Code Line 5
“โอ๊ะ ขอโทษค่ะ” ฉันวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนจะเริ่มทานข้าว พี่วินเองก็ยังไม่ยอมแตะอาหารแต่พอฉันเริ่มขยับมือเขาก็ตักอาหารมาใส่จานให้ก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นค่อยทาน เราทานไปคุยกันไปแบบไม่รีบเพราะนี่ยังไม่หกโมงเย็นเลยด้วยซ้ำ โทรศัพท์ที่วินสั่นถี่ๆแต่เจ้าตัวก็ยังไม่มีวี่แววจะสนใจหรือหยิบขึ้นมาเช็คดู กระทั่งโทรศัพท์เขามีสายเรียกเข้า พี่วินปรายตามองอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ยอมรับสายในที่สุด
“มีอะไรวะ”
“เออ แล้วไง” ฉันไม่รู้หรอกว่าปลายสายคุยอะไรกันแต่ที่แน่ๆระหว่างคุยพี่วินก็เอื้อมมือไปตักอาหารมาใส่จานให้ จากตอนแรกไม่เขินตอนนี้ฉันเริ่มจะร้อนๆที่แก้มสองข้างแล้วล่ะ
“กูมากับน้องจะมาทำไม” น้อง? หมายถึงฉันเหรอ
“เออๆ จะมาก็มา พวกมึงไม่ใช่ก้างพวกมึงเป็นขยะเปียก” ฉันสะดุ้งเพราะคำว่าขยะเปียก ฉันอยากพูดแบบนี้กับเพื่อนบ้างจังแต่เชื่อสิถ้าพูดมีหวังพวกมันตีฉันจนช้ำแน่ไหนจะต้องนั่งฟังพวกนั้นสอนอีก ทีตัวเองพูดหยาบได้แต่พอฉันพูดพวกนั้นบอกว่าฟังแล้วมันไม่หยาบ
“ขิงเพื่อนพี่จะมาทานข้าวด้วยนะเดี๋ยวเราย้ายมานั่งฝั่งเดียวกับพี่”
“อ้อ ค่ะ ชาบูย้ายที่นั่งๆ”
“แต่พี่ก็ไม่มั่นใจว่าพวกมันจะมาหมดหรือมากี่คน” พี่วินบอกอย่างไม่ค่อยพอใจเขาลุกยืนให้ฉันเข้าไปนั่งด้านในฉันวางชาบูไว้ที่เก้าอี้ตัวด้านในสุดส่วนตัวฉันนั่งตัวที่สองพี่วินนั่งข้างๆฉันข้างกายเขามีเก้าอี้ว่างอีกตัว
“มาเยอะๆสนุกดีค่ะ” พี่วินพยักหน้ารับมือก็เอื้อมไปยกจานข้าวและแก้วน้ำมาวางให้ตรงหน้าฉันจากนั้นก็ยกมือเรียกพนักงานเพื่อนสั่งอาหารเพิ่มอีกสี่อย่าง
“เอาเครื่องดื่มอย่างอื่นไหม” พี่วินหันมาถาม
“คะ? อ้อ เอาแปบซี่เหมือนพี่ก็ได้ค่ะ”
“เอาแปบซี่เพิ่มอีกแก้วครับ ขิงทานต่อเลยนะไม่ต้องรอพวกมัน” ฉันพยักหน้าหงึกหงักเข้าใจมือก็เอื้อมตักอาหารใส่จานพี่วินตอบแทนที่ก่อนหน้านี้เขาตักให้ฉัน เรานั่งทานกันต่อไม่ถึงห้านาทีเพื่อนพี่วินอีกสามคนก็เดินเข้ามาในร้านเสียงกรี๊ดดังขึ้นเบาๆเมื่อพวกเขาเดินผ่านเข้ามายังมุมร้านด้านใน พี่ๆทั้งสามคนนั่งลงฝั่งตรงข้ามฉันยกมือไหวพี่ๆทันทีเมื่อพวกเขามองมา
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ วันนี้ขอทานข้าวด้วยนะ”
“ยินดีค่ะ”
“ไหนพวกมึงบอกจะไปชาบูไง” พี่วินถามเพื่อนเสียงเข้ม ฉันก้มหน้ามองจานข้าวเพราะเหมือนเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันมันเป็นเรื่องภายในกลุ่ม
“ก็เห็นเพื่อนพานงพาน้องมากินข้าวพวกกูเป็นห่วงเลยมาหารค่าข้าวไง” พี่นนท์ตอบพี่วินกวนๆ เสียงหัวเราะสะใจดังจากพี่ๆอีกสองคน
“ตอแหลเก่ง เอ่อ ” พี่วินหันมามองฉันอย่างตกใจแต่มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดหูฉันไว้จากนั้นได้ยินเพียงเสียงแว่วแต่ฉันมั่นใจว่าเป็นคำด่าแน่นอน พี่สามคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับหัวเราะชอบใจไม่ได้สลดกับคำด่าพี่วินเลยสักนิดเกือบห้านาทีพี่วินถึงยอมลดมือจากหูฉัน เสียงหัวเราะของพี่ๆยังทำให้ฉันสงสัยว่าอะไรที่ทำให้พวกเขามีความสุขขนาดนั้นทั้งที่พี่ๆเพิ่งโดนพี่วินด่า
“แล้วรู้ได้ไงว่าอยู่นี่”
“เพจแฟนคลับมึงไง พวกกูเลยตามมาเอ้าเอาไปดู” พี่ฟ้ายื่นโทรศัพท์เขามาให้พี่วินรับมาเลื่อนดูก่อนจะยื่นให้ฉันดูด้วย แต่รูปที่พวกเขาอัพลงมันทำให้ฉันเขินยังไงชอบกล รูปแรกเป็นรูปที่ฉันอุ้มชาบูข้างๆกันนั้นคือพี่วินที่ยืนอยู่ข้างๆ รูปที่สองคือรูปที่เรากำลังข้ามถนน รูปสุดท้ายเป็นรูปพี่วินจับมือฉันข้ามถนน
Winter FC
1hrs*
กรี๊ด!! ความคมชัด ความชัดเจน พี่วินหล่อมดลูกสั่นมาก ส่วนน้องก็น่ารัก ใครรู้รายละเอียดน้องบอกบุญหน่อยเด้อ หลงรักน้องไปแล้วตอนนี้
ปล.ป้าอยากเป็นหมา ป้าอยากเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเขา!
(แนบรูปทั้งสาม)
7.1likes 904comment
ฉันอ่านแค่นั้นไม่กล้าเปิดดูคอมเม้นมันเป็นความรู้สึกกลัว กลัวอะไรก็ไม่รู้แต่ฉันกลัวแค่นั้นแหละพอส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ๆฉันก็ทานข้าวต่อจนเสร็จพี่วินนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องงานกลุ่มแต่ก็ไม่ลืมชวนฉันคุยคงจะกลัวฉันอึดอัดล่ะมั้งเมื่อนานเข้าฉันเลยถือโอกาสเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมาเล่นเกมแทน พอได้เล่นเกมฉันก็ไม่ได้สนใจพี่ๆมากเท่าไหร่คุกกี้รันกำลังดึงดูดฉันจดจ่อไปกับเกม
“ขิง”
“คะ?” ฉันขานรับแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเลยว่าใครเป็นคนเรียก แต่ต้องเป็นหนึ่งในพี่ๆที่นั่งอยู่ด้วยกันนี่แหละ
“ไปเดินตลาดไหม”
“ไปค่ะ” ไปไว้ก่อน ดีเหมือนกันจะได้ชวนเพื่อนออกมาเดินด้วยกันด้วย
“งั้นรอแปบนะพวกพี่ขอกินข้าวก่อน”
“ได้ค่ะ แต่พี่คะหนูชวนเพื่อนด้วยได้ไหม” ฉันถามแอบเผลอกัดปากตัวเองไปหนึ่งทีเพราะเกร็งจนกลัวจะกระโดดพลาดลงหลุม
“ได้สิ”
“อ๊ะ ตายละ” ฉันเงยหน้ามองข้างๆเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องแล้วก็จริง พี่วินจ้องฉันพรางขำเบาๆ คงจะตลกที่ฉันจริงจังกับการเล่นเกมเกินไป แต่เอาเถอะขอโทรหาเพื่อนก่อนแล้วกันเผื่อเพื่อนอยากมาเดินตลาดด้วยกันฉันเลือกที่จะโทรในกลุ่มไลน์ที่มีเพียงพวกฉันอยู่
(ว่าไง)
(โหลๆ เทสๆ)
“จะชวนมาเดินตลาด”
(ตลาดไหน?) ใครสักคนถามแต่ฉันมั่นใจว่าเป็นเสียงกะทิ
“ตลาด...” ฉันมองรอบๆแต่ก็ไม่ยักจะเห็นป้ายอะไร
“หลังม.ครับ”
“ตลาดหลังม.”
(เสียงใครน่ะทำไมคุ้นๆ)
“ถ้ามาจะเห็น” ฉันอยากให้เพื่อนมาเดินด้วยจริงๆนะ มีแต่กลุ่มพี่วินแบบนี้มันก็อดที่จะประหม่าไม่ได้
(ได้ๆ สิบนาทีถึงพวกมึงไปไหมถ้าไปอีกสิบนาทีเจอกันที่หน้าตลาด ขิงรอก่อนนะ)
“รับทราบ”
(เจอกัน)
“เพื่อนบอกอีกสิบนาทีที่หน้าตลาดค่ะ” พี่วินพยักหน้ารับ ก้มมองชาบูในอ้อมกอดดุๆ แต่ชาบูดิ้นๆจนฉันต้องเอื้อมมือไปรับมาอุ้มไว้เอง
“ลูกมึงมันเจ้าชู้ว่ะ ติดไอ้ขิงแจเลย”
“กูก็ว่างั้นแหละ วันนี้ไม่อ้อนกูเลยอ้อนแต่ขิง”
“มึงโดนหมาเมินแล้วว่ะ ฮาๆๆ”
“สัส! เงียบไปเลยพวกมึง”
“พวกกูล่ะด่าล่ะว่า ทีน้องล่ะแหมเสียงหวานหยดย้อย” พี่นนท์แซะกลับมา ฉันเองก็สังเกตนะเวลาคุยกับเพื่อนที่วินจะเป็นอีกคนเลยแต่พอคุยกับฉันพี่วินกลับพูดเพราะแล้วเสียงนุ่มฟังออกชัดเจนว่าเวลาพูดเขาพูดต่างจากเวลาคุยเพื่อนของเขา
“เป็นน้องเหรอมาบ่นน่ะ”
“ขิงช่วยพี่ด้วย!!”
“คะ?”
“มันพูดไม่เพราะกับพวกพี่อะ” อ่า เอาแล้วไงฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะเนี่ย ฉันมองพี่วินสลับกับพี่ๆอย่างสงสัยแต่ยังไม่ทันจะได้พูดหรือเอ่ยอะไรพี่วินก็ยกมือลูบผมฉันเบาๆเสียงโห่ดังจากเพื่อนเขาทันที
“เพื่อนมาแล้วๆ” ฉันโบกมือให้เพื่อนตัวเองทันทีกะทิเดินข้ามถนนมาหาไม่นานนพก็มาถึงส่วนลิลลี่กับใยบัวเดินกอดคอกันเข้ามาใกล้ สรุปเพื่อนฉันมาครบทุกคนเลย
“กินข้าวเย็นกันมาหรือยัง” พี่นนท์เอ่ยถามเพื่อนฉัน
“เรียบร้อยแล้วพี่ นี่มาเดินซื้อของกินเล่นเฉยๆ จ่ายให้ด้วยนะ” นพเป็นคนตอบ
“กูเพิ่งโอนเงินให้เมื่อเช้า”
“เอาน่าเลี้ยงหน่อย นี่น้องนะ”
“เออๆ จะเอาอะไรก็บอก”
“เหนื่อยไหมให้พี่อุ้มเองมา” พี่วินรับชาบูไปอุ้มเองฉันเลยได้โอกาสหันไปชวนเพื่อนเดินดูของ เพราะทานข้าวมาแล้วฉันเลยไม่หิวพวกของคาวแต่จะสนใจผลไม้และขนมหวานเป็นพิเศษตอนนี้ฉันมีแก้วเครื่องดื่มติดมือมาหนึ่งแก้วเพื่อนและพี่ๆเองก็มีเหมือนกัน
“ทิต่างหูสวยไปดูไหม” ฉันสะกิดเพื่อนรายนั้นพยักหน้าเราสองคนเลยเดินเข้าไปเลือกต่างหูส่วนพี่ๆนั่งรอที่ฝั่งตรงข้ามที่ถูกจัดไว้เป็นที่นั่งพักนั่งทานอาหาร ลิลลี่กับใยบัวดูเสื้ออยู่ร้านข้างๆ สองพี่น้องพี่นนท์กับนพกำลังยืนเถียงกันอยู่หน้าร้านหมึกปิ้ง เอากับพวกเขาสิสุดในทุกเรื่องจริงๆสองพี่น้อง
“จ่ายตังค์กัน”
“เคๆ” เราได้ต่างหูคนละสองสามคู่ ซื้อไว้ก่อนไม่รู้จะใส่ไปไหนเหมือนกันฉันเดินเข้าไปหาพี่วินที่มองฉันอยู่ก่อนแล้วพอเห็นฉันยิ้มคนตัวสูงก็ยิ้มตามแต่ชาบูที่หมอบอยู่พื้นก็เห่าบ๊อกบ๊อกอย่างกับจะฟ้องอะไรฉันสักอย่าง
“เป็นไร ใครแกล้ง”
บ๊อก บ๊อก
“ซนเก่ง” ฉันมองชาบูพรางหัวเราะเบาๆ พี่วินยังยิ้มขำเมื่อเห็นฉันคุยกับชาบู เราเดินเล่นต่ออีกไม่นานก็แยกย้ายกันกลับเพราะฝนเหมือนตั้งเค้าจะตก ฉันกลับกับพี่วินพอถึงคอนโดฝนก็ตกอย่างหนักเสียงฟ้าร้องทำให้ชาบูซุกหน้าเข้ากับรักแร้พี่วินอย่างน่าสงสาร
“พรุ่งนี้มีเรียนไหม” เราทั้งสองยืนคุยกันอยู่หน้าห้องเมื่อเปิดประตูไว้แล้วแต่ยังไม่มีใครเดินเข้าห้อง
“มีค่ะ พี่ล่ะ”
“พี่ไม่มี แล้วเรียนเสร็จกี่โมงจะไปรับ”
“ไม่ต้องค่ะ หนูมีกิจกรรมต่อด้วยรับน้องไง”
“งั้นเหรอมันเสร็จดึกนี่ เสร็จแล้วก็โทรมาเดี๋ยวไปรับเอง”
“แต่...”
“รีบเข้านอนล่ะ ฝันดีครับ”
“เอ่อ ค่ะฝันดีค่ะ”
เขาไม่ฟังฉันเลย ฉันถูกดันหลังให้เดินเข้าห้องก่อนที่พี่วินจะเดินเข้าห้องตัวเอง พอกลับเข้าห้องฉันก็พุ่งเข้าไปล้างมือล้างเท้าทันทีจนบางทีก็กลัวตัวเองเป็นโรคจิตนะไม่ว่าจะทำอะไรต้องล้างมือล้างเท้าใครมาห้องฉันนี่ประสาทกินหัวก่อนกลับอะฉันว่า พี่เวทมาทีไรฉันก็บ่นตลอดนั่นแหละ เมื่อทำการบ้านเสร็จฉันก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมจะนอนแล้วพรุ่งนี้มีเรียนเช้าและบ่ายก็มีกิจกรรมเสร็จอีกทีก็คงจะค่ำไปเลย แต่ก่อนนอนฉันก็ไถเฟซบุ๊คเล่นไปเรื่อยกระทั่งเจอกับคลิปๆหนึ่งอดใจไม่ไหวเลยต้องกดเข้าไปดู เป็นคลิปแอบถ่ายพี่วินตอนนั่งอยู่ที่ตลาดกับเพื่อนของเขา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงมียอดไลค์ แชร์แล้วก็คอมมเนท์เยอะขนาดนั้น
‘ชาบู นั่ง รอก่อน ชาบู’ เสียงพี่วินสั่งชาบูที่อยู่พื้นเหมือนตั้งท่าจะวิ่งไปไหนสักที่แต่เพราะพี่วินถือสายจูงอยู่เลยวิ่งไปไหนไม่ได้
‘วิน ทำไมหมามึงดีดจังเลยวะ’*เสียงเพื่อนพี่วินเอ่ยขึ้นมา
‘ช่วงนี้กูไม่ค่อยได้พาออกมาข้างนอกมั้งเลยซน ชาบูคอย” พี่*วินไม่มีทีท่าจะหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อยทั้งยังมองชาบูขำๆอีกด้วย
บ๊อก! บ๊อก! บ๊อก!
“พี่ขิงซื้อของอยู่ชาบูนั่งรอ” พี่*วินบอกชาบูเสียงเอ็นดูแต่สายตาเขากลับจ้องไปที่ร้าน...ร้านต่างหูที่ฉันเข้าไปซื้อของ ไม่รู้ว่าเขากำลังมองด้วยสายตาแบบไหนเพราะมุมกล้องคลิปนี้ถ่ายจากด้านหลังเขา
“เก่งมาก รอพี่ขิงก่อนทำได้ใช่ไหม” บ๊อก! มีเห่ารับกันด้วย บ้าจริง ทำไมเวลาพูดชื่อฉันต้องทำเสียงละมุนแบบนั้นด้วยล่ะ!
‘หมามึงนี่น่าจะรักน้องนะ’
‘แหงดิ กูพูดกรอกหูทุกวัน’
‘กี่ปีนะมึง” อะไรกี่ปี?
‘สองปี พอๆน้องมานู่นแล้ว’
เดี๋ยวสิ! อะไรสองปีมันเกี่ยวกับฉันไหม ฉันอยากรู้จริงๆนะ