“เราเลิกกันเถอะ”
“ชอบมันแล้วดิถึงได้บอกเลิกผม”
“มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละ นายเลิกโทษคนอื่นแล้วย้อนมองตัวเองบ้างได้ไหม”
“ไม่ต้องหาเหตุผมมาอ้างหรอกใครมันจะไปดีเหมือนไอ้เวรนั่นของพี่ล่ะ”
“กำปั้น!”
“อยากเลิกนักก็จะเลิกให้ ที่ผ่านมาพี่เป็นฝ่ายอยากเลิกมาตลอดอยู่แล้วนี่”
แล้วทุกอย่างก็จบลงตามความต้องการของเธอ...
ผมกับเอิงเอยเราคบกันมาสามปีแล้วครับ ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเรียนอยู่มัธยมต้นนั่นแหละ เขาโตกว่าสองปี ระหว่างเราเป็นความสัมพันธ์เรื่อย ๆ ที่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเอยเป็นลูกของเพื่อนรักพ่อล่ะมั้งความสัมพันธ์ของเราจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ
“เป็นไรของมึงวะ หงุดหงิดอะไรอีก” ไอ้เคมีเอ่ย
“เป็นคนโสด”
“อย่างมึงเนี่ยนะโสด เดี๋ยวพี่เอิงเอยคนสวยได้ยินก็โกรธอีกหรอก”
“โกรธอะไร กูก็โสดตามความต้องการของเขาแล้วไง”
...: เชี่ย!
“กูจะรอดูว่าครั้งนี้จะเลิกได้สักกี่วัน”
“ไอ้จุ้น มึงช่วยพูดอะไรที่มันเข้าหูหน่อยได้ไหม”
“เชี่ยมิว! กูชื่อจุ้นห่าวมึงช่วยเรียกให้มันดี ๆ หน่อยได้ไหม”
“ฮ่า ๆ เออ”
ไม่แปลกหรอกที่เพื่อนจะพูดแบบนั้นเพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันผมจะเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกเสมอและก็เป็นฝ่ายยอมมาตลอด แต่ครั้งนี้ต่างออกไปตรงที่ผมเหนื่อย ... เหนื่อยที่จะตาม ตามทั้งที่บางครั้งผมไม่ผิด
หลายวันผ่านไป
เป็นหลายวันที่เอาแต่เก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใครจนถูกจับสังเกตได้
“อกหักเหรอคะ?” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงหนุนตักผมอย่างเช่นทุกครั้ง
“ใช่ค่ะ”
“หืม...” ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวถึงกับลุกขึ้นนั่งทันที “พี่เลิกกับพี่เอิงแล้วเหรอ”
“อืม”
“เย้! ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง” เสียงร้องดีใจดังขึ้นก่อนจะฉีกยิ้มกว้างมาให้ผม “หนูรอนานมากกว่าจะถึงวันนี้และยังยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่ชอบขี้หน้า!” แต่ไหนแต่ไรเพียงฝันไม่เคยสนับสนุนให้ผมกับเอยคบกันอยู่ก่อนแล้วครับ เช่นเดียวกันกับพ่อนั่นแหละแต่เหตุผลต่างกันแค่นั้นเอง “คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด! คิดว่าเป็นนางฟ้าเหรอคนอื่นถึงต้องคอยปรนนิบัติให้ ไม่ใช่สิ! นางฟ้าเขาต้องใจดีและเมตตาคนอื่นแต่นี่อะไร”
“พูดมากเกินไปแล้วมั้ง” ผมว่าพลางยื่นมือไปจับแก้มยุ้ย ๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยว ที่เพียงฝันพูดผมไม่โกรธหรอกครับ น้องก็พูดไปตามสิ่งที่ตัวเองเห็นนั่นแหละ
“อย่าเสียใจไปเลยค่ะ ในโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่พี่เอิงหรอกที่พี่คิดจะรัก” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วยังคงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ไปแต่งตัวหล่อ ๆ ค่ะแล้วก็พาหนูไปกินไอศกรีมด้วย”
“เดี๋ยวนะ พี่ว่ามันฟังดูแปลก ๆ ก่อนหน้าเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้นี่”
“ก็...คิกคิก”
หลังจากได้คำปลอบใจไร้ซึ่งความปราณีจากน้องแล้วผมก็พาเจ้าตัวออกมากินไอศกรีมตามที่ต้องการครับ ปกติก็พามาประจำนั่นแหละ ผู้หญิงที่ผมยอมรองจากแม่ก็คือเพียงฝัน นอกเหนือจากนี้ยังไม่เจอครับ
พ่อสอนเสมอว่าคบใครอย่าไปเปลี่ยนเขาแต่ให้เราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาแทน ที่ผ่านมาผมทำแบบนั้นมาตลอดแต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่เคยได้เข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาเลยสักครั้งเดียว
“พี่เลิกกับพี่เอิงทำไมเหรอคะ” คำถามของเพียงฝันทำให้ผมเลิกคิดเรื่องไร้สาระแล้วหันมาสนใจเจ้าตัวอีกครั้ง
“เรื่องเดิม ๆ ก็เขาอยากเลิกพี่ก็เลิกให้”
“หนูหวังว่าคราวนี้พี่จะเลิกได้จริง ๆ นะคะ” น้องพูดกับผมก็จริงแต่กลับเสมอสายตาไปอีกด้านหนึ่ง ผมจึงมองตามบ้าง... “คนนี้แหละพี่แชมป์” เพียงฝันพยายามบอกผมมาตลอด ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อน้องนะ แค่ยังไม่เคยเห็นกับตาเท่านั้นเอง “ห้ามไปต่อยเขานะคะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีค่าถึงขนาดที่พี่ต้องรัวกำปั้นใส่หรอก”
“...” ผมยังคงเงียบแล้วมองตามคนทั้งคู่ที่กำลังจูงมือกันผ่านหน้าไป
ถึงตอนนี้เข้าใจแล้วครับ ผมคงไม่ต้องตามหาเหตุผลของการเลิกราในครั้งนี้อีกแล้วล่ะ
“ดื่มไหมคะ? เดี๋ยวหนูอยู่เป็นเพื่อนเอง”
“ไม่ค่ะ พรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียน” ผมว่าพลางยื่นมือไปลูบศีรษะน้องอย่างนึกเอ็นดู ทุกครั้งที่ทะเลาะกันก็มีแต่เพียงฝันนี่แหละที่อยู่เป็นเพื่อนเพื่อที่ว่ากลับบ้านไปผมจะได้ไม่โดนพ่อหรือแม่ด่า เพราะทุกครั้งที่ดื่มไม่กลับบ้านดึกก็เช้ามืดนั่นแหละ
“พี่โอเคแน่นะคะ”
“แน่ครับ”
รักครั้งแรกมันอาจจะลืมยากแต่เชื่อสิว่ามันลืมได้ครับ
ออกจากร้านไอศกรีมผมก็พายัยตัวแสบเดินซื้อของใช้ตามปกติ แต่ไม่รู้จะเรียกว่าบังเอิญได้ไหมที่ดันเจอใครบางคนตรงโซนนี้เช่นกัน
“กะ กำปั้น”
“ใครเหรอ?” ไอ้เวรที่มาด้วยเอ่ยถามขึ้น แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสนใจเท่าสองมือที่กำลังผสานกันอยู่หรอก
“รุ่นน้องน่ะค่ะ”
“อ๋อ...” ขานรับอย่างเข้าใจแล้วหันไปเลือกของใช้ต่อโดยไม่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ ดูท่าทางแล้วมันจะเชื่อใจเอยมากเลยนะ หรือบางทีอาจจะลึกซึ้งมากกว่าผมก็ได้ แต่ช่างเถอะเพราะถึงยังไงก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ต่อให้หวงก็ต้องทำเฉยครับ
“เราไปทางอื่นกันดีกว่าค่ะ” เพียงฝันพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบก่อนจะรั้งแขนผมให้เดินไปจากตรงนี้ แต่เดินไปไม่ไกลก็ถูกรั้งไว้อีกครั้ง
หมับ!
“หวังว่านายจะไม่ทำให้พี่เสียหายหรอกนะ”
“...”
“เสียหายอะไรไปเพ้อเจ้อไกล ๆ ค่ะ เลิกกันแล้วพี่จะควงใครก็เรื่องของพี่ ไม่ต้องห่วงครั้งนี้พี่ชายหนูไม่ตามตื้อพี่อีกแล้วแน่นอน” เพียงฝันร่ายประโยคยาว ๆ ออกมาโดยไม่เปิดโอกาสให้เอยได้พูดอะไรออกมาอีก “ขอตัวก่อนนะคะพอดีมีธุระต่อ”
มาถึงลานจอดรถเจ้าตัวถึงกับกอดอกหน้ามุ่ยเชียวครับ
“ตกลงพี่หรือหนูกันแน่ที่ต้องเครียด” ผมว่ายิ้ม ๆ
“หนูไม่ชอบเลย! ถ้าคราวนี้พี่ยังกลับไปง้อเขาอีกหนูจะเอาเขาควายมาใส่หัวพี่ไว้แทน” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยก่อนจะมองหน้าผมเขม็ง “แต่เขาก็เป็นรักแรกของพี่ แต่ก็ เฮ้อ...”
“ฮ่า ๆ เรานี่นะจริง ๆ เลย” ไอ้เครียดก็เครียดแหละแต่มันก็อดยิ้มให้กับท่าทีของคนตรงหน้าไม่ได้เลย “พี่จะเข้าสนามจะไปด้วยกันไหม”
“มีใครอยู่บ้างคะ พี่จุ้นห่าวอยู่ด้วยหรือเปล่า”
“อยู่กันหมดนั่นแหละ”
“งั้นไปค่ะ” จุ้นห่าวมันเป็นเพื่อนในกลุ่มผมเองแหละ เป็นสาวหล่อที่เพียงฝันชอบกวนประสาท ไม่สิ! มันเองก็ชอบกวนน้องผมเหมือนกัน
กิจวัตรประจำวันของผมวนเวียนอยู่กับรถครับ ไม่ลงสนามก็รื้อนั่นแต่งนี่ไปตามประสา
“ฝนจะแล้งไหมเนี่ยมึงเข้าสนามในรอบสามเดือน” มาถึงปากหมา ๆ ของไอ้เคมีก็ทำงานทันทีครับ
“ต่อไปอาจจะไม่ได้เข้ามาแล้วก็ได้”
“ทำไมวะ นี่มึงอกหักจนสมองเพี้ยนไปแล้วเหรอ”
“กูฝึกงานครับ” เราเรียนคนละสายกันครับทั้งกลุ่มมีไอ้เคมีคนเดียวที่เรียนสายสามัญ จบมัธยมปลายแล้วก็รอเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียว ต่างจากพวกผมที่เรียนสายอาชีพ
“โทษทีกูลืมนึกไป”
ระหว่างนี้ก็พูดคุยกันไปเรื่อยอย่างเช่นทุกวันจนไอ้มิวสิคตั้งคำถามแทงใจขึ้นมา
“มึงเลิกกับพี่เอยแล้วเหรอกูเห็นเขาขึ้นสถานะเปิดตัวกับใครในโซเชียลเนี่ย” ไม่พูดเปล่ามันยังหันจอมือถือมาให้ผมดูอีกด้วย
“เลิกแล้ว”
“ทำไมวะ”
“ก็ตามนั้น” ตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนักทั้งที่ในใจร้อนรนจนแทบจะทนไม่ไหว แต่อีกความรู้สึกหนึ่งมันก็เหนื่อยเกินกว่าจะรั้งไว้แล้ว “เราลากันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้คงเป็นการลากันจริง ๆ แล้วล่ะ”
“เอาน่า... คนที่มึงจะรักคงไม่ได้มีแค่พี่เอยคนเดียวหรอก”
“พูดเหมือนน้องกูเลย”
“ฮ่า ๆ ก็มันเรื่องจริง ออกจากสนามไปมึงอาจจะเจอสาวน้อยที่ถูกตาถูกใจก็ได้ใครจะไปรู้” มันว่าพลางกอดคอเป็นการให้กำลังใจผม “สิ่งที่มึงควรทำมากที่สุดคือการปล่อยเขาไป ให้เกียรติเขาด้วยการไม่ยุ่งวุ่นวายกับเขาอีก แล้วมึงก็กลับมารักตัวเอง แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้วเว้ย”
“ใช่ค่ะ! หนูเห็นด้วย” ไม่รู้ว่าเพียงฝันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แน่ ๆ คงได้ยินทุกอย่างหมดแล้วแถมยังฉีกยิ้มที่โคตรจะสดใสให้ผมอีกครับ
สองทุ่มผมมาส่งน้องที่บ้านก่อนแล้วพาตัวเองมาสิงกันอยู่ที่บ้านไอ้มิวแทน
“วันอะไรวะมีแต่คนอกหัก”
“ใครอกหักอีกวะ กูเห็นมีแค่ไอ้ปั้นคนเดียว” แก้มใสเอ่ย มันเป็นลูกของลุงกายเพื่อนสนิทของพ่อผมอีกนั่นแหละ แล้วก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มด้วย
“น้องสาวกูไง ร้องไห้มาสามวันแล้ว”
“มึงก็ปล่อยน้องร้องอยู่ได้ไปเรียกมาซิกูจัดการเอง”
“ทำไม? มึงจะเรียกมาร้องคู่กับไอ้ปั้นเหรอ”
“เออ”
...: ฮ่า ๆ
กวนส้นตีนกันจริง ๆ เลย ผมเหรอจะร้องไห้ ผู้หญิงที่พร้อมจะเสียน้ำตาให้มีแค่แม่เท่านั้นแหละ
“เรื่องของน้องกูช่างมันเถอะ ว่าแต่มึงเถอะไอ้ปั้นทำไมดูไม่เสียใจเลยวะ”
“กูดูเฉยขนาดนั้นเลยเหรอ”
“...”
“กูขอตอบในฐานะผู้หญิง มึงดูชิวมากอะ อยากเลิกก็เลิกสิ สบาย ๆ เหมือนไม่แคร์อะไรเลย” ไอ้แก้มตอบเมื่อเห็นไอ้มิวเงียบไป
“คนมันจะไปมึงจะให้กูรั้งอะไรล่ะ”
“ต้องมีสักคนแหละที่มึงคิดจะรั้ง แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่พี่เอิงเอยคนสวยแน่นอน”
“...”