4. ดื้อดึง

1195 คำ
วิรัศยานอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียงใหญ่ตามลำพัง ร่างกายของเธอร้าวระบมเจ็บปวดจากการกระทำที่แสนป่าเถื่อนของคนคนนั้น ปากอิ่มเริ่มบวมเป่งเนื่องจากมีบาดแผลในช่องปาก ก้อนเนื้ออกอวบปวดหนึบระบมทั้งสองเต้าขาวที่เกิดจากแรงแรงบีบเค้น เจ็บแปลบที่กลางใจสาวยามเธอขยับตัวจนต้องนอนในท่าเดิมนิ่ง ๆ จุกเสียดไปทั่วทั้งช่องท้องอันเกิดจากการโดนความใหญ่โตถาโถมเข้าใส่เป็นเวลานาน เธอร่ำไห้เสียใจเนิ่นนานจนในที่สุดก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจอย่างที่สุด “ตื่นได้แล้ว! นอนอะไรนักหนา” เสียงตะคอกดังของภูผาทำให้เด็กสาวที่กำลังหลับไหลสะดุ้งตื่นขึ้นโดยทันที มือหนาตรงเข้าจับชายผ้าห่มที่คลุมกายเล็กเปลือยเปล่าแล้วกระชากออกด้วยความแรงเพื่อที่จะให้คนที่สะลึมสะลือได้ตื่นเต็มตา “อ๊ะ!” วิรัศยาร้องอุทานเพราะรู้สึกเย็นวาบที่ลำตัวเมื่อผ้าห่มลอยพ้นร่างไป เธอรีบตะเกียกตะกายยันตัวลุกขึ้นนั่งยกมือขึ้นปิดอกอวบทันทีเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาคมกริบของคนตัวใหญ่ที่ยืนขมึงทึงอยู่ข้างเตียง แต่มือน้อยของเธอก็ไม่สามารถปกปิดอกอวบได้ทั้งหมด มันปิดได้เพียงแค่ยอดถันเท่านั้น “นี่เธอยังไม่ได้ลุกอาบน้ำอีกเหรอ? นอนแก้ผ้าแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายต้องลำบากฉันอีก” ภูผาเอ่ยต่อว่าคนตัวเล็กเสียงดุ สายตาคมพลางหลุบมองยังตำแหน่งมือน้อยที่กำลังพยายามปกปิดอกเปล่าเปลือยอยู่ “คุณเข้ามาทำไม ออกไปเลยนะ!” วิรัศยาตะโกนไล่เขาเสียงดัง ความหวาดกลัวทำให้เธอลืมไปว่าห้องที่เธออยู่นี้เป็นของใครกันแน่ ดวงตากลมสั่นไหวระริกในตอนที่มองหน้าคนตัวโต พลันในหัวฉายภาพที่เขาทำกับเธอเมื่อสองชั่วโมงก่อนจนทำให้เธอต้องรีบยันเท้าส่งร่างถอยหลังหนีห่างร่างสูงอัตโนมัติ “ก็นี่มันห้องฉัน ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้” ภูผาพูดกับเธอแต่สายตาคมยังไม่เลื่อนไปจากเนินอกอิ่มของหญิงสาว เขายังคงจ้องเนินเนื้อขาวที่มีรอยช้ำสีแดงเป็นดวง ๆ ที่เกิดจากฝีปากเขา ยิ่งมองยิ่งพานให้ลำท่อนกระตุกขยายตัวขึ้นอยู่ภายใต้กางเกง ความเสียวซาบซ่านตอนที่เข้าไปในโพรงนุ่มแฉะยังคงตราตรึงในความรู้สึกและมันก็ทำให้ตัวตนแข็งขืนขึ้นจนอัดตัวแน่นอยู่ในร่มผ้าแล้วตอนนี้ “....” คนตัวเล็กนั่งเม้มปากไม่ต่อล้อต่อเถียงกับคนใจร้าย ขยับขาเบียดเข้าหากันแน่นเพื่อปกปิดจุดสงวนให้รอดพ้นสายตาคมที่เริ่มจะมีแววราคะเกิดขึ้น “ลุกไปอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าว” ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วพูดออกมาเสียงเรียบ พยายามตัดใจกับร่างเปล่าเปลือยที่กำลังยั่วยวนอารมณ์สวาทเขา โดยที่เด็กสาวไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าร่างกายสวยงามของเธอนั้นปลุกความเป็นชายของเขาตื่นขึ้นมาพร้อมรบเรียบร้อยแล้ว “หนูไม่หิว หนูไม่กิน” วิรัศยาเสียงใส่เขาเสียงแข็ง นัยน์ตาสวยหลุบมองผ้าห่มที่กองอยู่ที่เท้าใหญ่ อยากจะได้มันมาปิดร่างเปลือยของตัวเองใจจะขาด แต่ถ้าเธอขยับไปหยิบก็จะเปิดเผยเรือนร่างเปลือยไปมากกว่านี้ “อย่าดื้อ ลุกไปอาบน้ำ จะไปเองรึว่าจะให้ฉันลากไป” ภูผาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามกลั้นความโมโหเอาไว้เมื่อคนบนเตียงเอาแต่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามคำพูดของเขา “....” สิ้นคำพูดของภูผาก็มีแต่ความเงียบงันเพราะเด็กสาวที่เขาพูดด้วยเอาแต่นั่งเม้มปากแน่นหลุบสายมองยังพื้นที่นอนซึ่งมีคราบน้ำรักขาวขุ่นและคราบเลือดแห่งความสาวแห้งกรังติดอยู่ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาเมื่อวิรัศยายังไม่ยอมขยับแม้ว่าเขาจะพ่นคำขู่ ร่างสูงเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่พาดไว้บนโซฟายาวมุมห้อง จากนั้นเดินกลับมาหาคนตัวเล็กที่กำลังจ้องมองการเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าวอย่างระมัดระวังตัว แล้วใบหน้าเล็กก็ต้องเหยเกเพราะเจ็บหนึบที่ต้นแขนเมื่อมือหนาเอื้อมจับก่อนจะออกแรงดึงจนคนตัวเล็กเสียหลักเกือบหน้าคะมำ เขาทำราวกับว่าตั้งใจจะลากเธอไปอาบน้ำจริง ๆ “โอ๊ย! หนูเจ็บนะ” วิรัศยาร้องบอกแก่ผู้ที่กระทำเธอโดยมือน้อยได้ผละออกมาจากยอดอกอิ่มเพื่อพยายามแกะมือแข็งที่จับแขนของเธออยู่ ทันทีที่อกเปลือยหลุดออกจากมือจนเป็นอิสระ ก้อนเนื้อใหญ่สองก้อนก็กระเพื่อมสั่นไหวตามแรงดิ้นดึงดันของผู้เป็นเจ้าของ “ถ้าไปดี ๆ ตั้งแต่แรกก็ไม่เจ็บตัวหรอก หรือว่าที่โอ้เอ้อยู่นี่อยากให้ฉันไปอาบด้วย?” ชายหนุ่มดึงต้นแขนนุ่มขึ้นเพื่อให้เด็กสาวได้เข้ามาใกล้ในตอนที่เอ่ยถาม สายตาคมมองไปยังใบหน้าเล็กที่กำลังทำสีหน้าเจ็บปวดเพราะแรงบีบของมือหนาอย่างพึงพอใจที่สามารถทำให้หญิงสาวเจ็บปวดได้ แต่แล้วสายตาก็หลุบไปมองสิ่งที่น่าสนใจกว่าใบหน้าสวยนั่นก็คืออกอวบอิ่มที่โยกคลอนขึ้นลงตามจังหวะหอบหายใจของเจ้าตัว คนตัวโตฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้เจอของที่อยากกินมากกว่าข้าวเย็น อึก! “หนะ..หนูอาบเองได้” เมื่อเห็นภูผามองตัวเองด้วยท่าทางกระหายอยากแบบนั้น วิรัศยาก็ชักจะเริ่มใจไม่ดี เธอโตพอที่จะรู้ว่าลักษณะที่คนตรงแสดงอยู่นั้นเขากำลังรู้สึกอย่างไร เธอเอ่ยคำพูดออกมาเร็วก่อนจะรีบดึงเสื้อคลุมจากมือหนามาแล้วรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ทันได้หาอะไรปิดร่างขาวโพลนของตัวเอง เธอไม่รู้เลยว่าคนด้านหลังนั้นกำลังมองรูปร่างทรงนาฬิกาทรายด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์กระสันเต็มเปี่ยม เมื่อวิรัศยาอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอมาหยุดยืนเช็ดตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ มือน้อยค่อย ๆ จับผ้าขนหนูซับหยดน้ำบนร่างกายที่เต็มรอยแดงช้ำ ดวงตาไหวระริกเมื่อเห็นภาพบอบช้ำของตัวเองผ่านกระจกเงา ผิวเนียนนุ่มของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยการกระทำของคนป่าเถื่อน มองลงไปกลางกายก็พบว่ากลีบอูมขาวกลายเป็นสีแดงบวมเปล่งอย่างเห็นได้ชัด พลันในหัวฉายภาพเหตุการณ์ที่แสนเลวร้ายเมื่อตอนกลางวัน น้ำตาสีใสก็ทะลักไหลออกมาอาบสองแก้มโดยทันที ร่างบางก้มหน้าร้องสะอึกสะอื้นจนตัวโยนโดยมีผ้าขนหนูผืนใหญ่คอยรองรับน้ำตาแห่งความชอกช้ำ .................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม