ได้รับสายหรอกครับปล่อยไว้แบบนั้นแหละ
สายที่หนึ่ง สายที่สองและสายที่สามผมถึงกดรับ ปกติเจนไม่โทรซ้ำซ้อน ถ้าผมไม่รับก็ไม่โทรแล้วแต่วันนี้มาแปลก
“ว่าไง”
(ฮึก! ปั้นอยู่ไหนเหรอ)
“ขับรถอยู่”
(มาหาเราหน่อยได้ไหม)
“เราถึงที่ทำงานแล้ว แล้วเป็นอะไร”
(ทะเลาะกับพี่น่ะ)
“ไอ้คนเมื่อคืนน่ะเหรอ”
(อืม เขา...)
“เดี๋ยวก็ดีกันไม่ต้องร้องหรอก เย็นนี้เจอกันหน่อยนะ”
(อะ อืม) แล้วสายก็ถูกตัดไปครับ
ผมว่าบางทีผมนี่แหละที่ทำให้ชีวิตตัวเองวุ่นวายเกินไป ว่าแล้วนึกอยากอยู่เฉย ๆ เหมือนกันนะ มีเวลาเที่ยวมีเวลากินใช้ชีวิคนคนเดียวก็คงไม่แย่ขนาดนั้น แต่ทั้งหมดนี้เพื่อตัวเองนะครับ ไม่ได้เคลียร์ตัวเองเพื่อใครสักหน่อย กับเจนดูเหมือนจะเลยจุดเริ่มต้นมาเยอะคงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้