EP.12

1166 คำ
      ใบหน้าของหญิงสาวแสนสวยสะท้อนออกมาจากกระจกบานใหญ่นั้นทำให้ทิวลิปไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตักในจังหวะสม่ำเสมอแต่ว่ามั่นคงนัก เสียงด่าทอของพี่สาวกับพี่เขย เสียงทะเลาะเบาะแว้งของญาติข้างบ้าน จนเสียงตะโกนร้องด่าแสนจะรำคาญของญาติอีกฝั่งที่พี่สาวและพี่เขยเธอทะเลาะกันเสียงดัง ทั้งหมดนั้นไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทนี้เลยสักนิด เพราะตลอดเวลาขับรถจากสำโรงเหนือจนมาถึงมีนบุรี ในหัวสมองเธอมีแต่เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของเขาเท่านั้น          สัมผัสอุ่นวาบยามปลายนิ้วของเขาบรรจงแต่งแต้มไล้เครื่องสำอางลงบนใบหน้าของเธอ ไม่ว่าจะลงรองพื้นบางเบา ตามมาด้วยตบแป้งฝุ่นเพียงเล็กน้อย ทาอายแชโดว์ชนิดครีมสีอ่อนลงบนเปลือกตาของเธอ กรีดอายไลเนอร์เส้นบางๆ ปัดมาสคาร่า ปัดคิ้ว ปัดบลัชออน จนกระทั่งถึงขั้นตอนที่เรียกเสียงหัวใจตื่นตูมเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่า ‘เขาอาจได้ยิน’ ยามที่เขาบรรจงกดซับลิปสติคสีชมพูกะปิลงบนเรียวปากของเธอ ช่างสร้างจินตนาการกระเจิดกระเจิงซะมากมาย จนเธอไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง          ‘เสร็จแล้วครับ สวยมาก ดูสิครับ’          เสียงทุ้มนุ่มๆ ของเขาละไล้อยู่ข้างๆ ใบหู จนเธอไม่อยากจะลืมตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะกลัวว่าทั้งหมดนั่นจะกลายเป็นแค่ความฝัน แต่ไม่ใช่ ทั้งหมดนั่นเป็นความจริง เพราะลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดอยู่ข้างๆ แก้ม บอกว่าร่างกายแข็งแกร่งตรงหน้านี้มีเลือดเนื้อ และเธอเองก็มีหัวใจเต้นตึกตักๆ ราวกับจะไปออกรบ          ‘คุณทิวลิปมีผิวที่สวยอยู่แล้ว อย่าลงรองพื้นหนาๆ เลยนะครับ ลงบางๆ แบบนี้ให้เห็นผิวเปลือยบ้างดูสดชื่นมากกว่า และอายไลเนอร์นี่ก็กรีดแต่เพียงเส้นบางๆ ก็พอ ไม่จำเป็นต้องให้ยาวให้หนาตามสมัยหรอกครับ รูปตาของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนก็สวยมากอยู่แล้วแต่งเพียงนิดหรือไม่แต่งเลยก็ได้ ปัดคิ้วบางๆ ให้เข้ารูป ปัดแก้มสีนี้ดูมีสุขภาพดี แต่จริงๆ แล้วตอนนี้ไม่ปัดก็ได้นะครับ’          “เขาหมายความว่าอะไรนะ เพราะเราอายจนหน้าแดงใช่มั้ย” ทิวลิปแตะนิ้วมือสัมผัสสองแก้มของตัวเองไปมา แม้ในขณะนี้แค่เพียงคิดถึงเขา สีชมพูระเรื่อยังปรากฏจนมองเห็นได้ชัด และตอนนั้นล่ะ ตอนที่อยู่ใกล้ชิดกันแบบนั้น เขาจะไม่เห็นหรือไง ‘แล้วลิปสติคนี่ เวลาทาใช้แบบกดๆ ลงแบบนี้จะทำให้ดูเหมือนไม่ตั้งใจ แต่จะทำให้ริมฝีปากมีมิติมากกว่า เวลาลงลิปกลอสทับก็จะดูน่ารัก ดูอิ่มเอิบนะครับ’          “อืม... ใช่ มันดูอิ่มเอิบ ดูน่าจูจุ๊บมากๆ เลยอ่ะ”          แค่คำว่า ‘อิ่มเอิบ’ ของเขา ทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะเม้มริมฝีปากเข้าหากัน คงได้แต่ทำปากเจ่อๆ เพราะกลัวลิปสติคจะลบจนถึงป่านนี้          ก๊อก ก๊อก ก๊อก...          