นาร์ซิสซัสคลับ เป็นไนต์คลับสุดหรูมีระดับ ที่เปิดให้บริการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่ผสมผสานความลงตัวของดนตรีหลากแนว ที่แบ่งเป็นโซนให้แขกได้เลือกรับบริการ
มนัสชายหนุ่มรูปหล่อใบหน้าคมเข้มผิวขาวอย่างไทยแท้ เจ้าของครึ่งหนึ่งของสถานบันเทิงชื่อดังแห่งนี้ เดินกลับไปกลับมาเหมือนหนูติดจั่น นาฬิกาบนข้อมือราคาแพงถูกยกมองอยู่หลายครั้ง เกือบชั่วโมงกว่า
“ไหนบอกว่าขึ้นรถมาแล้วทำไมป่านนี้ยังมาไม่ถึงนะ...” ชายหนุ่มเปรยกับตัวเองเบาๆ เหมือนย้ำให้รู้ว่าอีกคนได้บอกเขามาแบบนั้น ครั้นจะไม่สนใจ รอให้อีกฝ่ายมาถึงอย่างใจเย็นก็ใช่ที่...
มนัสเริ่มสอดส่ายมองผ่านแขกที่กำลังเดินจับกลุ่มเข้ามา เวลาผ่านไปจนรู้สึกร้อนใจ ดึงมือถือกดโทร. เพื่อสอบถามให้แน่ใจอีกครั้งโดยสายตาก็สอดส่ายไปตามเส้นทางเข้าออก เผื่อจะมีคนที่เขารออยู่ปะปนมาให้เห็น หากแต่หมายเลขที่จำขึ้นใจยังไม่ได้กดออก มีบางอย่างทำให้เขาละสายตาจากกลุ่มคนที่เดินพลุกพล่านหันขวับมองด้านหลัง
“อ้าว มาแล้วหรอ” ใบหน้าที่มีแววกังวลก่อนหน้า ยิ้มกว้าง พร้อมเท้าก้าวไปข้างหน้า เพื่อต้องการซักถามให้ถนัดขึ้น หากแต่ก็หยุดชะงัก ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มอย่างดีใจค่อยๆหุบลง
สภาพสาวสวยตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับคนสมบุกสมบันผ่านมรสุมพายุมาสดๆร้อนๆ...“แล้วทำไม มาสภาพแบบนี้ล่ะ” ความสงสัยทำให้มนัส ชี้ไปยังเส้นผมที่หลุดลุ่ยจากที่เกล้ายกสูงเป็นหางม้าไว้เป็นการยืนยันว่าเขาดูไม่ผิด
“เฮ้อ อย่าให้พูดเลยค่ะวันนี้ไม่รู้เป็นไงซวยตั้งแต่เช้าจนดึก” เธอบอกน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ทำไม มีอะไรอีก” มนัสถามกลับอย่างเคยชิน แต่ครั้งนี้ดูรติกาลจะโดนหนักถึงขั้นต้องหาที่ลี้ภัย
“เหมือนเดิมเรื่องเงินกาลไม่มีก็ยังจะเอาให้ได้แล้วจะไปหาที่ไหนได้” น้ำ เสียงเต็มไปด้วยความหนักใจเมื่อบอกถึงปัญหาที่เธอพบเจอเกือบทุกเดือนของญาติห่างๆ ที่คอยแต่รีดไถเงินจากเธอ โดยเอาบุญคุณมาอ้างจนเธออ่อนใจ
‘ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่พ่อแม่แกเสีย หมดเงินไปเท่าไหร่ ตอนนี้แกโตทำงานเองได้ก็อย่าลืมตัวเพราะคนที่เนรคุณคนทำงานอะไรก็ไม่เจริญหรอก’ น้ำเสียงแดกดันส่งผ่านตามสายคนฟังอย่างรติกาลได้แต่ถอดถอนหายใจเพราะไม่ใช่ความคิดของเธอที่จะอกตัญญูญาติที่ยังหลงเหลืออยู่ แม้จะเลี้ยงดูเธอในระยะสั้นๆ ก็ตาม
‘ป้า หากกาลมีเงินก็ให้ป้าอยู่แล้ว ตอนนี้หนูยังไม่มีจริงๆ’ คำพูดสัจจริงที่เธอกระทำ
มนัสรู้ดีว่ารติกาล จริงจังกับชีวิตแค่ไหน เขาจึงยื่นมือเข้าช่วย “งานเขียนเป็นไง หากยังไงทำควบคู่กับงานประจำสิ พี่ยินดีรับเข้าทำงาน” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและจริงใจ เรียกความรู้สึกที่อยู่ในห้วงภวังค์ หันมาสบตาพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ ไม่ว่างานอะไรก็มีปัญหากันทั้งนั้น...
“อืม แล้วเรื่องอะไรอีกที่ว่าเช้ายันดึก ก็ยังซวย”
“เอ่อ...ก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะ แท็กซี่ไล่ลงกลางทาง แล้วมาต่อมอไซค์บอกว่ามาทางลัด เล่นเอาผมเผ้ายุ่งเหยิงกระดูกกระเดี้ยวเกือบหักยิ่งกว่าทางวิบาก” น้ำเสียงขยาด พร้อมสีหน้ายู่ยี่ยืนยัน โดยข้ามเรื่องบางเรื่องไป
“อะไรนะ”
“อืม ได้ยินไม่ผิด” รติกาลยืนยันน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“แย่”
“....” รติกาลรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เหตุการณ์ก็ผ่านมาได้ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น แต่ก็อดนึกถึงชายหนุ่มหน้าลูกครึ่งไม่ได้ หากตอนนี้เธอหนีมาไม่ได้อะไรจะเกิดขึ้น...
ใบหน้าคมเข้มบูดบึ้งเหมือนเด็กโดนขัดใจ คันเร่งถูกระบายด้วยอารมณ์คุกรุ่น ความเร็ววิ่งโฉบเฉี่ยวตลอดเส้นทาง ปนัชดาได้แต่กดความหวาดเสียวจนตัวเกร็ง หากแต่ไม่กล้าเอ่ยห้าม เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายลืมเธอไปแล้วหรือยังว่านั่งอยู่ในรถด้วยอีกคน
รถเบนต์คันหรูเบนเข้าช่องทางแคบๆ ด้านหน้ามีแสงไปสลัว สายตากลมใสสอดส่ายมองไปยังเบื้องหน้า อาคารสูงที่มีป้ายขนาดใหญ่เขียนเด่นชัดให้คนที่ผ่านไปมาได้รู้ ‘นาร์ซิสซัสคลับ’
“ถึงแล้วหรือคะ” ปนัชดายิ้มน้อยๆ รู้สึกโล่งและรู้สึกตื่นเต้นในคราเดียว เอ่ยถามเมื่อรถจอดสนิทนิ่ง
“อะ ครับ” เสียงทุ้มออกทื่อๆ เอ่ยรับ เหมือนนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าเขาได้ทำอะไรลงไป
“....” ปนัชดาไหวไหล่ยิ้มหวาน เหมือนบอกให้รู้ว่าเธอไม่เป็นไร ใบหน้าคมเข้มจึงยิ้มกว้างไหวไหล่ตอบกลับไปเช่นกัน‘เขาลืม’ไปแล้วว่ามีหญิงสาวติดรถมาด้วย
เฮริคขยับลงจากรถก่อนจะรีบสลัดภาพผู้หญิงกวนอารมณ์นั้นทิ้ง แล้วทำหน้าที่สุภาพบุรุษโดยเปิดประตูให้สาวสวย
“ขอบคุณค่ะ”
แสงสีแปลกตาการแสดงและเพลงเริ่มดังกึกก้อง เฮริคนำปนัชดาไปยังอีกฝั่ง มองกิริยาท่าทางไม่ได้เจนจัดเรื่องการเที่ยวกลางคืนอย่างสาวอื่นๆ ที่เขาเคยควง
มุมปากหนาคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะกวาดสายตามองหาที่ว่าง แล้วปะทะกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เขาจำได้ดี คนหนึ่งเพื่อนรักแต่อีกคนที่เขาไม่คิดไม่ถึง
...หล่อนมาได้อย่างไร
และตอนนี้เฮริคสังเกตได้ว่าเหมือนคู่กรณีของเขาจะถูกเชิญตัวไปที่ไหนสักแห่ง เมื่อเพื่อนรักกำลังปล่อยไป โดยมีพนักงานในร้านเป็นคนนำทาง
‘หึ แล้วเธอจะรู้ว่าคนอย่างเฮริคกัดไม่ปล่อย’ เขาคิดอย่างหมายมาด
“จะเลือกมุมไหนดีครับ” เฮริคหันมาสนใจคู่ควงของตน แต่สายตายังไม่ละจากการสนทนาของคนสองคนที่อยู่อีกมุมเสียทีเดียว
“คะ... เอ่อดานั่งได้ทั้งนั้น” เสียงหวานเอ่ยตอบ ส่งยิ้มอ่อนหวานให้ ก่อนจะหันไปสนใจสิ่งรอบข้างอีกครั้ง
ภาพตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่น้อยครั้งจะได้เที่ยวสถานที่แบบนี้ ทำให้เธอเกือบไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มรูปงามที่เธอควงมาจะสนใจอะไรมากกว่าตัวเธอหรือไม่...