สุดท้ายเธอก็ต้องตื่นจากภวังค์ทั้งที่ไม่อยากจะตื่นเลยสักนิด แต่หากไม่ลุกไปเปิดก็คงมีหวังเหมือนเมื่อเช้านี้ ดีไม่ดีประตูอาจจะหลุดออกมาซะก่อนเพราะโดนกระแทกอยู่ทุกวัน          “มีอะไรเจ้” พี่สาวที่ยืนอยู่หน้าห้องทำให้เธอเอ่ยทักอย่างแกนๆ เพราะไม่อยากถูกรบกวนความทรงจำแสนหวานในขณะนี้          “ทิวลิป เจ้ขอโทษนะที่ทำเสียงดัง อย่าโกรธเจ้เลยนะ”          แอนนาขึ้นมาเอ่ยขอโทษน้องสาวที่ได้แต่หมกตัวอยู่ในห้อง ไม่ออกมาร้องโวยวายหรือตะโกนด่าเธอและสามีที่ทะเลาะกันเสียงดังเหมือนอย่างเคย แต่เพราะเงียบจนเธอแปลกใจ แอนนาจึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นมาดูว่าคราวนี้ทิวลิปคงโกรธจนไม่มีแรงจะตะโกนด่าออกมาแล้วกระมัง          หลายต่อหลายครั้งที่ทิวลิปพยายามไล่ให้เธอและสามีออกไปซื้อบ้านอยู่ที่อื่น เพราะรำคาญเสียงทะเลาะเบาะแว้งแต่เธอก็ไม่ยอมไป เงินน่ะมีแต่ไม่อยากไปให้พ้นญาติพี่น้อง เพราะขนาดอยู่ร่วมบ้าน สามีแสนเจ้าชู้ของเธอยังหาเรื่องทะเลาะและตบตีกันไม่เว้นแต่ละวัน หากย้ายไปอยู่กันเองตามลำพังไกลญาติพี่น้อง ดีไม่ดีเธออาจถูกฆ่าหมกบ้านไปก่อนก็ได้ เพราะสภาพของเธอในทุกๆ ค่ำคืนนั้นก็แทบจะตายอยู่แล้ว          “อืม... ทะเลาะกันเสร็จแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้เข้านอน”          “จะนอนทั้งที่ยังแต่งหน้าและน้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบนี่นะ”          “อ้าว! เหรอ”          “ไม่สบายหรือเปล่า”          แอนนาแตะหลังมือไปมาบนหน้าผากและตามเนื้อตัวของน้องสาว ทว่าทิวลิปกลับปัดป้องและทำท่าจะกลับเข้าห้องเหมือนเดิม เพราะกระแสบางอย่างจากมือพี่สาวที่ส่งผ่านมาตามเนื้อตัวกำลังแสดงความอาทรกันและกันออกมา สิ่งที่เธอไม่อยากจดจำให้เจ็บปวดอีก เพราะนั่นคือกระแสสัมผัสที่ลืมไปแล้วว่าเคยมี          นับตั้งแต่แม่ตายและเฮียปุ๊ยออกลายเต็มที่ แอนนาก็ทำท่าหลงผัวเสียจนไม่ฟังคำของเธอเลย ยังดีอยู่อย่างที่แอนนาไม่ได้กล่าวหาว่าเธอให้ท่าพี่เขย ไม่อย่างนั้นคงเป็นเธอเสียเองที่ต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่น ที่ทนอยู่นั้นส่วนลึกก็เพราะเป็นห่วงแอนนานั่นแหละ          “ทิวลิป ไม่สบายแน่ๆ ปวดหัวตัวร้อน เจ็บท้องหรือเจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกเจ้สิ”          “ฉันไม่เป็นไรหรอกเจ้ เจ้มีอะไรก็ไปทำเหอะ ฉันจะนอนแล้ว”          “ไม่สบายแน่ๆ เลย ไปหาหมอมั้ย เดี๋ยวเจ้พาไป”          “เจ้! ฉันไม่เป็นไร เจ้ไปเหอะ ฉันง่วงแล้ว”          “จริงนะ”          “จริงสิเจ้ เอ... หรือว่าเจ้กับเฮียนี่ไม่ถูกฉันด่าแล้วนอนไม่หลับ เอาสักดอกมั้ย”          “ไม่ล่ะๆ เจ้เห็นทิวลิปไม่ด่า ไม่โวยวายก็เลยคิดว่าไม่สบายเสียอีก”          “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ไปเหอะ”          “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ว่าแต่วันนี้ แต่งหน้าสวยดีนะ”          “เหรอ... เพื่อนแต่งให้นะ เทรนใหม่”          ทิวลิปรีบปิดประตูห้องเพราะกลัวว่าแอนนาจะถามอะไรเธออีก เพราะสีหน้าสลับร้อนสลับเย็นนั้นกำลังสร้างความสงสัยให้กับแอนนามากขึ้น คืนนี้กะว่าจะแค่อาบน้ำแต่ไม่ล้างหน้า เพราะอยากจะพาใบหน้าสวยๆ นี้ไปอวดเพื่อนสาวทั้งหลายว่าเขาเป็นคนแต่งให้ และก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพความประทับใจส่งไปให้เพื่อนอิจฉาเล่นกันก่อนนอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม